ตอนที่ 93-2
คุณชาย หน้าตาเล่า?
“ท่านพ่อ ชิงเกอไม่ใช่คู่แข่งสำหรับเขา! ตระกูลมู่ยังมีข้า ให้ข้าไปสู้กับมันเอง” มู่เหลียนหรงหันไปพูดกับมู่ซงด้วยความหนักแน่น
มู่ซงส่ายหน้าเบาๆ พูดอย่างสงบนิ่งว่า “ให้เกอร์เอ๋อร์จัดการเถอะ”
มู่เหลียนหรงตื่นตระหนก “ท่านพ่อ เรื่องนี้จะปล่อยเอาไว้เช่นนี้ไม่ได้” แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าประลองเพียงให้รู้แพ้รู้ชนะ แต่ว่าหากมีใครอยู่เบื้องหลังและปองร้ายมู่ชิงเกอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ตระกูลมู่ก็ไม่อาจรับไหว
“เชื่อนางเถอะ” แต่ทว่ามู่ซงยังคงห้ามมู่เหลียนหรงเอาไว้
“อายุเพียงเท่านี้ก็เป็นถึงยอดฝีมือสายครามเชียวหรือ!”
“ดูเหมือนว่า ผู้ที่มาจากแคว้นถูผู้นี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”
คำวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ที่แสงสีครามปรากฏขึ้น แล้วค่อยๆ ลอยมาเข้าหูฉินชาง
เขาเหล่ตามองเฮ่อเหลียนปาด้วยรอยยิ้มที่แฝงความนัย “แคว้นถูนั้นช่างเต็มไปด้วยเหล่าผู้มีความสามารถเหลือล้น! นักบู๊ผู้นี้อายุเพียงเท่านี้ ก็เป็นถึงยอดฝีมือสาย ครามแล้ว ช่างชวนประหลาดใจเสียจริง”
เฮ่อเหลียนป๋าไม่สนใจความกระหยิ่มบนใบหน้าของตน แล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ฉินชมเกินไปแล้ว หากเทียบกับหนุ่มสาวรุ่นหลังของแคว้นถูแล้ว ฝีมือของเขายังต่ำนัก” คำพูดนี้ ทำให้ฉินชางหน้าดำคลํ้าไป
ฝีมือระดับนี้ยังถือว่าตํ่าอย่างนั้นหรือ หนุ่มสาวรุ่นหลังของแคว้นถูเก่งกาจถึงเพียงใดเชียว พอมองย้อนกลับมาที่แคว้นของตนเอง องค์ชายที่เลื่องลือว่าปรีชาสามารถ ฉินจิ่นห้าว ในตอนนี้ยังอยู่เพียงสายเหลืองและกำลังจะทะลวงสู่สายเขียวเท่านั้น
ฉินชางกวาดสายตาผ่านที่นั่งขององค์ชายนัยน์ตาฉายแววความไม่พอใจ
หนุ่มสาวแคว้นฉินที่อยู่รอบๆ ตอนแรกกำลังรอคอยให้มู่ชิงเกอแพ้การประลอง แล้วก็จะขึ้นเวทีไปเพื่อลบล้างคำสบประมาท แต่ทว่า หลังจากที่เห็นว่านักบู๊แคว้นถูเป็นถึงยอดฝีมือสายครามต่างก็กลายเป็นนกกระทาที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนในทันที พยายามทำให้ตนเองเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ
มู่ชิงเกอยืนเผชิญหน้ากับนักรบแคว้นถู โดยไม่ได้รับผลกระทบอันใด
จ้องมองแสงสีครามอ่อนที่ส่องประกายค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าหาตนเอง นางยังคงไม่ขยับ แล้วก็ผุดรอยยิ้มที่คล้ายกับยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกัน
“เขาตกใจจนบื้อไปแล้วหรือไร”
“คงจะตกใจจนขาอ่อนไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงยืนนิ่ง โดยไม่ขยับตัวเช่นนั้น”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาปฏิกิริยาของมู่ชิงเกอ แสงสีครามนั้นก็ได้มาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อแสงสีครามสาดลงบนใบหน้าของนาง ยิ่งทำให้ยิ่งดูงดงามแปลกตา
นักบู๊แคว้นถูได้ใจมากกว่าเดิม ราวกับว่าได้เห็นภาพที่มู่ชิงเกอถูกตนเองสังหารในคราเดียวและลงจากเวทีไปโดยไร้ซึ่งลมหายใจ
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็พลันกระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็น แสงสีครามเข้ามาใกล้และยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในแววตาของนาง
ในขณะนั้นเอง ตรงหน้าแสงสีครามที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก็ไร้ซึ่งเงาร่างของมู่ชิงเกอ
ราวกับว่า นางได้หายตัวไปในพริบตา
ท่ามกลางผู้คนที่เฝ้าดูสถานการณ์การต่อสู้อย่างไม่คาดสายตา ต่างก็เบิกตาโต เพื่อมองหาตัวมู่ชิงเกอ แต่ว่าไม่ทันที่พวกเขาจะพบ มู่ชิงเกอก็ปรากฏตัวท่ามกลางสาย ตาของทุกคนอีกครั้ง
แต่ทว่า ตำแหน่งที่นางปรากฏตัว คือด้านหลังของนักบู๊แคว้นถูผู้นั้น
จากการประจันหน้ากันในตอนแรก เพียงพริบตาก็กลับกลายเป็นการยืนแบบหันหลังเข้าหากัน
ใบหน้าของนักบู๊แคว้นถูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นัยน์ตาของเขานอกจากความตื่นตระหนกแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกเลย แสงสีครามที่เขาปล่อยออกมาก็ แตกกระจายกลายเป็นจุดสีครามในทันทีและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บรรยากาศรอบข้าง เงียบสนิทลงในทันที
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ คงจะมีเพียงมู่ซงคนเดียวที่เห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” ทันใดนั้น นักบู๊แคว้นถูก็กัดฟันพูดอย่างเหลือเชื่อ
ทันทีที่เขาพูดจบ ตรงกลางระหว่างหน้าผากของเขาก็พลันมีรอยโลหิตปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว รอยนั้นวาดลงเรื่อยๆ แยกร่างของเขาออกเป็น 2 ส่วน
ตูบ!
ร่างกายของเขาแยกออกจากกัน โลหิตที่พุ่งกระจายไม่โดนตัวมู่ชิงเกอเลยแม้แต่น้อย ในขณะนี้เองทุกคนต่างถูกความตกใจเข้าครอบงำ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบน ปลอกนิ้วที่สวมอยู่บนนิ้วชี้ที่มือขวาของมู่ชิงเกอมีหยดโลหิตดั่งไข่มุกสีแดงหยดลงไปบนพื้น
‘คิดไม่ถึงว่า…ชนะแล้ว!’
ภาพที่เต็มไปด้วยโลหิตตรงหน้า ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เหล่าคนหนุ่มมากความสามารถของแคว้นฉินที่หลบซ่อนตัวอยู่ ต่างก็หน้าซีดและไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง
“มู่ชิงเกอ! เจ้าฆ่าเขา!” เฮ่อเหลียนป๋าลุกขึ้นยืนในทันที ชี้หน้ามู่ชิงเกอด้วยความโกรธ
ท่าทางนั้น ราวกับจะให้นางชดใช้ด้วยชีวิต มู่ชิงเกอจ้องเขาอย่างเยาะเย้ยทีหนึ่งและจึงพูดกับฮ่องเต้ฉินว่า “ฝ่าบาท เพราะมือเท้ามันไม่มีตาและความสามารถของนักบู๊แคว้นถูผู้นี้น่าตกใจมาก เป็นเพราะกระหม่อมนั้นตกอยู่ในความกลัว ชิงเกอจึงได้แต่เลือกที่จะป้องกันตัว”
ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายยิ่งนัก! ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
ฆ่ายอดฝีมือสายครามได้อย่างง่ายดาย แต่กลับบอกว่าตนเองทำไปเพราะความกลัวจึงควบคุมพลังไว้ไม่อยู่และฆ่าคนโดยไม่เจตนา
จะบ้าหรือ มู่ชิงเกอ ไม่อายบ้างหรือ?
ฉินชางกระตุกใบหน้าทีหนึ่ง ถึงแม้ว่าการที่แคว้นถูสูญเสียยอดฝีมือสายครามไปคนหนึ่งจะทำให้เขาดีใจ แต่ว่าเขาก็หวังให้มู่ชิงเกอตายมากกว่า
แม้แต่สายครามขั้นสูงก็ยังไม่สามารถประเมินความสามารถของนางได้และจบชีวิตลงในที่สุด
“หมานอ๋อง จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก แม้เสด็จพ่อจะบอกว่าให้แตะโดนแล้วหยุด แต่ว่า นักบู๊แคว้นถูด้อยความสามารถ ลงมือเพียงแค่คราเดียวเขาก็ตายด้วยนํ้ามือของคุณชายตระกูลมู่ เรื่องนี้จะโทษใครได้” ฉินจิ่นห้าวแก้ตัวให้กับมู่ชิงเกอ
ความคิดของเขาง่ายดายเกินไป ในตอนนี้ มู่ชิงเกอยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาแน่นอนจะให้นางเป็นอะไรไม่ได้ ห้ามผู้ใดทำอะไรนาง ไม่ว่าใครแม้ว่าเสด็จพ่อของตนเองก็ตาม
เพราะฉะนั้น หลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารในแววตาเสด็จพ่อของตนเอง เขาจึงเอ่ยพูดในทันที
ทันทีที่เขาอ้าปาก คนที่อยู่ข้างเดียวกับเขาต่างก็ช่วยกัน พูดส่งเสริมในทันที ใบหน้าของรัชทายาทฉินจิ่นซิวเคร่ง ขรึมและฉายแววโหดเหี้ยม เขาต้องการให้มู่ชิงเกอตาย สุดท้ายคนที่ตายกลับเป็นคนของเฮ่อเหลียนป๋า
เพราะเขาแอบส่งสายตา คนของรัชทายาทก็เข้าร่วมการวิพากษ์วิจารณ์ในทันที
สิ่งที่ประมาทเกินไปคือ ราชทูตแคว้นถูเป็นแขก มู่ชิงเกอฆ่าแขกด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถือว่าไม่มีเหตุมีผลและอาจเกิดปัญหาระหว่างแคว้นขึ้นได้
ฝ่ายของรุ่ยอ๋อง บอกว่ามู่ชิงเกอไม่ผิด
แต่ทว่า ฝ่ายรัชทายาทกลับจะให้มู่ชิงเกอออกมารับโทษให้ได้
ทันใดนั้น คนในงานเลี้ยง ถูกแบ่งออกเป็น 3 พวกในทันที มี 2 ฝ่ายกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด แต่ทว่า อีกฝ่ายที่เป็นคนกลาง กลับเลือกที่จะเงียบ
ฉินชางที่เฝ้ามองสถานการณ์ทั้งหมด ใบหน้าเคร่งขรึม กวาดสายตาไปมาท่ามกลางผู้คนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
“ท่านพ่อ เรา…” มู่เหลียนหรงดูกระวนกระวาย
ความสามารถของมู่ชิงเกอ เกินกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้และในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นางจำเป็นต้องคิดหาวิธีว่า จะทำให้มู่ชิงเกอผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ไปได้อย่างไร
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” มู่ซงยกมือขึ้นห้าม พร้อมพูดนิ่งๆ คำหนึ่ง แต่ห้ามทุกการเคลื่อนไหวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาเชื่อใจมู่ชิงเกอ
เชื่อนางในทุกๆ การกระทำว่าจะต้องคิดมาดีแล้ว