ตอนที่ 924
ขอหมอเทวดาจับชีพจรหน่อย
สองคนนี้ แบ่งแยกชัดเจนว่าคนหนึ่งเป็นตัวร้าย อีกคนเป็นตัวเอก
ราชามังกรมองซือมั่วที่หน้าตาย รวมถึงมู่ชิงเกอที่ยิ้มแย้มด้วยความกลัดกลุ้ม แล้วแอบบ่นในใจ เป็นคนที่ไม่น่าคบหาด้วยทั้งคู่
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นเจ้าแห่งมาร แต่ที่นี่คือป่าอสูร คือเขตมังกรอย่ากำเริบเสิบสานให้มากนัก” ราชามังกรกัดฟันกล่าว แต่ในปากเขากลับถูกซือมั่วตบฟันหลุดไปสองซี่
ซือมั่วชำเลืองมอง ไม่สนใจคำขู่ของเขาอย่างสิ้นเชิง “ที่ข้าอาศัยไม่ใช่ตำแหน่ง”
มังกรทุกตัวตกตะลึง หน้าเปลี่ยนลี
เจ้าแห่งมารคือบุคคลอันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพมาร ตบะบำเพ็ญสูงเป็นอันอันดับหนึ่ง ที่อาศัยย่อมไม่ใช่ตำแหน่งของเจ้าแห่งมารมาคุกคามระรานผู้อื่น
ซือมั่วตักเตือนพวกเขาว่าที่เขาพูดจาไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้ได้ก็เพราะว่า ตบะนำเพ็ญของเขา หมัดของเขา แข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่ามังกร
อาจมีคนพูดว่า ที่เขตมังกร เผ่ามังกรเตรียมการต่อสู้ แม้ว่าจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง สองมือย่อมต้องแพ้สี่มือ
แต่แม้จะพูดเช่นนี้ก็ยังต้องคิดให้ดีๆ
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงมู่ชิงเกอขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ซือมั่ว เมื่อทั้งสองหนีไป ต่อจากนี้เขตมังกรจะต้องเผชิญหน้ากับไฟโทสะที่มาจากแดนมาร รวมถึงการแก้แค้นของเก้าชั้นฟ้า
ชื่อเสียงชั่วร้ายของธงโลหิตศีรษะคนนั้นของมู่ชิงเกอดังไปทั่วป่าอสูรอยู่นานแล้ว
หากไม่ใช่เพระเหตุผลนี้คิดว่าราชามังกรจะ ‘เกรงใจ’ นางเช่นนี้หรือ เกรงว่าคงจะเอาชีวิตนางตั้งแต่ที่นางขโมยหัวใจมังกรไปแล้ว
ความสามารถไม่เท่าผู้อื่น เป็นมังกรก็ทำได้เพียงบินวนไปมา
“พวกเจ้ามาที่นี่ แท้จริงแล้วต้องการอะไร” สีหน้าราชามังกรเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก กดไฟโกรธในใจลง จากนั้นจึงกล่าวถามอย่างบังคับ
เมื่อเขาพูดจบ มังกรน้อยที่ไปรับคนทั้งสองที่นอกเขตมังกรก่อนหน้านี้ก็รีบวิ่งเข้ามา
มองเห็นซือมั่วกับมู่ชิงเกอยืนอยู่กลางตำหนัก เขาก็คิดจะเข้ามาห้อง แต่ยังไม่ทันได้พูด กลับถูกมังกรเฒ่าตัวหนึ่งดึงคอเสื้อโยนออกไปทันที
เหตุการณ์เล็กๆ ที่เข้ามาแทรกนี้ไม่ได้ล่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตำหนัก
มู่ชิงเกอย่อมต้องพูด “จุดประสงค์ในการมาของข้าเรียบง่ายอยางยิ่ง เพียงหวังว่าจะเจรจาสันติกับราชามังกร ทิ้งความแค้นในอดีต เปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร ร่วมกันสกัดกั้นไม่ให้เผ่าฝูบุกโจมตี”
เรื่องของเผ่าฝู ลือกันหนาหูไปทั่วแผ่นดินเทพมารแล้ว นางไม่เชื่อว่าเผ่ามังกรจะไม่ได้ยินข่าวลือเลย
เป็นดังคาด เมื่อราชามังกรได้ยินแล้วก็ไม่ได้แสดงลีหน้าสงสัยเพียงแค่หัวเราะเยาะกล่าว “เผ่าอี้ก็ดี เผ่าฝูก็ดี พวกเขาพุ่งเป้ามาที่สองเผ่าเทพมารของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับเผ่าอสูรของพวกข้า”
“ราชามังกรรู้ได้อย่างไรว่าเลือดเนื้อวิญญาณของเผ่าอสูรจะไม่มีประโยชน์สำหรับเผ่าฝู แล้วไม่ใช่ยาบำรุงชั้นเลิศ” มู่ชิงเกอถามกลับอย่างเฉียบแหลม
ราชามังกรเก็บรอยยิ้มแววตาเคร่งขรึม
“นอกจากนี้ แม้ว่าเลือดเนื้อวิญญาณของเผ่าอสูรจะไม่มีประโยชน์ต่อเผ่าฝู แต่หากพวกเขายึดครองแผ่นดินเทพมารได้จริงๆ จะมีประโยชน์อะไรกับเผ่าอสูร เกรงว่าเผ่าอสูรคงยากที่จะมีชีวิตรอด กลายเป็นทาสรันใช้ เหตุผลธรรมดาๆ ข้อนี้ ราชาเฟิ่งเข้าใจ เผ่าภูติภูเขาเข้าใจ เผ่าอสูรล้วนเข้าใจ ข้าไม่เชื่อว่าราชามังกรจะไม่เข้าใจ” มู่ชิงเกอกล่าวต่อ
แล้วอย่างไร ข้ามีเขตมังกรอยู่ในมือ เผ่าฝูจะทำอะไรข้าได้” ราชามังกรกล่าวอย่างปากแข็ง
“ราชามังกรอย่าใช้อารมณ์ตัดสิน” เสียงมู่ชิงเกอสูงขึ้นเล็กน้อย “หากวันนั้นมาถึงจริงๆ เผ่ามังกรพึ่งพาพื้นที่คับแคบอย่างเขตมังกร ต่อให้จะปกป้องเผ่ามังกรไว้ได้ แต่ก็ทำได้เพียงหายใจ ไม่อาจออกจากเขตมังกรได้ชีวิตแบบนั้นราชามังกรต้องการหรือ”
ราชามังกรเม้มปากแน่น แววตาขรึมเคร่ง
มู่ชิงเกอหัวเราะเยาะกล่าว “หากนี่คือสิ่งที่ราชามังกรยอมรับได้ เช่นนั้นข้าแนะนำให้ราชมังกรรีบเปลี่ยนชื่อเผ่าก่อน อย่าใช้ชื่อมังกรเทพเลย ใช้ชื่อหนอนดีกว่า”
“เจ้าคิดจะใช้วิธียั่วยุข้าหรือ” ราชามังกรแค่นเลียง
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ข้าเพียงแค่พูดความจริง สถานการณ์ในตอนนี้ จำเป็นต้องให้แผ่นดินเทพมารทั้งหมดร่วมแรงกันต่อต้านศัตรูข้างนอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าขาดเผ่ามังกรไม่ได้จริงๆ ข้าเพียงแต่ว่าหวังอยากให้ราชามังกรคิดดูให้ดี อย่างไรเสียช่วงเวลาคับขัน ไม่ใช่เพื่อนร่วมรบ ก็เป็นศัตรู”
ขณะที่พูด นางก็เสริมอีกหนึ่งประโยค “รักษาจุดยืนเป็นกลางใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องที่สบายเพียงนั้น”
“ก่อนหน้านี้ก็ยั่วยุ ตอนนี้ก็คุกคาม…เจ้ายังมีความสามารถอะไรอีก!” ราชามังกรกล่าวเสียงต่ำ
มู่ชิงเกอส่ายหน้าอีกครั้ง “ข้าก็เพียงความสามารถสองสามอย่างนี้เท่านั้น”
สายตานางกะพริบวาบ ยิ้มกล่าว “ในเมื่อราชามังกรยอมฟังข้าพูดเหลวไหลมามากเพียงนี้ ก็ชัดเจนว่า ท่านไม่ได้มองคนในสถานการณ์ไม่ออก ตอนนี้ที่ไม่ยอมพยักหน้า ใช่เพราะว่าบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้หรือไม่”
“ในที่สุดเจ้าก็พูดประโยคที่ข้าอยากได้ยินออกมา” ราชามังกรหรี่ตา
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ยกมุมปาก “บุญคุณความแค้นของเผ่ามังกรกับโห่ว ใครถูกใครผิด ข้าไม่พูดแล้ว สำหรับข้า…อืม ข้ายอมรับว่าข้าควักหัวใจมังกร หลอมเป็นโลหิตหัวใจมังกร…”
พลังที่แข็งกล้าหลายกลุ่มปล่อยออกมาในชั่วพริบตา กดลงมาที่มู่ชิงเกอ ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลง มุมปากปรากฎรอยยิ้มหยัน
ไม่ต้องให้นางออกมือ ซือมั่วข้างกายนางย่อมต้องปกป้องนางได้เป็นอย่างดี
ซือมั่วโบกมือ โจมตีพลังที่ถาโถมเข้ามาอย่างง่ายดาย มังกรเฒ่าหลายตัวถอยไปข้างหลังอย่างรุนแรง กุมอก กระอักเลือดออกมา สีหน้าตื่นตะลึง
ในชั่วพริบตา เผ่ามังกรที่อยู่ในตำหนักต่างก็เกิดคำถามเดียวกัน…
‘เจ้าแห่งมาร…แท้จริงแล้วแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ ใช่บรรลุถึงขั้นนั้นในคำร่ำลือหรือไม่’
“ทุกท่านฟังข้าพูดให้จบก่อน ข้ามาด้วยความจริงใจ” สายตามู่ชิงเกอกวาดมองเบาๆ จากนั้นก็มองราชามังกร ไม่สนใจสีหน้าเหยเกของราชามังกร กล่าวต่อ “ตอนที่ฆ่ามังกร จุดยืนพวกข้าอยู่ตรงกันข้าม พูดไม่ได้ว่าใครผิด ตอนนี้ต้องการจะสะสางบุญคุณความแค้นนี้ราชามังกรมีข้อตกลงอะไรโปรดพูดออกมาได้เลย”
“เหอะ เจ้าก็พูดง่าย เจ้าฆ่าคนในเผ่าข้าก็ไม่เท่าไร คาดไม่ถึงว่ายังควักหัวใจมังกรไปอีก ว่ากันว่าเผ่ามังกรโลภมากในเงินทอง แต่ข้าว่าเผ่ามนุษย์เช่นพวกเจ้าต่างหากที่โลภมากที่สุด” ราชามังกรกล่าวเสียงเคียดแค้น
“ในเมื่อตายแล้ว ไม่ควักหัวใจไปมิใช่จะสูญเปล่าหรอกหรือ สมบัติชั้นดีเช่นนี้ ราชามังกรทนเห็นมันกลายเป็นโคลนเน่าเปื่อยได้ แต่ข้าทนไม่ได้” มู่ชิงเกอกล่าว อย่างไม่กลัวตาย
ในความเป็นจริง มีซือมั่วอยู่ข้างๆนางก็ไม่กลัวที่จะลงมือต่อสู้กับเผ่ามังกรจริงๆ
“เจ้า!” ราชามังกรโมโหจนดวงตาปรากฎไฟโกรธ
เผ่ามังกรรอบด้าน ต่างก็อยากจะถลกหนังของมู่ชิงเกอ ควักหัวใจของนาง มีเพียงซือมั่วที่มองนางอย่างตามใจ มุมปากอมยิ้ม
“เสนอข้อตกลงเถอะ พูดมากไปไย” มู่ชิงเกอกล่าวตรงไปตรงมา
คำพูดอวดดีหนึ่งประโยค ยั่วโมโหราชามังกรจนแทบกระอักเลือด เขากัดฟันกล่าว “ข้อตกลงหรือ เจ้าจะให้ได้หรือการสืบทอดทายาทเผ่ามังกรของข้าเดิมก็น้อยนิดอยู่แล้ว เจ้ากับโห่วยังฆ่ามังกรน้อย มังกรเฒ่าไปมากเพียงนั้น คิดจะทำลายสายเลือดเผ่าข้าตอนนี้ มังกรน้อยที่เพิ่งเกิดของเผ่าข้าก็ตายอยู่ในครรภ์ ข้าอยากจะฆ่าพวกเจ้าเสียจริงๆ เจ้าต้องการข้อตกลง ได้! หากเจ้าแก้ปัญหาการสืบทอดทายาทเผ่าข้าได้ข้ารับปากเจ้า ผูกมิตรกับพวกเจ้า!”
แก้ปัญหาสืบทอดทายาทเผ่ามังกรงั้นหรือ
มู่ชิงเกอ เลิกคิ้วสีหน้าแปลกประหลาด
“ว่าอย่างไร ทำไม่ได้ก็ไสหัวออกจากเขตมังกรซะ!” ราชามังกรกล่าวเสียงดุดัน
ทว่า มู่ชิงเกอกกลับมีสีหน้าเรียบเฉย กระตุกปากยิ้ม “หากเช่นนั้นให้หมอเทวดาจับชีพจรของท่านหน่อย”