Skip to content

พลิกปฐพี 96-3

ตอนที่ 96-3

จะชายหรือหญิง คุณชายก็สังหาร!

เสียงเสื้อเกราะที่กระทบกันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงนั้นราวกับผีร้ายที่กำลังจะเข้ามาพรากชีวิต ทำให้เสียงรํ่าไห้ของเหล่าหญิงสาวดังมากขึ้นกว่าเดิม

จนกระทั่งเงาของคนพวกนั้นปกคลุมพวกนางเอาไว้ จึงมีคนแอบเงยหน้าขึ้นแอบมองด้วยความหวาดผวา

ทหารท่าทางเย็นชา ยืนบังแสงสว่างอันน้อยนิดที่มีอยู่ ไออำมหิตที่อยู่ในดวงตา ในสายตาของพวกนางแล้วราวกับเป็นปีศาจกินคนที่น่าหวาดผวา

เขากวาดสายตามองเหล่าหญิงสาวโดยไม่แสดงอาการอันใด

ทันใดนั้น เขาก็ยกนิ้วขึ้นชี้ตรงมุม ชี้หญิงสาวผู้ที่มีอาการสั่นมากที่สุด พลันพูดอย่างเย็นเยียบว่า “เอาตัวนางเข้าไป”

พูดจบ เหล่าหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเขา

เมื่อเห็นว่าคนที่ไม่ถูกชี้ตัวคือตนเอง ก็พลันโล่งใจในทันที พวกนางขยับตัวเผยให้เห็นหญิงสาวผู้ที่อยู่มุมในสุด

ชายหนุ่มสองคนเดินออกมาและเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นในทันที

ในดวงตาของหญิงสาวคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกว่าตนเองโชคดี หวาดกลัวรวมทั้งเห็นใจ แต่ทว่า ทุกคนก็ยังคงรักษาความเงียบสงบ

“ไม่ ไม่….ขอร้องล่ะ ” หญิงสาวที่อยู่มุมสุด ตอนแรกคิดว่าตนเองจะปลอดภัยที่สุด แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายกลับต้องถูกเลือก

นางมองทหารผู้เย็นชาด้วยความกลัว มือทั้งคู่พยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดและไม่ให้ตนเองถูกนำตัวเข้าไป

แต่ทว่า การดิ้นรนเช่นนี้กลับไม่ได้ผล สำหรับเหล่าทหารพวกนี้ ทหารทั้งสองจับมือของนางเอาไว้แน่น ลากตัวนางออกไปท่ามกลางผู้คน ไม่สนใจ คำร้องขอชีวิตจากนางและลากตัวนางเข้าไปยังหลังฉาก ที่ชวนให้คนสยดสยองและเย็นเยียบนั่น

ครึ่งชั่วยามผ่านไป—————-

อ้า———-

เสียงโหยหวนแห่งความทุกข์ทรมานดังขึ้นอีกหน ทำให้หญิงสาวที่หลบอยู่ในมุมรู้สึกกลัวและกังวลกับชะตาชีวิตของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม

พวกนางต่างเฝ้ารอคอยดวงตะวันในเช้าวัน

ใหม่

เพราะในตอนนั้น ฝันร้ายจึงจะจบลง พวก

นางจึงจะสามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้อีกวัน

แต่ทว่า หลังจากที่ศพของหญิงสาวคนที่ถูกลากออกมา ก็ไม่มีคนมาชี้ตัวใครอีกต่อไป พวกนางไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น ถึงเปลี่ยนแปลงความเคยชินของรัชทายาทไปได้

แต่ทว่า กลับสามารถสัมผัสได้ว่า บรรยากาศภายในตำหนักรัชทายาทน่ากลัวมากกว่าเดิม ราวกับมีดวงตาแห่งเปลวเพลิงที่พร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลาที่อยู่เหนือศีรษะของทุกคนในขณะนี้

หลังฉากที่ทำจากหนังสัตว์ ก็ถูกหนังสัตว์หนาๆ ปูอยู่เช่นกัน

ในห้องซึ่งมีเตารูปสี่เหลี่ยม ที่ด้านในมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องอบอุ่นมากขึ้น

ด้านข้าง บนเตียงนอนรูปวงกลมหลังใหญ่ที่ยับยู่ยี่ มีรอยเลือดเปื้อนอยู่ รอยเลือดนั้นทั้งคลํ้าทั้งสด

และในขณะนี้ บนเตียงวงกลมมีเพียงคนผู้หนึ่งที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า บนร่างกายของเขาถูกสักลวดลายน่ากลัวต่าง ๆ ไว้มากมาย กล้ามเนื้อ บนร่างกายเป็นมัดๆ เผยให้เห็นเส้นเลือดจางๆ ผมบนศีรษะถักเปียเล็กๆ ไว้จำนวนนับไม่ถ้วน เชือกที่มัดผมเปียเล็กพวกนี้เข้าด้วยกันมีกะโหลกศีรษะสีทองประดับอยู่

แสงจากเปลวเพลิงตกกระทบบนร่างกายของเขา ทำให้อีกด้านหนึ่งของเขาถูกเงาสีดำบดบังและเผยให้เห็นเพียงด้านเดียว แต่กลับฉายแววโหด

เหี้ยม

ใบหน้าของเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่กลับเยือกเย็นแข็งกระด้างดั่งมีดดาบ

หว่างคิ้วเต็มไปด้วยรังสีสังหารและความอำมหิต

ดั่งปีศาจที่กินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น

เท้าเหยียบอยู่บนหนังสัตว์และยังมีเงาที่อยู่ในที่มืดอีกเงาหนึ่ง

เขานั่งคุกเข่า หมัดที่กำแน่นของเขาแนบอยู่บนพื้นพลางก้มหน้าลงตํ่า ราวกับอยากจะหายไปจากสายตาของผู้ชายที่ดูโหดเหี้ยมผู้นี้

“เจ้าบอกว่า เฮ่อเหลียนป๋าและองค์หญิงแคว้นฉินหายตัวไปอย่างนั้นหรือ” เสียงโทนตํ่าดังขึ้นจากปากของเฮ่อเหลียนจ้านราวกับได้แฝงไอสังหารในทุกตัวอักษร

“ขอรับ” คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ก้มหน้าลงตํ่ากว่าเดิม

เฮ่อเหลียนจ้านหรี่ตาคู่ที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต มุมปากกระตุกยิ้มอันกระหายเลือด “จากกำหนดการเดินทางแล้ว พวกเขาควรจะเข้าสู่อาณาเขตแคว้นถูหลายวันแล้ว”

“ขอรับ จากกำหนดการแล้ว หมานอ๋องน่าจะออกเดินทางกลับแคว้นถูมา 7-8 วันแล้ว แต่ทว่า เมื่อหลายวันก่อนข้าน้อยไปตระเวนบริเวณชายแดน และพบว่าหมานอ๋องไม่ได้ปรากฏตัว ตอนแรกข้าน้อยคิดว่า เกิดอะไรเรื่องระหว่างทางจึงทำให้ต้องเสียเวลา จึงรออยู่ที่นั่นหลายวัน แต่ทว่าหมานอ๋องก็ยังคงไม่กลับมา ข้าน้อยจึงไปหาเบาะแสและพบร่องรอยการต่อสู้อย่างรุนแรงบริเวณป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมืองติดกับชายแดนขอรับ” พอพูดจบ เหงื่อก็ได้อาบผ้าคลุมหัวสีดำของเขาจนเปียกปอน

“ร่องรอยการต่อสู้อย่างนั้นหรือ มีคนกล้าลงมือกับหมานอ๋องแห่งแคว้นถูหรือ น่าสนใจ” เฮ่อเหลียนจ้านเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

จากนั้นเขาจึงพูดต่อว่า “หากหมานอ๋องหายตัวไปในขณะที่นำคณะราชทูตไปแคว้นฉิน ก็จงส่งทหารไปโจมตีแคว้นฉิน ไม่ว่าอย่างไรแคว้นฉินก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ” พูดจบ สายตาของเขาก็แวววับด้วยรังสีสังหารที่กำลังลุกไหม้และความกระหายในการทำสงครามที่อยู่ในสายเลือดกำลังค่อยๆ ปะทุ

“รัชทายาท! แบบนี้มัน…” คงจะไม่ดี หลังจากที่สบกับดวงตาโหดร้ายและเย็นเยียบ ในที่สุดคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เขารู้จักนิสัยที่ทั้งบ้าบิ่นและชอบทำสงครามของเจ้านายของตนเองดี

เพียงแค่อภิเษกกับแคว้นฉิน ก็เป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของเขาแล้ว ในตอนนี้ ทั้งหมานอ๋องและองค์หญิงแคว้นฉินก็ได้หายตัวไปอีก ซึ่งเป็นข้ออ้างให้เขาได้ทำสงคราม เขาจะทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า

ราวกับว่า การส่งทหารไปโจมตีแคว้นฉิน ไม่ได้เป็นเพราะเฮ่อเหลียนป๋า แต่เพื่อต้องการล้างความอัปยศที่เขาต้องอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแคว้นฉิน

คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นทอดถอนใจ

ตำแหน่งรัชทายาทที่กำลังแย่งชิงกันอย่างดุเดือด กว่าเจ้านายของตนเองจะได้ครอบครองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในวันที่กำลังมีศึกภายในเช่นนี้ กลับคิดจะทำสงคราม มันถือเป็นการแสดงจุดด้อยของตนเองให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น

เขามั่นใจว่า อีกฝ่ายที่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท นอกจากจะไม่ห้ามการส่งทหารไปโจมตีแคว้นฉินแล้ว ยังจะส่งเสริมด้วย เพราะหากสงครามในครั้งนี้ ทำลายความสงบสุขของแคว้นถู ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะ พวกเขาก็มีเหตุผลมากพอที่จะโจมตีรัชทายาท

ยิ่งพวกเสนาบดีที่ปากคอเราะร้ายดั่งมีดคมที่พร้อมสังหารก็อาจจะดึงเจ้านายของตนเองลงจากตำแหน่งรัชทายาทได้

แต่ทว่า สำหรับคำพูดนี้ เขากลับไม่กล้าพูดกับเฮ่อเหลียนจ้าน เขากลัวว่าหากตนเองพูดผิดอีกแม้แต่คำเดียว จะทำให้ไม่มีชีวิตรอดออกไปจากวังหลวงแห่งนี้ได้อีก

ณ แคว้นฉิน ลั่วตู ภายในจวนตระกูลมู่ที่กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ราวกับว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังหลวงแคว้นฉิน ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าของที่นี่เลยแม่แต่น้อย

แต่ทว่า ทุกคนกลับกระจ่างเป็นอย่างดีว่าตระกูลมู่ในวันนี้ ไม่ใช่ตระกูลมู่ดั่งเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป

หากจะบอกว่า ตระกูลมู่ในอดีตต้องอยู่ภายใต้การวางแผนสังหารของฮ่องเต้ ได้รับความเมตตาจอมปลอม และเสพสุขกับเกียรติยศอันสูงสุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเสี่ยงกับการถูกล้มล้าง ถ้าอย่างนั้นในวันนี้ตระกูลมู่

คงจะอยู่เหนือคนนับหมื่นอย่างแท้จริง ขุนนางนับร้อยในทั้งท้องพระโรง จะมีใครไม่รู้บ้างว่าเมื่อ ตื่นมาแล้วยอดฝีมือหลายคนของราชวงศ์ก็ได้ถูกคุณชายตระกูลมู่สังหารไปจนหมดสิ้น แม้ว่าจะยังเป็นของตระกูลฉิน แต่ทุกคนก็ตระหนักดีว่าในแคว้นฉินแห่งนี้ ใครมีอำนาจสูงสุด

ตระกูลมู่แม้จะมีความสำคัญน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้ายั่วแหย่

กลัวว่าหากไม่ตั้งใจทำให้คุณชายท่านนั้นของตระกูลมู่เกิดโทสะขึ้นมา อาจจะเกิดการสังหารนองเลือดในแคว้นฉินเหมือนดังที่เกิดขึ้นในวังหลวง ที่แม้แต่

ตายอย่างไรยังไม่มีคนทราบนั้น

แม้กระทั่งใครจะเป็นผู้นั่งบนบัลลังก์อันทรงเกียรติ ยังต้องได้รับความพึงพอใจจากท่านผู้นั้นเสียก่อน

ในสายตาของหลายคน ในตอนนี้วังหลวงแคว้นฉินเหลือเพียงแค่ชื่อ บางที ตระกูลมู่คงเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมก็จะเข้าแทนที่ โดยที่ประชาชนเองก็มิอาจต่อต้านได้

แต่ทว่า พวกเขากลับไม่รู้ว่าตระกูลมู่ มู่ซง มู่ชิงเกอไม่ได้ทะเยอทะยานหวังในตำแหน่งนั้น หลังจากที่มู่ชิงเกอช่วยให้ตระกูลมู่พ้นจากวิกฤตแล้ว นางก็หลบอยู่ในจวนตระกูลมู่ เงียบสงบราวกับได้หายตัวไปแล้วก็ไม่ปาน ส่วนเรื่องฮ่องเต้คนใหม่ของแคว้นฉินนางก็มิได้ออกความเห็นอันใดและก็มิได้ให้ความสนใจด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version