Skip to content

พลิกปฐพี 93-3

ตอนที่ 93-3

คุณชาย หน้าตาเล่า?

‘เขาเก่งขึ้น แล้วอย่างไรล่ะ’ ฉินอี้เหยากังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง สายตาอันเย็นชาดั่งธารนํ้าแข็ง มองมู่ชิงเกอโดยไม่รู้ตัว

ราวกับสัมผัสได้ถึงความกังวลใจนี้ มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตาไปสบตากับนาง

แต่ทว่า การสบตาในครั้งนี้ ฉินอี้เหยากลับรีบหลบสายตา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางนั่งนิ่งดั่งรูปปั้นสลักจากนํ้าแข็ง

มู่ชิงเกอละสายตา พลันก้มหน้าลง

ขนตาอันยาวงอน บดบังความรู้สึกในแววตาของนาง ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นเบามาก แต่กลับทำให้ทุกคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดเงียบลง ไม่ว่าจะอยู่ในมุมใด ต่างก็มองตามนาง

สายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วน รวมทั้งฉินชางและเฮ่อเหลียนป๋าก็เช่นกัน

ทันใดนั้น นางจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองรัชทายาทฉินจิ่นซิวอย่างเยาะเย้ย พูดด้วยรอยยิ้มที่ราวกับยิ้มและไม่ยิ้มในคราเดียวกัน “รัชทายาท ท่านรีบร้อนอยากให้ข้าตาย เพื่อขอขมา สำหรับคนที่เข้าใจรู้เข้า แน่นอนว่าต้องคิดว่ารัชทายาทเป็นห่วงมิตรภาพระหว่างสองแคว้น คนที่ไม่เข้าใจ คงคิดว่ารัชทายาทเป็นรัชทายาทของแคว้นถูสามารถฆ่าประชาราษฎร์แคว้นฉินให้ตายได้อย่างใจหวัง กระหม่อม ขวางหูขวางตาของพระองค์ถึงเพียงนี้เลยหรือพะย่ะค่ะ”

ทุกคนต่างเงียบ!

คำพูดของนาง ทำให้จุดสนใจเบี่ยงไปเป็นรัชทายาทฉินจิ่นซิวแทน

ฉินชางกวาดสายตามองรัชทายาทคนนี้ที่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกพอใจเลย พลันมองเฮ่อเหลียนป๋าด้วยสายตาที่ราวกับกำลังคาดเดาอะไรบางอย่าง

ฉินจิ่นห้าวตะโกนในใจว่า ‘ดี!’ สายตาที่มองมู่ชิงเกอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ

คำพูดนี้ของนาง ฟังแล้วอาจดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หากคิดดีๆ แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็มีอะไรไม่ชอบมาพากล ประการแรก ระหว่างแคว้นฉินและแคว้นถูจะมีมิตรภาพอะไรต่อกันได้ทั้งสองแคว้นทำสงครามกันมานานหลายปี คนจำนวนมากตายจากไป เหลือไว้เพียงความแค้น แล้วจะมีมิตรภาพได้อย่างไร? ประการที่สองการฆ่ายอดฝีมือของแคว้นถู ถือเป็นการสยบความหยิ่งยโสของพวกเขา เป็นเกียรติของแคว้นฉิน นับว่าเป็นวีรบุรุษของแคว้นฉินแท้ๆ แล้วเหตุใดรัชทายาทแคว้นฉินจึงต้องการให้เขาตายให้ได้ ประการสุดท้าย มู่ชิงเกอและตระกูลมู่ขัดขวางรัชทายาทหรือ ยังไม่ทันจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็คิดหาวิธีการล้มล้างตระกูลขุนนางผู้มีอำนาจแล้วรึ?

ไม่ว่าจะข้อไหน ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉินจิ่นซิวเป็นคนผิด เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการกระตุ้นความขี้สงสัยของฉินชางได้สำเร็จ

“มู่ชิงเกอ เจ้าหยุดพูดเหลวไหลเสียที! การใส่ความ รัชทายาทมีโทษหนักเจ้ารู้หรือไม่!” หานอองเฮารีบห้ามปราม แต่กลับไม่รู้ว่าในขณะที่นางกำลังรีบร้อนอยากจะปกป้องเกียรติของโอรสตน สิ่งที่ทุกคนเห็นกลับกลายเป็นการกลบเกลื่อนที่ไร้นํ้าหนักเท่านั้น

ฉินชางจ้องนางอย่างเคร่งขรึมทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า : “พอได้แล้ว เรื่องนี้ขอให้จบลงเพียงเท่านี้” หลังจากนั้นจึงหันไปหาเฮ่อเหลียนป๋าที่ยังคงไม่ยินยอม “หมานอ๋อง การประลองนี้ท่านเป็นผู้เสนอขึ้นมา ในวันนี้นักบู๊แคว้นถูมีความสามารถไม่เพียงพอ จึงต้องตายในสนามประลอง จะโทษใครคงไม่ได้”

คำพูดนี้ ตอนแรกควรจะเป็นคำปลอบใจที่เตรียมเอาไว้ ให้กับมู่ซง แต่ไม่คิดว่าท้ายที่สุดกลับต้อพูดกับเฮ่อเหลียนป๋า

เมื่อเฮ่อเหลียนป๋าเห็นดังนี้ เขาจึงนั่งลงด้วยความโกรธอีกครั้ง

ตอนนี้พวกเขาต่างก็อยู่ในแคว้นฉิน จะดื้อรั้นต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี เขาสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นเยียบของมู่ซง ที่คอยจับจ้องอยู่ เขานั่งลงแต่ความโกรธแค้นในใจยังคงไม่ลดน้อยลง

สูญเสียยอดฝีมือสายครามไปคนหนึ่ง ก็ราวกับกรีดเนื้อหนังของเขาออกไปชิ้นหนึ่ง

“เจ้าบอกว่าเขาเป็นเพียงสายเขียวขั้นต้นมิใช่หรือ” เฮ่อเหลียนป๋าถามฉินจิ่นซิวที่นั่งอยู่ข้างๆ เบาๆ

ในขณะนี้เอง ชินจิ่นซิวที่กำจอกเหล้าไว้แน่นด้วยโทสะ หากไม่ใช่เห็นแก่พระพักตร์ของเสด็จพ่อ เขาก็คงสั่งคนไปจับกุมตัวมู่ชิงเกอเอาไว้และฆ่ามันทิ้งเสีย

ในตอนนี้ ได้ยินคำถามจากเฮ่อเหลียนป๋าอีกครั้ง เขาจึงกล่าวในใจอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใครล่ะ”

ทั้งสองที่แอบวางแผนร้ายกัน แยกกันไปอย่างไม่ชอบใจในทันที

มู่ชิงเกอสำเร็จ ‘ภารกิจ’ ที่ฉินจิ่นห้าวมอบหมายให้ ก็สะบัดแขนเสื้อ หันหลังและเดินกลับไปนั่งบนที่นั่งประจำของตนเอง

เสียงเพลงบรรเลงขึ้น เหล่านางรำค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นเวที

แต่ว่า กระจิตกะใจที่จะชื่นชมการแสดงนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว

หลังจากที่งานเลี้ยงจบลง มู่ชิงเกอก็ออกจากวังหลวงไปพร้อมกับท่านปู่และท่านอาของตนเอง ในขณะที่เดินออกจากวังหลวง นางที่นั่งอยู่บนหลังเพลิงรัตติกาล ก็หันกลับไปมองความมืดมนด้านในประตูที่เป็นดั่งปากของสัตว์ป่าอันโหดเหี้ยม

เรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างในนั่น ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้ว นางเพียงแค่ต้องรอคอยโอกาสที่เหมาะสม…

สามวันถัดจากนั้น วังหลวงก็มีข่าวกระจายออกมาว่า รัชทายาทถูกลงโทษ ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยในตัวรัชทายาท และจงใจจับผิด กลับกันรุ่ยอ๋องได้รับความชื่นชมจากฮ่องเต้ได้ตามเสด็จอยู่ข้างๆ บ่อยๆ ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ไม่น้อย

ท่าทีของฮ่องเต้ที่เปลี่ยนไป ทำให้คนทั้งวังหลวงเปลี่ยนตามไปด้วย

เพียงไม่นาน ข่าวที่รัชทายาทถูกหมางเมิน รุ่ยอ๋องได้รับความรักความเมตตา ก็ได้แพร่ออกจากวังหลวงและกระจายไปทั่วแคว้นดั่งติดปีก

สุดท้าย ข่าวที่ฮ่องเต้จงใจปลดตำแหน่งรัชทายาทและให้รุ่ยอ๋องเป็นว่าที่รัชทายาทแทนก็ทำให้กลุ่มคนของรัชทายาทเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา

และภายในสามวันนี้ มู่ชิงเกอกลับเป็นดั่งคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่อยู่ในค่ายของกองทหารตระกูลมู่ก็ออกไปเที่ยวเตร่กับเจ้าอ้วนเช่า ราวกับได้กลับไปเป็นจอมเสเพลดังเดิม

ในวันนี้ เป็นวันที่สามนับจากวันจัดงานเลี้ยงและเป็นวันที่คณะราชทูตแคว้นถูจะเดินทางกลับ

ตอนเช้าตรู่ มู่ชิงเกอตามตัวเจ้าอ้วนเช่าไปขึ้นเขาบริเวณชานเมืองด้วยกัน

‘แฮ่ก-! แฮ่ก-!’

เจ้าอ้วนเช่าปีนเขาจนร่างกายเต็มไปด้วยไอร้อน ชุดที่สวมอยู่ก็เปียกดั่งเพิ่งชุบน้ำมา

เขายืนอยู่ระหว่างทางขึ้นเขา มือทั้งสองข้างจับเข่า หายใจหอบพลางมองมู่ชิงเกอ เมื่อเห็นว่านางยังคงผ่อนคลาย ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน จึงพูดอย่างอิจฉา ว่า “ลูกพี่ หากคราวหน้าจะขึ้นเขาอีกไม่ต้องชวนเจ้าอ้วนนะ ข้ารับไม่ไหวหรอก !”

มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่งว่า “การออกกำลังกายช่วยให้ ร่างกายแข็งแรงและช่วยลดนํ้าหนัก”

เจ้าอ้วนเช่าพูดพร้อมร้องไห้อย่างไม่มีนํ้าตาว่า “ร่างกายของข้านี้ เพียงดื่มนํ้าก็สามารถอ้วนขึ้นมาได้สามจิน ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า”

“หากมุ่งมั่นจะต้องชนะชะตาฟ้าลิขิต หากสามารถเอาชนะชะตาฟ้าลิขิตแล้วนับประสาอะไรกับเจ้าก้อนเนื้ออ้วนๆ อย่างเจ้า” มู่ชิงเกอพูดอย่างขบขัน ทั้งสองพาทหารองครักษ์สองสามคนพูดคุยกันไปจนถึงที่พักที่เตรียมพร้อมสำหรับนักเดินทางซึ่งก็คือ ศาลาหลังคาแปดเหลี่ยม

ในที่สุดก็ถึงที่พัก เจ้าอ้วนเช่าทิ้งตัวลงบนพื้น หายใจหอบ ซึ่งแน่นอนว่า เขาหมดสภาพโดยสิ้นเชิง

ก้มหน้าลงมองเขาแวบหนึ่ง มู่ชิงเกอจึงถามต่อว่า “เจ้าอ้วน ของที่ข้าให้ เจ้าดื่มแล้วหรือยัง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจ้าอ้วนเช่าก็รีบกระโดดขึ้นมาจากพื้น โน้มตัวเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอและถามอย่างระมัดระวังว่า “ลูกพี่ สิ่งที่ท่านให้ข้ามันคือสิ่งใดกันแน่ หลังจากที่ข้าดื่มเข้าไปแล้วก็เจ็บปวดแสนสาหัส จนข้าเกือบจะตายแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าดื่มไปแล้วหรือ สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่” มู่ชิงเกอพินิจรูปร่างที่ดูแตกต่างจากคนอื่นของเจ้าอ้วนเช่า

“หลังจากที่ดื่มไปแล้ว ข้าก็อยู่กับท่านทุกวัน มิได้สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร ลูกพี่สิ่งนั้นมันคือของลํ้าค่าอะไรกันแน่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version