ตอนที่ 90-3
สารพัดวิธีรนหาทีตาย คงมิอาจห้ามได้!
ความยินดีที่มาจากญาติมิตรเช่นนี้ทำให้ส่วนลึกในจิตใจของมู่ชิงเกอมีทั้งความรู้สึกคุ้นชินและไม่คุ้นชินในขณะเดียวกัน ทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า สำหรับนางแล้ว เป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจ
“ท่านปู่ ท่านอา ให้ข้าคุ้มครองในขณะที่พวกท่านทานยาเถิด” มู่ชิงเกอเสนอ
มู่เหลียนหรงมองมู่ซงผู้เป็นบิดาอย่างตื่นเต้น แต่มู่ซงกลับเงียบสงบ ส่ายหน้าพลางพูดว่า “การทะลวงเข้าสู่สายม่วงนั้นมีปฏิกิริยามากจนเกินไป ไม่สามารถทำภายในจวนได้”
คำพูดนี้ ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว
มู่เหลียนหรงเองก็พยักหน้าพลางพูดว่า “ใช่ ในตอนนี้ หากฮ่องเต้รู้ว่าท่านพ่อได้ทะลวงสู่สายม่วง คงจะยิ่งรีบร้อนที่จะล้มตระกูลมู่”
เมื่อคิดทบทวนแล้ว มู่ชิงเกอจึงพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ให้ ท่านอาทะลวงสู่สายคราม ข้ามีสถานที่ที่ลึกลับมากแห่งหนึ่ง พรุ่งนี้ข้าจะไปทะลวงสู่สายม่วงกับท่านปู่ที่นั้น เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า”
มู่ซงคิดทบทวนแล้วก็พยักหน้า
หลังจากนั้น มู่เหลียนหรงก็ได้กินยาโพ่ปี้ตานเข้าไปท่ามกลางการคุ้มกันของมู่ซง
ในขณะที่ร่างกายของนางมีแสงสีครามเกิดขึ้น ร่างกายของมู่ซงก็มีแสงสีนํ้าเงินที่ก่อตัวกันเป็นเส้นโค้งคุ้มกันตัวนางเอาไว้ในทันที เพื่อป้องกันการรับรู้ของภายนอกในขณะที่นางทะลวงสู่ขั้นที่สูงกว่า
สองชั่วยามหลังจากนั้น แสงสีครามที่ส่องสว่างอยู่ทั่วทั้งร่างกายของมู่เหลียนหรงก็ค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกาย ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ เปิดขึ้น
“สายครามขั้นกลาง!” แววตาของนางฉายแววตื่นเต้น
นางหยุดอยู่ในสายเขียวขั้นสูงสุดเป็นเวลานานหลายปีแล้ว และคิดมาเสมอว่านี่เป็นจุดสิ้นสุด แต่ไม่คิดว่ายาเพียงเม็ดเดียวของหลานสาวจะทำให้นางสามารถ ทะลวงขึ้นไปได้อีกสองขั้น และเข้าสู่สายครามขั้นกลางในทีเดียว
“ชิงเกอ อาขอบใจเจ้ามาก” มู่เหลียนหรงลุกขึ้น พลางจับมือทั้งคู่ของมู่ชิงเกอเอาไว้
มู่ชิงเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม “ถือเป็นผลจากการที่ท่านอาฝึกฝนและทุ่มเทความพยายามมาเป็นเวลาหลายปี จึงสามารถทะลวงได้สองขั้น ยานี้ของข้าเพียงแค่ช่วย กระตุ้นก็เท่านั้น ถึงแม้ไม่ได้ใช้ การที่ท่านอาจะทะลวงสู่สายครามก็คงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้อยู่ดี”
มู่เหลียนหรงหัวเราะชอบใจ “เจ้าช่างพูดเสียจริง”
พูดจบ นางก็มองมู่ซง และเรียกด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า “ท่านพ่อ” ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในนํ้าเสียงนั้น เกรงว่าคงจะมีเพียงสองพ่อลูกที่ช่วยเหลือกันโดยลำพังมาเป็นเวลาหลายปีเท่านั้นที่เข้าใจ
“ดี! ดีมาก! “ มู่ชิงเกอพยักหน้าด้วยความยินดี ดวงตาทั้งสองนั้นเปียกชื้น
ใครจะคิดว่า จอมเสเพลที่ทุกคนต่างรังเกียจ จะกลายเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลมู่ในวันนี้?
ค่ำคืนอันเงียบสงบได้ผ่านพันไป เข้าวันใหม่มู่ชิงเกอและมู่ซงแอบออกจากจวนตระกูลมู่อย่างเงียบๆ และมุ่งไปยังชานเมืองซึ่งเป็นค่ายพักแรมของตระกูลมู่
พื้นที่อันลึกลับที่มู่ชิงเกอพูดถึง ก็คือพื้นที่หุบเขาที่องครักษ์เขี้ยวมังกรเข้ารับการฝึกฝนในตอนแรก นอกจาก นี้นางยังให้กู่หยาแอบช่วยสกัดกลั้นกลิ่นอายพลังระหว่างการเลื่อนชั้นพลังไม่ให้รั่วไหลออกไปสู่ภายนอกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครรู้ว่ามีคนกำลังจะทะลวงสู่สายม่วง
นางเชื่อว่า เรื่องแบบนี้ สำหรับกู่หยาแล้วคงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
และก็เป็นไปตามที่คิด กู่หยาตอบตกลงทันทีโดยไม่มีบ่ายเบี่ยง และแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากผ่านการกระทำ
การที่มู่ซงทะลวงสู่สายม่วง แท้จริงแล้วควรจะเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างยินดี และถือเป็นเรื่องดีสำหรับประชาราษฎร์และแคว้น แต่เพียงเพราะฮ่องเต้ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง จึงทำให้พวกเขาต้องกระทำกันอย่างลับๆ ซึ่งทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก ถอนหายใจทีหนึ่ง หลังจากมู่ชิงเกอมองมู่ซงที่กลืนโพ่ปี้ ตานเข้าไป ก็ค่อยๆ ถอยห่างออกมา
ในขณะที่มู่ซงเข้าสู่สมาธิ และใช้พลังทั้งหมดควบคู่ไปกับฤทธิ์ยาเพื่อทะลวงจุดที่ติดขัดอยู่นั้น กู่หยาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในทันที พลางสะบัดมือ แสงอันโปร่งใสก็ได้ห่อหุ้มทั้งหุบเขาเอาไว้
ความกว้างของอาณาเขตที่ถูกคุ้มกันรวมทั้งพลังนั่น แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าพลังที่มู่ซงกางให้มู่เหลียนหรงเมื่อวานมากนัก
หลังจากที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็หายไปอีกครั้ง และรวดเร็วจนมู่ชิงเกอไม่รู้ว่าเขาหายไปในทิศทางใด
ทันใดนั้น ร่างกายของมู่ซงก็เกิดแสงสีนํ้าเงินส่องประกายขึ้นมา
แสงนั่น เหมือนดั่งเลเซอร์ที่มู่ชิงเกอเคยเห็นเมื่อครั้งอาศัยอยู่ในโลกใบเดิมอย่างไรอย่างนั้น ทำให้นัยน์ตารู้สึกพร่ามัว แสงสีน้ำเงินได้ห่อหุ้มตัวมู่ซงเอาไว้ทำให้ร่าง กายของเขาเป็นดั่งภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง
พลังจิตวิญญาณทั้งบนท้องฟ้าและใต้พื้นดินมารวมตัวกัน และกลายเป็นดั่งพายุที่หมุนเข้าสู่ร่างกายของมู่ซง ทำให้ร่างกายของเขาเดี๋ยวก็พองโตเดี๋ยวก็ยุบลง
ภายในหุบเขา ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงราวกับสูญสิ้นซึ่งแสงอาทิตย์ก็ไม่ปาน
แสงเดียวที่ส่องสว่างอยู่ ก็คือแสงสีนํ้าเงินท่ามกลางความพร่าเลือน มู่ชิงเกอราวกับได้ยินเสียงฟ้าร้อง นางเงยหน้าขึ้น รู้สึกถึงพลังกดดันที่มาจากท้องฟ้าและพื้นดิน อดนึกในใจไม่ได้ว่า เลื่อนชั้นเข้าสู่สายม่วง มีปฏิกิริยาที่รุนแรงอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ นางสามารถจิตนาการได้เลยว่า หากกู่หยาไม่ลงมือ พลังนี้อาจจะส่งไปถึงทุกคนในลั่วตู ที่ฝึกฝนพลัง จนทุกคนสามารถสัมผัสได้ และทำให้เหล่ายอดฝีมือต้องพากันมาสืบหาสาเหตุเป็นแน่
ทันใดนั้น พลังทั้งหมดภายในหุบเขาราวกับได้รับการกดทับ และพุ่งเข้าไปในร่างกายของมู่ซงอย่างรวดเร็ว จนแทบจะฉีกกระชากร่างกายของเขาให้แยกออกจากกัน แสงสีนํ้าเงินบนร่างกายของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น และค่อยๆ กลายเป็นสีม่วง
เกราะคุ้มกันที่ห่อหุ้มหุบเขาอยู่ ราวกับได้กั้นที่นี่ไว้ให้เป็นโลกอีกใบ มู่ซงทำได้เพียงดูดซับพลังจิตวิญญาณในหุบเขาเพื่อใช้ในการทะลวงขั้นพลัง
และพลังจิตวิญญาณที่อยู่ภายในหุบเขานั้นราวกับลดน้อยลงไป
จากนั้น ต้นไม้ใบหญ้าที่เดิมขึ้นอยู่บนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ก็ค่อยๆ เหี่ยวแห้งลงท่ามกลางสายตาของมู่ชิงเกอ ในขณะเดียวกัน แสงสีม่วงบนร่างกายของมู่ซงก็มั่นคงขึ้น ทันใดนั้นแสงสีม่วงอ่อนจางที่ส่องประกายอยู่ก็ถูกดูดเข้าไปภายในร่างกายของมู่ซง ทั้งหุบเขาพลันเงียบสงบลง
เมื่อพลังนั้นค่อยๆ จางหายไป เกราะคุ้มกันอันโปร่งใสที่คุ้มกันหุบเขาอยู่ก็ได้แตกสลายและหายไปในอากาศ
มู่ชิงเกอละลายตาที่มองอยู่ และเดินเข้าไปหามู่ซงอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ มู่ซงก็ลืมตาขึ้นมาพอดี นัยน์ตาอันเคร่งขรึมนั้นสะท้อนใบหน้าของมู่ชิงเกอ
“ยินดีด้วยท่านปู่!” มู่ชิงเกอพูดจากใจจริง เมื่อทะลวงสู่สายม่วง ความรู้สึกที่มู่ซงได้สัมผัสก็แตกต่างไปจากเดิม เขาหัวเราะอย่างเบิกบานเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ภายในหุบเขาอยู่เนิ่นนาน
หลังจากที่จิตใจของเขาเริ่มสงบลง จึงได้พูดกับมู่ชิงเกอว่า “ชิงเกอ ปู่ขอบใจเจ้ามาก”
คำขอบคุณนี้ของท่านผู้เฒ่า จริงใจอย่างอย่างหาที่สุดไม่ได้
มู่ชิงเกอเองก็น้อมรับด้วยความยินดี พลางพูดกับมู่ซงว่า “ตอนนี้ท่านปู่ได้ทะลวงสู่สายม่วงแล้ว ต่อจากนี้ชิงเกอก็สามารถก่อเรื่องได้ดั่งที่ใจต้องการ เพราะไม่ว่าจะ เรื่องอะไร ท่านปู่ก็จะคอยปกป้องข้า”
“ได้! เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรปู่ก็จะช่วยแบกรับมันแทนเจ้าเอง แม้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ไม่ต้องกลัว!” มู่ซงมองนางด้วยความเอ็นดู สองปู่หลานมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน สายใยความผูกพันได้ถักทออยู่ภายในใจของทั้งคู่ เมื่อกลับมายังลั่วตู ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาที่มู่ซงทำให้เกิดบนหุบเขาดั่งที่คิดเอาไว้ในตอนนี้มู่ซงได้กลาย เป็นยอดฝีมือสายม่วงแล้ว จะมีใครสามารถหยั่งถึง ความสามารถที่แท้จริงของเขาได้อีกเล่า?
“ท่านปู่ ภายในวังหลวงมียอดฝีมือสายม่วงหรือ?” ในขณะนั่งอยู่บนหลังเพลิงรัตติกาลที่เดินอยู่บนถนนใหญ่ของลั่วตู มู่ชิงเกอก็ได้ถามขึ้น