ตอนที่ 91-1
ละครหักมุม! คืนนี้ข้าจะปักปิ่นให้แก่เจ้า
“หืม? นี่มันเรื่องอันใดกัน? เหตุใดบนเอกสารถึงได้มีตัวอักษรแคว้นถู?” ขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งชี้จดหมายหลายฉบับที่มีรอยไหม้สีดำ แต่ยังคงสามารถเห็นเนื้อความได้อย่างชัดเจน
มีตัวอักษรของแคว้นถูปรากฏอยู่บนนั้นอย่างนั้นหรือ?
คำพูดนี้แฝงความนัยที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นได้เลย
พอเรื่องนี้กระจายออกไป คนจำนวนมากต่างก็คาดเดาและสงสัย โดยเจ้าของห้องหนังสือนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
ในห้องหนังสือของเขามีอะไรบ้าง เขากระจ่างชัดกว่าใคร
แต่ว่า เขากลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นจดหมายเหล่านี้
ท่ามกลางความฉงนใจของผู้คน มีคนเดินเข้าไปก้มลงเก็บจดหมายพวกนั้นขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นี่เป็นตราสัญลักษณ์ของแคว้นถู” คนที่หยิบเอกสารขึ้นมาค้นพบอะไรบางอย่างบนจดหมาย แคว้นถูและแคว้นฉินทำสงครามกันมานานปีจะไม่กระจ่างทุกอย่างเกี่ยวกับศัตรูได้อย่างไร ?
อีกประการหนึ่ง ในตอนนี้ราชทูตแคว้นถูอยู่ภายในลั่วตู โดยผู้นำของพวกเขาคือเชื้อพระวงศ์แคว้นถู บนร่างกายสวมชุดที่มีตราสัญลักษณ์เช่นเดียวกันนี้ประดับอยู่อย่างชัดเจน
ทันใดนั้น ก็เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาขึ้นท่ามกลางผู้คน
หากว่า เป็นเพราะมีการทำสงครามกับแคว้นถูมานานหลายปี จึงต้องศึกษาตัวอักษรแคว้นถู หรืออาจจะเป็นข่าวคราวที่มาจากการสืบราชการลับจากแคว้นถู จึงต้อง ใช้ตัวอักษรแคว้นถูในการดำเนินการ เหตุผลเพียงเท่านี้ก็อาจยังพอเข้าใจได้
แต่ว่า จดหมายที่มีตราสัญลักษณ์ของแคว้นถูได้ปรากฏอยู่ภายในห้องหนังสือของเขา และยังถูกซ่อนเอาไว้ในหนังสือเป็นอย่างดี เรื่องนี้อาจมีอะไรมากกว่าที่คิด
มู่ชิงเกอแอบกวาดสายตาไปมองป๋ายซีเยวี่ย
นางในตอนนี้ กำลังหลบซ่อนตนเองท่ามกลางผู้คนจงใจลบการมีตัวตนอยู่ของตนเอง ใบหน้าอันงดงามนิ่งสงบ มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่กำลังสังเกตการณ์ทุกอย่างอย่างละเอียดและแฝงความได้ใจอยู่ลึกๆ
มู่ชิงเกอละสายตากลับมา พลันใช้หางตามองฉินจิ่นห้าวอย่างเยาะเย้ย ราวกับกำลังบอกกับเขาว่า ‘นี่หรือ เป็นแผนการใส่ความของคนที่คนอย่างเจ้าให้ความสำคัญ’
ฉินจิ่นห้าวสัมผัสได้ถึงสายตานั้นในขณะเดียวกันก็ตอบกลับด้วยสายตาที่ราวกับกำลังปลอบใจมู่ชิงเกอว่า ในเมื่อเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เกิด เรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลมู่ในตอนนี้เป็นแน่ ใช่แล้ว ตอนที่มู่ชิงเกอได้ตอบกลับเขาว่า ‘ได้’ เขาก็ได้ยุติความคิดที่จะใช้แผนการของป๋ายซีเยวี่ย และในขณะเดียวกันก็ได้อธิบายว่าตนเองได้คัดค้านแล้ว แต่ป๋ายซีเยวี่ยยืนยันที่จะทำเช่นนี้
ความจริงแล้ว เขาสามารถหยุดเรื่องนี้ได้ แต่กลับถูกมู่ชิงเกอห้ามเอาไว้
เขาดูออกว่า มู่ชิงเกออยากจะจัดการกับป๋ายซีเยวี่ย เพื่อที่จะป้องกันตระกูลมู่ได้อย่างทั่วถึง เสียป๋ายซีเยวี่ยเพียงคนเดียวจะเป็นไรไป?
เมื่อเทียบกับตระกูลมู่แล้ว ป๋ายซีเยวี่ยไม่ได้มีค่าเลยแม้แต่น้อย
เพราะฉะนั้น เขายอมให้ความร่วมมือกับมู่ชิงเกอมากกว่า
แน่นอนว่าเขาก็ไม่กลัวหากป๋ายซีเยวี่ยจะย้อนมาแว้งกัดเขา เพราะเขาจะไม่ยอมให้นางได้มีโอกาสนั้น!
ป๋ายซีเยวี่ยไม่รู้ว่าตนเองได้ถูกคนที่รักและเชื่อใจมากที่สุดในตอนนี้หลอกใช้ นางรู้เพียงว่า ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่นางได้วางแผนเอาไว้จนแทบจะเก็บซ่อน ความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
คนที่สังเกตปฏิกิริยาของนาง นอกจากมู่ชิงเกอแล้วยังมี เหลียนหรงอีกคน
เมื่อเห็นสายตาของป๋ายซีเยวี่ยที่แฝงความตื่นเต้น แววตาของนางก็พลันมัวหมองลง ราวกับได้สูญเสียจิตวิญญาณบางส่วนของตนเองไปเสียแล้ว
การกระทำระหว่างมู่ชิงเกอและฉินจิ่นห้าว ผู้คนต่างก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ทุกอย่างกลับอยู่ในสายตาของฉินจิ่นเฉินที่ยืนอยู่ตรงมุม
ราวกับเขา ได้สังเกตถึงเงื่อนงำอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ในที่สุดสายตาของเขาก็มาหยุดที่มู่ชิงเกอ
“นายท่านผู้เฒ่า เอกสารเหล่านี้ผู้น้อยขออ่านได้หรือไม่?” ขุนนางบุ๋นที่เก็บเอกสารนั้นขึ้นมา แอบคิดทบทวน แล้วรวบรวมความกล้าถามมู่ซง
มู่ซงพูดตรงๆว่า “หากเจ้าอยากอ่านก็อ่านเลย จดหมายพวกนี้ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนในใจก็รู้สึกสงสัยมากเช่นกัน”
คำตอบอย่างตรงไปตรงมานี้ทำให้ขุนนางคนนั้นตาเป็นประกายวูบ รีบก้มหน้าลงโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ว่า ปฏิกิริยากลับไม่ช้าลงเลยเมื่อแต่น้อย รีบเปิดซอง จดหมายและเอาจดหมายในนั้นออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เขาเห็นจดหมายฉบับแรกนั้น เนื้อหาในจดหมาย ทำให้สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
หลังจากนั้น เขาก็เอาจดหมายฉบับอื่นๆออกมาอย่างรวดเร็ว และกวาดสายตาบนจดหมาย ใบหน้าของเขาก็ซีดลงเรื่อยๆพลางเหลือบตามองมู่ซงอย่างไม่อยากจะ เชื่อ
เจ้าอ้วนเช่าเบียดตนเองออกมาท่ามกลางผู้คน จนมาอยู่ข้างๆมู่ชิงเกอในที่สุด
เขาดึงแขนเสื้อของมู่ชิงเกอ พลางพูดเบาๆข้างหูนาง “ลูกพี่ ข้าว่าของสิ่งนี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล! และคิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่พวกเรารีบหาทางถอยเถอะ”
มู่ชิงเกอกลับแปลกใจในความระแวดระวังของเจ้าอ้วนเช่า
แต่ทว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้ามายุ่งได้
เพราะฉะนั้น นางจึงตอบเสียงตํ่าว่า “อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เจ้ารอดูสถานการณ์ต่อไปก็พอแล้ว”
การเตือนอย่างลับๆ ทำให้เจ้าอ้วนเช่าตาสว่างและกระจ่างในทันที ว่าลูกพี่จะลงมือจัดการแล้ว จึงรีบพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะคอยเฝ้าดูความเก่งกาจของท่าน!”พูดจบ ก็ถอยออกห่างจากมู่ชิงเกอไปอย่างเงียบๆ
ท่าทางที่คล่องแคล่วและไหลลื่นดั่งปลาไหล ความอ้วนราวกับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความว่องไวของเขาแม้แต่น้อย !
ทำให้มู่ชิงเกอที่มองอยู่กระตุกยิ้มและรู้สึกชื่นชมจากใจจริง
หลังจากที่เจ้าอ้วนเช่าถอยออกไป ขุนนางคนนั้นก็ได้อ่านจดหมายนั้นจบแล้ว เขาเหลียวซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนกโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมงานที่กำลัง มองเขาด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น ก็พบรุ่ยอ่องที่บุคลิกลักษณะภายนอกดูโดดเด่นยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน
เขารีบขยับเข้าไปหารุ่ยอ๋อง ในมือที่กำจดหมายแน่นสั่นเบาๆ
“รุ่ยอ๋อง กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพะย่ะค่ะ” เขาเดินไปหยุดตรงหน้าฉินจิ่นห้าว พลันประสานมือคารวะ
เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ความดีใจที่ช่อนอยู่ในแววตาของป๋ายซีเยวี่ยก็เพิ่มขึ้น ราวกับว่า แผนการของนางได้สำเร็จลุล่วงแล้ว นางมองรุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าวด้วยแววตาอันลึกซึ้ง ราวกับกำลังรอเขาออกคำสั่งให้จับกุมตระกูลมู่ แน่นอนว่านางเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าและเป็นผู้อาศัยในตระกูลมู่ หากถูกโยงเข้าเรื่องนี้ ก็จะพ้นข้อกล่าวหาได้ไม่ยาก
อีกประการหนึ่ง นางยังเป็นถึงผู้หญิงของรุ่ยอ๋องมิใช่หรือ?
ในขณะนั้นเอง ป๋ายซีเยวี่ยก็รู้สึกดีใจกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป หากในตอนนั้นไม่มีรุ่ยอ๋องที่ช่วยแก้พิษให้กับนาง ชีวิตของนางอาจจะจบสิ้นลงแล้ว
ตอนนี้ นางเป็นผู้หญิงของรุ่ยอ๋อง นางเห็นกระทั่งความสูงส่งและการได้เป็นฮ่องเฮาของตนเองในภายภาคหน้าเลยด้วยซํ้า
นางกำลังรอคอย แต่ฉินจิ่นห้าวกลับรับจดหมายพวกนั้นไปอย่างแนบนิ่งและก้มหน้าลงอ่าน
ป๋ายซีเยวี่ยแอบสังเกตท่าทีของฉินจิ่นห้าว ราวกับกำลังรอคอยการตอบสนองของเขา
แต่ทว่า ในขณะที่นางกำลังรอคอย ฉินจิ่นห้าวที่อ่านจดหมายเหล่านั้นจบแล้วทำหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าอันเย็นเยียบยิ่งดูโหดเหี้ยมมากขึ้น และฉายแววเยือกเย็น มากกว่าเดิม
เขาพูดด้วยนํ้าเสียงที่แฝงไอสังหารอันกราดเกรี้ยว “ใครกล้าใส่ความท่านผู้เฒ่า!”
แรงโทสะเช่นนั้น ไม่เหมือนการแสร้งทำ ขนาดป๋ายซีเยวี่ยที่รู้ความจริงอยู่เต็มอกยังรู้สึกตกใจ
ราวกับว่า นางไม่เข้าใจปฏิกิริยาของฉินจิ่นห้าว แต่ก็คิดได้ว่า การทำเช่นนี้อาจจะเป็นการแสดงเพื่อให้มู่ซงเชื่อ
หากคาดโทษในทันที ราวกับจะยิ่งทำให้ดูเหมือนการใส่ ความ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ป๋ายซีเยวี่ยก็โล่งใจมากขึ้นกว่าเดิม และเงียบรอการเคลื่อนไหวต่อไปของฉินจิ่นห้าว
นางคิดว่า ตนเองได้ทำการแสดงทุกอย่างได้เป็นอย่างดีแล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ตระกูลมู่จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร ก็เป็นหน้าที่ของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว การเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ จะแย่งผลงานของผู้ชายของตนเองได้อย่างไร?
ทันทีที่ฉินจิ่นห้าวพูด ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็เงียบลงและไม่มีใครส่งเสียงใดๆ
เขากวาดสายตามองด้วยความเย็นเยียบ ทุกคนที่สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ต่างก็ก้มหน้าลงและถอยหลังไป
พวกเขาไม่ได้รู้เห็นอะไร และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ในคราวนี้ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมพิธีสวมหมวกภายในจวนตระกูลมู่ ต่างก็รู้สึกเสียใจในการมาร่วมพิธีในวันนี้ สายตาอันเย็นเยียบได้กวาดมองผ่านป๋ายซีเยวี่ยเช่นกัน
นางรู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นเพียงการแสดงของฉินจิ่นห้าว แต่ก็ยังคงรู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกขวานสับลงบนร่างกาย ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นภายในจิตใจอย่างไม่คาดคิด และทำให้นางตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนกนั้น ‘ไม่เป็นไรๆการใหญ่กำลังจะสำเร็จในวันนี้นางจะได้ออกจากจวนตระกูลมู่ และได้ครองรักกับรุ่ยอ๋องอย่างแท้จริง สิ่งที่จวนตระกูลมู่ติดค้างนางไว้ จะได้รับการชดใช้ในวันนี้!’ หลังจากที่ปลอบใจตนเองซํ้าไปซํ้ามาทำให้ป๋ายซีเยวี่ยรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ฉินจิ่นห้าวกวาดสายตามองรอบหนึ่ง ในสุดท้ายก็หยุดสายตาที่มู่ซง
เขาถือจดหมาย และเดินเข้าไปหามู่ซง
ฉากตรงหน้านี้ในสายตาของคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
แต่สิ่งที่ป๋ายซีเยวี่ยเห็นคือ การเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงของแผนการทั้งหมดที่นางได้วางเอาไว้ในวันนี้นางจะล้มล้างตระกูลมู่ให้หมดสิ้น!
แต่ทว่า นางกลับไม่ได้สังเกตว่าขุนนางบุ๋นคนที่เห็นจดหมายคนแรก หลังจากที่ฉินจิ่นห้าวเดินเข้าไปหามู่ซง ก็ได้ก้มหน้าลงและถอยหลังออกไปหลายก้าว
ราวกับว่า ขุนนางผู้คุ้นเคยกับเรื่องราวในราชสำนักได้กระจ่างในความคิดที่แท้จริงของฉินจิ่นห้าวแล้ว
ฉินจิ่นห้าวเดินไปหยุดข้างๆมู่ซง พลันยื่นจดหมายในมือให้กับเขา พร้อมพูดด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความหนักแน่นว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านลองดู ไม่คิดเลยว่าจะมีคนใจคดจงใจใส่ความท่าน”
มู่ซงรับจดหมายพวกนั้นมาด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม ก้มหน้าลงมอง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
ป๋ายซีเยวี่ยเกิดฉงนใจ แอบมองฉินจิ่นห้าวด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจว่าการกระทำของฉินจิ่นห้าวนั้นมันหมายความว่าอย่างไร
ถ้าเช่นนี้ ก็เป็นการเปิดทางให้มู่ซงได้ตอบโต้มิใช่หรือ?
หลักฐานพวกนั้นไปอยู่ในมือของเขา เป็นการให้โอกาสเขาทำลายหลักฐานมิใช่หรือ?