Skip to content

พลิกปฐพี 88-3

ตอนที่ 88-3

ตาเฒ่าหัวไว!

ในยามค่ำคืน มู่ชิงเกอนอนอยู่ในห้อง ในขณะที่กำลังเตรียมเข้านอน ทันใดนั้นก็สัมผัสถึงกลิ่นหอมอันแปลกประหลาด จากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกพลังบางอย่างห่อหุ้ม และหายวับไปจากห้อง

เมื่อทุกอย่างตรงหน้านางชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างของนางก็ได้มาหยุดอยู่ที่ส่วนลึกของเทือกเขาฉิน

อย่าถามว่านางตัดสินเรื่องนี้ได้อย่างไร…กลิ่นไอของเทือกเขาฉิน นางคุ้นเคยจนซึมซับเข้าไปในกระดูกแล้ว แม้ว่าที่ในพื้นที่แห่งนี้ นางยังไม่เคยมา แต่ก็ยังสามารถรู้ ได้ว่าที่นี่ คือเทือกเขาฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเป็นส่วนลึกของเทือกเขาฉินที่คนธรรมดายากที่จะเข้าถึง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ นางยืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่มีใบไม้แห้งกรัง บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบจนผิดปกติไร้เสียงนกเสียงกาหรือแม้แต่กลิ่นไอของสัตว์ป่า ราวกับว่าเป็นพื้นที่ที่ได้ตายไปแล้ว

ถ้า บนโลกใบนี้มีพื้นที่ที่ตายไปแล้วที่สวยงามมากถึงเพียงนี้…

มู่ชิงเกอมองไปรอบ ๆ ที่นี่เป็นป่าต้นเฟิง (ต้นเมเปิ้ล) สีแดงดั่งเปลวเพลิง ใบเฟิงแต่ละใบส่องสว่างประดุจเป็นแสงสว่างให้แก่โลกใบนี้

เงยหน้าขึ้นมอง ระยะอันไกลพ้นมีต้นไม้แก่ที่สูงลิ่วเสียดฟ้า ต้นไม้สีเขียวขจีสูงปกคลุมดิ่งตัวลง ระหว่างกิ่งไม้สามารถเห็นถึงแสงส่องประกายสีฟ้าจากท้องฟ้า

ลมกลางคืนพัดมาอย่างกะทันหัน ทำให้ใบเฟิงที่ร่วงอยู่บนพื้นพัดเข้าหามู่ชิงเกอ

นางยกมือขึ้นจับใบเฟิง ใบเฟิงร่วงลงมาหยุดที่บนฝ่ามือของนางเบาๆ เบาจนนางไม่สามารถรับรู้ได้ถึงนํ้าหนักเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

มู่ชิงเกอค่อยๆ ลดสายตาลงมอง สายตาที่สว่างสดใส จดจ้องไปที่ใบต้นเฟิง เพราะแสงสีแดงนั่น ทำให้ฝ่ามือของมู่ชิงเกอราวกับมีเปลวเพลิงลุกโหม

ทันใดนั่น มือใหญ่ข้างหนึ่งก็พลันโผล่ขึ้นมาและวางลงบนฝ่ามือของนาง ปิดใบต้นเฟิงเอาไว้ แล้วจับมือของนางแน่น

มู่ชิงเกอลืมตาขึ้นมอง ชุดสีขาวสะอาดไร้มลทินปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง ประดุจเมฆหมอกสีขาวที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและค่อยๆ ยกคาง ขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามไร้ที่เปรียบ ความสง่างามที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำพูดสะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง รอยยิ้มจางๆ บนมุมปาก ราวกับเป็นตัวแทนของความงดงามบนโลกใบนี้

“เจ้านี่เอง” มู่ชิงเกอพึมพำเบาๆ

ในนํ้าเสียง ปราศจากความตกใจหรือประหลาดใจใดใดอยู่เลย ราวกับว่ามันควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

รอยยิ้มตรงมุมปากของซือมั่วน่าเย้ายวนมากขึ้นกว่าเดิม ผมสีหมึกที่ยาวเหยียดลงมาถึงเข่าปลิวไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ แฝงเสน่ห์อันไร้ที่สิ้นสุด แขนเสื้อที่ปล่อยลงของเขาถูกยกขึ้นอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นถึงฝ่ามืออันเรียวยาวของเขา ไม่มีการเกริ่นอะไร เขาก็คว้าเอวของนางและดึงนางเข้าใกล้ ความใกล้ชิดของทั้งสองมากเสียจนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกัน มู่ชิงเกอไม่ได้ต่อด้าน เพียงแค่จ้องเขาและเลิกคิ้วเล็กน้อย ในแววตานั้นฉายแววขี้เล่นมากขึ้นหลายส่วน ซือมั่วก้มหน้าลง ในส่วนลึกของสายตานั้นมองมู่ชิงเกอที่อยู่ในชุดสีแดงเจิดจ้าอย่างตั้งใจ พลางพูดเบาๆ ว่า “อยากจะให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์สอนการรำเต้นที่ดูแปลกๆ นั้น ให้ตั้งนานแล้ว ถ้าในเมื่อการนัดหมายไม่สู้ความบังเอิญ ไม่สู้สอนข้าคืนนี้เลยดีกว่า”

คำพูดนี้ ราวกับเป็นคำพูดที่พูดออกมาด้วยเหตุและผล โดยไม่สามารถปฏิเสธได้

ทำให้กู่หยาและกู่เย่ที่แอบฟังอยู่ถึงกับปาดเหงื่อ เหตุใดท่านประมุขของพวกเขาถึงได้หน้าด้านถึงเพียงนี้?

“เจ้าอยากจะฝึกการเต้นรำนั่นรึ” มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มยั่วเย้า

ราวกลับไม่เห็นการหยอกล้อในสายตาของนาง ซือมั่ว พยักหน้า “ข้ามักจะรู้สึกว่ามีเพียงข้าเท่านั้นที่จะ สามารถร่ายรำสะท้านฟ้าดินกับเสี่ยวเกอเอ๋อร์ได้”

“เจ้ายังคงหลงตัวเองอยู่เหมือนเดิมเลยจริงๆ” มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ

ซือมั่วยิ้มโดยปราศจากคำพูดใด ราวกับกำลังบอกนางด้วยสายตาว่า จะใช่หรือไม่ ลองเต้นดูก็รู้ จ้องหน้าเขา จากนั้นมู่ชิงเกอก็ยกมืออีกข้างของตนเองขึ้นวางบนไหล่ของเขา ทำให้ความใกล้ชิดของทั้งสองเพิ่มมากขึ้น นางเข้าไปแนบหูของเขาแล้วพูดด้วยนํ้าเสียงโทนต่ำแต่แสนเย้ายวนว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ตั้งใจฝึก”

ไม่มีจังหวะดนตรีแต่กลับเหมือนมี

มู่ชิงเกอเริ่มเต้นพร้อมกับใบเฟิงที่ร่วงหล่นสู่พื้นดิน

ครั้งนี้ นางเต้นในจังหวะของหญิงสาว เพราะว่าซือมั่วได้ยึดตำแหน่งการเต้นของฝ่ายชายไปอย่างเอาแต่ใจ ราวกับว่า ในขณะที่มู่ชิงเกอเต้นรำเมื่อคราที่แล้ว เขาได้จดจำทุกท่วงท่าของนางเอาไว้อย่างแม่นยำ ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเต้น ชุดสีขาวและชุดสีแดงเข้าหาและใกล้ชิดกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นโค้งอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามและน่าเย้ายวน การเต้นรำครั้งนี้ ยังคงเป็นมู่ชิงเกอที่เป็นคนควบคุมจังหวะ แต่ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวของนาง ซือมั่วจะสามารถต่อให้ติดได้ทั้งสองเข้าหากัน ราวกับได้เคยเต้นรำด้วยกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการเต้น ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกฉงนใจ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกในการเต้นรำของซือมัว

ในอีกมุมหนึ่งกู่หยาเอามือจิ้มแขนของกู่เย่ พลางถามว่า “นี่ เจ้าเคยเห็นท่านประมุขเต้นรำหรือไม่?”

กู่เย่กลอกตาใส่เขา “แล้วเจ้าเคยเห็นรึไง?”

กู่หยาส่ายหน้าอย่างรุนแรง

เหอๆ ถือว่าคุณชายตระกูลมู่ผู้นั้นช่างร้ายกาจจริงๆ เป็น ผู้ปราบท่านประมุขโดยแท้เลย!

ราวกับว่า หากเป็นเพราะนางท่านประมุขของพวกเขาจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรม ถุย….ไม่สิ เรื่องที่ไม่น่าดูแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก!

ทั้งสองเงียบ ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจ ทำได้เพียงแค่ชื่นชมการเต้นรำของทั้งสองต่อไป

แต่ทั้งสองทำเหมือนพวกเขาไม่มีตัวตน พวกเขาต่างจมดิ่งอยู่กับสายตาของฝั่งตรงข้าม ร่วมเต้นรำกันในสวนต้นเฟิงพร้อมกับใบเฟิงที่ปลิวไปมา

แทงโก้ เป็นการเต้นที่แสดงถึงความรักของชายหญิง ทั้งร้อนแรงและบ้าบิ่น มีท่าทางที่ดูใกล้ชิดและมีความหมายแอบแฝงมากมาย

ก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ในวังหลวงนางก็แค่ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จึงพาฉินอี้เหยาเต้นรำในท่วงท่าระดับสูงหลายท่า แต่ตอนนี้การให้ความร่วมมือของซือ มว ทำให้นางเข้าถึงการเต้นรำ เต้นไปตามจังหวะในหัวใจ

ที่มู่ชิงเกอฝึกเต้นแทงโก้ เป็นเพราะความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ หลังจากที่นางฝึกจนเป็นแล้ว นางจึงหลงใหลการเต้นรำที่ทำให้รู้สึกปลดปล่อยเช่นนี้ เพราะ ฉะนั้นเมื่อชาติที่แล้วนางจะมีคู่เต้นเฉพาะ ในเวลาพักของนาง นางก็จะไปเต้นรำเป็นครั้งคราวและก็กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งเดียวในการใช้ชีวิตส่วนตัวของนาง ในตอนนี้นาง รู้สึกว่าความร่วมมือระหว่างซือมั่วและนางราวกับจะลงตัวมากกว่าคู่เต้นคนนั้นเสียอีก ทำให้นางสามารถปลดปล่อยได้มากกว่าเดิม

ในชั่วขณะ นางลืมไปว่าตนเองอยู่ที่ไหน ลืมเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดบนโลกและได้ปลดปล่อยอามรมณ์ไปกับการเต้นรำมากขึ้นเรื่อยๆ

ซือมั่วที่หันหน้าเข้าหานางนั้น สังเกตเห็นตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่ได้เตือนและไม่ได้ขัดจังหวะ แต่กลับทำให้ตนเองมีส่วนร่วมด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ยื่นมือออกไปผลักเขาออก เพื่อเว้นระยะระหว่างทั้งสอง

ซือมั่วตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แววตาพลันฉายแววฉงนสงสัย

เขาจ้องมองใบหน้าอันงดงามของมู่ชิงเกอ เห็นถึงความสงบในสายตาของนาง จึงค่อยๆขมวดคิ้ว แต่ภาพต่อจากนั้นกลับทำให้จิตใจที่สงบไร้คลื่นลมมาเนิ่นนานของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version