ตอนที่ 94-4
วังหลวงวุ่นวาย บังเกิดคลื่นลม!
มู่ชิงเกอกำทวนหลินหลงเอาไว้แน่น พลางขึ้นหลังเพลิงรัตติกาลพร้อมกับไอสังหารอันเย็นเยียบ พุ่งตัวออกจากวงล้อมที่กองทหารเขี้ยวมังกรสร้างขึ้นเพื่อคุ้มกันนาง
นางเล็งเสร็จแล้วก็พุ่งเข้าหายอดฝีมือสายครามที่ยิงฉินอี้เหลียนโดยไม่แม้แต่จะมองทหารศัตรูคนอื่นๆ ที่ฝีมือด้อยกว่า
คนที่ยืนอยู่บนกำแพงวังที่มู่ชิงเกอเล็งอยู่ พลันตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ยกธนูในมือขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและ ทั้งสองข้างของเขามีคนยืนอยู่ข้างละสามคน ร่างกาย ของทั้งหกคนต่างสาดแสงสีนํ้าเงินอ่อนราวกับเพิ่งจะทะลวงสู่สายนํ้าเงินได้ไม่นาน
สายนํ้าเงินขั้นต้นหกคนกับยอดฝีมือสายครามอีกหนึ่งคน ภาพบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้านี้ เพียงพอที่จะทำให้ขุมกำลังของแคว้นระดับสามไม่อาจมองข้ามได้
แต่ว่า สายตาของมู่ชิงเกอไม่ได้มีความรู้สึกอันใด นิ่งสงบจนน่ากลัว
“ฆ่ามันเสีย!” คนที่ถือคันศรซึ่งก็คือผู้นำ สั่งคำสั่งอันเย็นเยือก ศรธนูอันแหลมคมที่ส่องแสงประกายสีนํ้าเงินและครามกำลังพุ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอ
สายนํ้าเงินหลายคนกระโดดลงมาจากกำแพงพร้อมๆ กันและพุ่งตัวเข้าหามู่ชิงเกอ
ราวกับว่า คนเหล่านี้กำลังจะเข้ามารุมนางคนเดียว
เพลิงรัตติกาลคำรามคำหนึ่ง แผงคอสีดำปล่อยพลังออกมา ป้องกันการโจมตีจากทั้งหกคนและศรธนูที่พุ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอ หลังจากนั้นศรธนูก็แตกกระจายกลายเป็นเศษธุลีร่วงลงสู่พื้นดินไป
ภาพบรรยากาศนี้ ทำให้ทั้งเจ็ดคนตื่นตระหนก
ผู้ที่ยิงธนูหรี่ตา ยิงธนูต่อเนื่องอีกสามดอก ในทิศทางที่ต่างกันเพื่อสังหารมู่ชิงเกอ
อีกหกคนที่เหลือก็เป็นกองกำลังเสริมให้แก่เขาและเริ่มโจมตีมู่ชิงเกออีกหน
มู่ชิงเกอค่อยๆ ก้มหน้าลงและเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน สายตาอันเยือกเย็นราวกับมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ นางยกทวนหลินหลงขึ้นมา แสงสีนํ้าเงินก็พลันพุ่งกระจายออกจากร่างของนางในทันทีและกลบแสงทั้งหมดภายในอาณาบริเวณวังหลวงแห่งนี้
“ยอดฝีมือสายนํ้าเงิน!”
“เขาเป็นถึงยอดฝีมือสายนํ้าเงิน!”
“เป็นไปได้อย่างไร? ปีนี้เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ เพิ่งจะเข้าพิธีสวมหมวกมิใช่หรือ”
“10 เดือนก่อนหน้านี้เขายังเป็นสายเขียวขั้นต้นอยู่เลยมิใช่หรือ!”
เสียงที่แฝงความตื่นตระหนกดังขึ้นจากปากพวกเขา
แสงสีนํ้าเงินอันแสบตานั้นไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก แต่ทว่ายังสร้างความแตกตื่นให้กับคนอื่นๆ ผู้ นที่ต้องการจะสังหารมู่ชิงเกอต่างก็อึ้งอยู่กับที่ ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรถือโอกาสนี้ในการสังหารคนอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย
ราวกับว่าในวินาทีนี้ในใจของพวกเขาต่างมีคำๆ หนึ่งดังก้องอยู่ ‘หากรู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นสายนํ้าเงินตั้งแต่แรก จะไม่มีทางออกมารนหาที่ตายอยู่ที่นี่!’
แสงสีนํ้าเงินราวกับสะท้อนผ่านตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอ ทำให้ดวงตาของนางกลายเป็นสีนํ้าเงิน
แดนสังหารในตอนแรก สถานการณ์พลันพลิกผันในทันที
ทหารที่ในตอนแรกคิดว่าตนเองได้รับชัยชนะแล้ว ในตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมด
มู่ชิงเกอไม่ได้เสียเวลาพูดกับพวกเขาแม้แต่คำเดียว ในตอนนี้ความโกรธแค้นทั้งหมดในใจของนางเพียงต้องการที่ระบาย
กวาดทวนหลิงหลงกลางอากาศทำให้เกิดแสงสีน้ำเงินระยิบระยับ
หลังจากที่แสงสีนํ้าเงินหมดไป เงาร่างของทั้งหกคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ช่างเป็นการตายที่ไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซาก
ผู้สั่งการยิงที่อยู่บนกำแพง ลืมตาโตในทันที
ความกลัวค่อยๆ แผ่กระจายออกมาจากจิตใต้สำนึก เขาอยากหนี อยากหนีออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้
แต่ทว่า เขากลับพบว่าร่างกายของตนเองราวกับถูกควบคุม ไม่สามารถขยับตัวได้
ยอดฝีมือที่ลงมือเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถดับชีวิตของสายนํ้าเงินทั้งหกคนได้ มู่ชิงเกอขชี้ทวนหลินหลงขึ้นเหนือกำแพงวัง
นางต้องการให้เขาชดใช้ชีวิตของฉินอี้เหลียน
ความกดดันที่หนาหนักดั่งขุนเขา เฉียบคมดั่งมีดดาบได้กดทับตัวเขาเอาไว้
ความรู้สึกเช่นนั้น ราวกับกำลังค่อยๆ บีบกระดูกของเขาให้แตกกระจายออกจากกัน
มือทั้งคู่ของเขาสั่นและไม่สามารถกำคันธนูไว้อีกต่อไป ได้ทำให้คันธนูตกลงจากกำแพงวังและคันธนูที่ตกลงไป ก็แตกหักท่ามกลางสายตาที่ฉายแววความตื่นตระหนกของเขา
ในขณะที่คันธนูที่อยู่คู่กับเขามาตลอดทั้งชีวิตแตกกระจาย ชีวิตของเขาก็เหมือนพังทลายลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทำให้สายตาของเขาคุกรุ่นไปด้วยโทสะ ในใจก็รู้สึก ปวดร้าวอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่ว่าเขายังไม่ทันได้สติจากความโกรธที่คันธนูหัก ความเจ็บปวดที่มากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ครอบงำตัวเขาเอาไว้ ร่างกายของเขาลอยขึ้นกลางอากาศและมุ่งเข้าหามู่ชิงเกอ
เขาโบกมือทั้งคู่ด้วยความกลัว มองใบหน้าอันงดงามแต่โหดเหี้ยมดวงนั้นรู้สึกเพียงแค่ว่าแววตาอันเยือกเย็นดั่งธารนํ้าแข็งนั้นทำให้เขาถูกสะกดและไม่สามารถขยับตัวได้ในทันที
“อย่า—” เสียงร้องโหยหวนและสุดแสนรันทด ดังขึ้นจากปากของเขา
เขาสูญเสียการควบคุมร่างกาย ถูกมู่ชิงเกอบีบไว้ด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว
ลำคอถูกบีบเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาแดงกํ่า หายใจลำบาก
แต่ทว่า เขากลับไม่มีแรงจะต่อต้านแม้เพียงนิด
มือขวาของมู่ชิงเกอเกิดแสงส่องประกายแสงหนึ่ง ทวนหลินหลงกลายเป็นปลอกนิ้วอีกครั้งและห่อหุ้มนิ้วชี้ของนางเอาไว้
สายตาของนางเปลี่ยนไปในทันที สายตาอันเย็นเยือกดั่งนํ้าแข็งจับจ้องที่ตัวเขาโดยไม่พูดอะไรใช้ปลอกนิ้วอันแหลมคมบาดลงบนหน้าอกของเขาเบาๆ เสื้อผ้าที่สวม อยู่จึงฉีกออกจากกันเผยให้เห็นร่างอันกำยำของเขา
‘เจ้าจะทำอะไร! เจ้าจะทำอะไร!’
ดวงตาของเขาถลนออกจากเบ้า มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกและลำคอที่สูญเสียความสามารถในการเปล่งเสียง
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่า หน้าอกของตนเองเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ในการก้มหน้าลงและพบว่าหน้าอกข้างซ้ายของตนเองมีแผลที่ถูกมู่ชิงเกอกรีดเข้าไปลึกจนเห็นกระดูก
และหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ของเขา กำลังค่อยๆถูกกระชากออกมา
ความเจ็บปวดของร่างกายเทียบไม่ได้กับความหวาดกลัวในจิตใจ
เขาเห็นกับตาว่าหัวใจของตัวเองค่อยๆ ถูกกระชากออกมา ความจริงแล้วเขาควรตายจากไปอย่างสงบแต่กลับต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้
เลือดที่ไหลออกจากร่างกาย ย้อมร่างของเขาจนกลายเป็นสีแดงฉาน เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของตนเองค่อยๆลดน้อยลง การหายใจเข้าออกลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ รวม ทั้งอุณหภูมิของร่างกายที่ค่อยๆ ลดลง
“อึ่กๆ!” เสียงอันน่าสยดสยองดังออกมาจากลำคอของเขา
ในการรับรู้สุดท้ายของเขา เขาจำได้เพียงว่า มู่ชิงเกอเป็นดั่งปีศาจร้ายในชุดสีแดงก็ไม่ปาน ชวนให้รู้สึกหวาดกลัว
เผละ!
หัวใจที่ยังคงเต้นไม่หยุดอยู่ในกำมือของมู่ชิงเกอ แตกกระจายเป็นกองเลือด เขาเห็นกับตาว่าหัวใจของตนเองแตกสลายและเห็นกับตาว่ามู่ชิงเกอเลือดเย็นเพียงใด