บทที่ 26
ข้าจะดูเอง! ย่อมเป็นของปลอมแน่นอน!
แต่ว่า นังเด็กนี่ก็ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์เสียทีเดียว ถ้าหากนางเข้าใจว่าอะไรควรไม่ควร เขาอาจจะพิจารณาเรื่องการรับนางมาเป็นอนุก็ได้…
ในขณะที่เขากำลังใคร่ครวญแผนการอย่างลับๆ จู่ๆ ก็ได้ ยินกู้เซี่ยเทียนเอ่ยขึ้น “ใต้เท้าฮู่ บ่าวสารเลวทั้งสองคนที่ปรักปรำซีจิ่วต้องถูกลงโทษอย่างหนัก! จะต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังพวกมันเป็นแน่ใต้เท้าฮู่ต้องสืบหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ เพื่อความเป็นธรรมของซีจิ่ว เพื่อความบริสุทธิ์ของจวนแม่ทัพ!”
เมื่อใต้เท้าฮู่รับปากเป็นมนเป็นเหมาะแล้ว กู้เซี่ยเทียนจึงกล่าวกับองค์ชายหรงเหยียนต่อ “องค์ชายสิบสอง โชคดีที่ซีจิ่วของพวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ องค์ชายโปรดวางพระทัยเถอะพะย่ะค่ะ”
องค์ชายหรงเหยียนฝืนยิ้ม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องซีจิ่วย่อมเป็นผู้บริสุทธิ์ข้ายินดียิ่งนัก…”
เรื่องทุกอย่างคล้ายสลายหายไปเหมือนหมอกควัน เมื่อไม่มีเรื่องครื้นเครงให้ชม ทุกคนก็เตรียมจะแยกย้ายจากไปในทันที
กู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ “องค์ชายสิบสอง หม่อมฉันมีเรื่องที่ไม่ใคร่จะเข้าใจอยู่ เดิมทีคิดว่าหลังจากนี้จะไปพบองค์ชายเพื่อสอบถาม แต่ในเมื่อวันนี้องค์ชายก็มาแล้ว เรื่องราวสับสนวุ่นวายเหล่านั้น ทั้งเรื่องสิ่งของที่ไม่มีอยู่จริงก็คลี่คลายหมดแล้ว วันนี้องค์ชายสิบสองพอจะช่วยไขข้อข้องใจให้แก่ซีจิ่วได้หรือไม่?”
องค์ชายหรงเหยียนท่าทีไม่ใคร่เต็มใจนัก “เชิญน้องซีจิ่ว ถามมาได้เลย”
กู้ซีจิ่วค่อยๆ ดึงเอากระดาษจดหมายที่ถูกพับเป็นรูปนกกระเรียนออกมาจากเสื้อแล้วโบกไปมา “ช่วงคํ่าเมื่อวาน จู่ๆ ซีจิ่วก็พบจดหมายฉบับนี้อยู่ภายในห้อง บนจดหมายเป็นลายมือขององค์ชายสิบสอง นัดหมายให้ซีจิ่วไปพบกัน ณ คฤหาสน์ส่วนตัวที่หุบเขาหนิงอู่เขตชานเมืองในคืนนี้…”
เธอพูดยังไม่ทันจบ สีหน้าขององค์ชายหรงเหยียนก็เปลี่ยนไป เขาสั่งให้คนนำจดหมายลับฉบับนี้ไปทิ้งไว้ใน เรือนของกู้ซีจิ่วเองจริงๆ ทว่าเขาก็เขียนบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าหากอ่านจบก็ให้เผาทำลายมันเสีย! หรือว่านังเด็กคนนี้จะไม่เชื่อฟังคำสั่งเขา?!
ในยามนี้เขาย่อมต้องปฏิเสธอย่างเดียวเท่านั้น จึงตีสีหน้าเกรี้ยวกราด แล้วขัดจังหวะนาง “ซีจิ่ว เจ้าไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนกัน? ข้าไปเขียนจดหมายเช่นนี้ให้เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? อีกอย่างข้าก็ไม่มีคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่ที่ภูเขาหนิงอู่ด้วย นำจดหมายมาให้ข้า ข้าจะดูเอง! ย่อมเป็นของปลอมแน่นอน!”
ว่าแล้วยื่นมือออกไปหากู้ซีจิ่วที่ถือจดหมายฉบับนั้นไว้
เขาต้องฉวยโอกาสยามที่ผู้คนยังไม่ระแคะระคายอะไร ทำลายจดหมายฉบับนี้ทิ้งให้สิ้นซากเสีย!
ด้วยความร้อนใจ เขาจึงเผลอใช้วิชาตัวเบาออกมา ร่างกายเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเขานั้นอย่าว่าแต่สวะไร้ค่าในตำนานอย่างกู้ซีจิ่วเลย แม้แต่ตัวแม่ทัพกู้เองก็ไม่แน่ว่าจะหลบพ้น
เขามั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าในชั่วพริบตาที่เกือบจะได้สัมผัสกับจดหมายนั้น จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ก้าวหลบไปด้านข้างด้วยท่าทีสบายๆ
การก้าวนี้มั่นคงและสง่างามยิ่งนัก หลบหลีกการคว้าจับ
ขององค์ชายหรงเหยียนได้พอดิบพอดี
องค์ชายหรงเหยียนตกตะลึง กู้ซีจิ่วมองเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “องค์ชายกล่าวว่าจดหมายนี้เป็นของปลอมหรือ? ไม่น่าใช่นะเพคะ? ซีจิ่วย่อมจดจำลายมือขององค์ชายได้…”
ทันใดนั้นก็หันไปมององค์ชายหรงเช่อผูโบกพัดจีบพลาง ชมเรื่องครื้นเครงอยู่ “จริงสิ ได้ยินมาว่าองค์ชายแปดแตกฉานเรื่องการคัดอักษรยิ่งนัก เช่นนั้นขอเชิญองค์ชายแปดช่วยตรวจสอบสักหน่อยเถอะเพคะ”
แล้วถือโอกาส ยัดจดหมายฉบับนั้นใส่มือองค์ชายหรงเช่อเสีย
สีหน้าขององค์ชายหรงเหยียนซีดขาวเล็กน้อย ฝีมือการวาดภาพขององค์ชายแปดหรงเช่อนั้นยอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดมาเปรียบได้ การคัดอักษรเขียนพู่กันก็ศึกษาจนแตกฉานอย่างยิ่ง
การปลอมแปลงลายมือย่อมไม่อาจเล็ดรอดสายตาขององค์ชายแปดผู้นี้ไปได้
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้หากว่าไม่ใช่การปลอมแปลงลายมือเขาก็ย่อมดูออกเช่นกัน…
‘บัดซบ!’
องค์ชายหรงเช่อสะบัดมือกางจดหมายนั้นออกมา หลังจากกวาดตามองสักพัก ก็เหลือบตามองกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น สีหน้าไร้เดียงสา