Skip to content

พลิกปฐพี 96-5

ตอนที่ 96-5

จะชายหรือหญิง คุณชายก็สังหาร!

มู่ชิงเกอรีบลุกพรวดโดดลงจากเตียงแล้วเปิดประตูห้อง จึงพบทั้งสามที่ยืนอยู่ในสวน

“ท่านปู่” มู่ชิงเกอหันไปมองมู่ซง พลันเอ่ยเรียก

มู่ซงตอบรับคำหนึ่งและเดินเข้าไปหานาง ในแววตาอันเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความเอ็นดู “เกอร์เอ๋อร์พักผ่อนจนหายเหนื่อยหรือยัง”

มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ พลางพยักหน้าตอบรับ แล้วจึงพาพวกเขาไปนั่งในห้องรับแขกกลาง

หลังจากที่ฮวาเยวี่ยเอานํ้าชาและขนมมาวางให้เสร็จแล้วก็ออกไป ในห้องเหลือเพียงสองปู่หลาน

“ที่ท่านปู่มาในวันนี้ มีธุระอันใดหรือ” มู่ชิงเกอถาม

มู่ซงพยักหน้าและพูดกับมู่ชิงเกอว่า “เกอร์เอ๋อร์ ตอนนี้สถานการณ์ในแคว้นฉินก็คงที่บ้างแล้ว ส่วนจวนตระกูลมู่ของเราก็สงบสุขขึ้นมาก ปู่อยากจะหาโอกาสเปิด เผยฐานะที่เป็นหญิงของเจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว พลันถามว่า “เพื่ออะไร”

มู่ซงจ้องด้วยสายตาอันเคร่งขรึมและถามย้อนกลับด้วยความเคืองว่า “เพื่ออะไรอย่างนั้นหรือ? ตระกูลมู่ได้พ้นจากอันตรายแล้วไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเสียสละอีกต่อไป หากไม่ทำให้ทุกคนกระจ่างในฐานะของเจ้าหรือว่าเจ้าอยากอยู่ในฐานะที่เป็นชายและไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต?”

แท้จริงแล้ว นางเองก็มีความคิดเช่นนี้

มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นผู้ชายจนชินแล้ว ข้าเองไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ดี ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนถึงเพียงนั้น”

“ไม่ได้! อย่างไรก็ตามเจ้าก็เป็นหญิง จะอยู่ในฐานะผู้ชายแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันเล่า” มู่ซงยังคงยืนยัน

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว คงเป็นเรื่องความรักสินะ ท่านผู้เฒ่ากังวลเรื่องนี้มานานแล้ววันนี้พร้อมที่จะสู้กับนาง เพื่อให้นางตกปากรับคำในเรื่องนี้

“ท่านปู่เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง ตอนนี้ข้าไม่มีใจจะไปคิดเรื่องนั้น อย่าลืมว่าแคว้นถูกำลังจับจ้องเราอยู่ หากเรื่องการเปลี่ยนแปลงภายในวังหลวงแคว้นฉินกระจายออกไปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถือโอกาสนี้ในการโจมตี แคว้นฉินหรือม่” มู่ชิงเกอเองก็ใช้เรื่องนี้เป็นทางลัดในการยื้อเวลาไว้ได้นานเท่าไหร่ก็เท่านั้น หากนางออกจากแคว้นฉินไปผจญภัยในโลกกว้าง มู่ซงยังจะตามตัวนางกลับมาได้อีกหรือ

อย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อพูดถึงแคว้นถู สายตาของมู่ซงฉาย แววความเคร่งขรึมในทันที

แคว้นฉินในตอนนี้ ภายนอกราวกับจะสงบสุข แต่ในความเป็นจริงแล้วยังคงมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก ปัญหาภายในแคว้นคือการที่ฮ่องเต้ตัวน้อยจะขึ้นครองราชย์ ตำแหน่งของเขานั้นยังไม่มั่นคงยังคงต้องการการประคับประคองจากเสียนอ๋องและมู่ชิงเกอ สำหรับปัญหาภายนอก ก็คือแคว้นถูที่คอยจ้องโจมตีแคว้นฉินอยู่นั้นก็ไม่อาจไว้วางใจได้ อีกทั้งหลานสาวของเขายังฆ่าหมานอ๋องแห่งแคว้นถูและชิงตัวองค์หญิงที่มีสัญญาอภิเษกสมรสกลับมา

เรื่องนี้ทางหวังถิงแห่งแคว้นถูต้องรับรู้ในไม่ช้าก็เร็วนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ล่วงหน้า

เมื่อคิดทบทวนแล้วมู่ซงก็ไม่อาจอยู่ในสวนสระเมฆาได้อีกต่อไป เขาพูดคุยกับมู่ชิงเกออีกเพียงไม่กี่คำก็จากไปอย่างเร่งรีบ

มู่ชิงเกอมองเงาของมู่ซงที่จากไป โย่วเหอพลันส่ายหน้าอย่างทุกข์ใจ ความสามารถในการเบี่ยงประเด็นของคุณชายนั้นช่างน่าชื่นชมเสียจริง สามารถจับจุดอ่อนของทุกคนได้อย่างตรงจุดและรู้ว่าท่านผู้เฒ่ากำลังกังวลใจเรื่อง

อะไร

หลังจากที่มู่ซงจากไปได้ไม่นานเสียนอ๋องฉินจิ่นเฉินก็ได้พาใครคนหนึ่งที่ตอนนี้เอาผ้าคลุมตัวอยู่ปรากฏตัวขึ้นภายในสวนสระเมฆา

คนผู้นั้นไม่ได้สูงมากนัก ประมาณหัวไหล่ของฉินจิ่นเฉิน แต่ทว่าความลึกลับเช่นนี้ของเขา ทำให้ทั้งโย่วเหอและฮวาเยวี่ยต่างก็รู้สึกสงสัย

หลังจากที่มู่ชิงเกอสั่งให้ทั้งสองสาวออกไป นางก็จ้องมองบุคคลลึกลับผู้นั้น

ฉินจิ่นเฉินจึงเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าอันละเอียดลออดวงนั้น หน้าตาของเขาละม้ายคล้ายกับฉินจิ่นซิว ฉินจิ่นห้าว ราวทั้งฉินจิ่นเฉิน มองดูแล้วอายุยังไม่มากนักแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมานะและอดทนอดกลั้น อีกไม่กี่ปีก็คงกลายเป็นชายหนุ่มผู้งดงามและสูงศักดิ์

“พี่มู่ ข้าคือฉินจิ่นหยาง” หนุ่มน้อยแนะนำตัวในทันที

จากสายตาของเขา มู่ชิงเกอไม่ได้เห็นถึงพิษภัยอันใด แต่กลับดูสุภาพและนอบน้อมเป็นอย่างมาก

นี่หรือ ฮ่องเต้ตัวน้อยที่ฉินจิ่นเฉินหาตัวมาให้กับแคว้นฉิน

มู่ชิงเกอจ้องฉินจิ่นเฉิน พลันพินิจพิเคราะห์ฉินจิ่นหยาง องค์ชายเจ็ด ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะองค์นี้ นางดูเหมือนว่าจะไม่เคยพบเจอมาก่อน

ฉินจิ่นเฉินพลันพูดว่า “อีกเพียงสองวัน น้องเจ็ดก็จะขึ้นครองราชย์แล้ว วันนี้เขาจึงขอร้องให้ข้าพามาพบเจ้า”

มาพบนาง อย่างนั้นหรือ?

มาพบนางเพื่ออะไรกัน?

มู่ชิงเกอหรี่ตาด้วยความสงสัย ในขณะนั้นเองฉินจิ่นหยางก็พลันก้าวออกมาและพูดว่า “พี่มู่ ที่จิ่นหยางมาที่นี่ในวันนี้ เพียงแค่อยากจะบอกกับพี่มู่ว่า นับแต่จากนี้ หากยังมีแคว้นฉินอยู่ก็จะมีตระกูลมู่คอยเคียงคู่ ราชวงศ์จะไม่ทรยศหักหลังตระกู ลมู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือใครก็มิอาจทำให้เกิดความคลางแคลงหรือไม่เชื่อใจต่อตระกูลมู่ได้ เกียรติยศของแคว้นฉินนี้ เราจะร่วมแบ่งปันมันไปด้วยกัน ”

แววตาของเขาไร้ซึ่งความเสแสร้งแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย ทำให้มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตาไปมองฉินจิ่นเฉิน “ท่านสอนองค์ชายเจ็ดพูดเช่นนี้หรือ”

ฉินจิ่นเฉินส่ายหน้าเบาๆ

เขาเองก็ไม่คิดว่า ที่น้องเจ็ดของตนร้องขอให้พามาพบกับมู่ชิงเกอ ก็เพื่อจะพูดสิ่งเหล่านี้กับเขา เรื่องนี้ไม่เพียงแค่ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกฉงนใจ เขาเองก็แปลกใจไม่น้อย

ดูเหมือนว่า น้องเจ็ดผู้นี้จะฉลาดหลักแหลมมากกว่าที่เขาคิด

เมื่อเห็นว่าฉินจิ่นเฉินปฏิเสธ มู่ชิงเกอจึงมองฉินจิ่นหยางอีกครั้งและหลังจากที่พินิจพิจารณาอีกเขาครู่หนึ่ง จึงพูดอย่างจริงใจว่า “พระองค์ทรงฉลาดหลักแหลมมาก ดูเหมือนว่าหากทรงได้ปกครองแคว้นฉินแล้ว จะต้องนำพาแต่ความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นแน่”

ฉินจิ่นหยางผุดรอยยิ้มที่ฉายแววถ่อมตัว เขาเพียงยิ้มจางๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ

มิได้ปฏิเสธและมิได้ยอมรับ

แต่ทว่า มู่ชิงเกอกับฉินจิ่นเฉินกลับเห็นความมุ่งมั่นแน่วแน่และความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมจากแววตาของเขา

องค์ชายผู้สงบเสงี่ยมผู้นี้ ก็ดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน

ในสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของฉินจิ่นเฉินหยุดอยู่ที่ฉินจิ่นหยางครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดกับเขาว่า “ฝ่าบาทไปนั่งรอข้าในรถม้าก่อนได้หรือไม่”

ฉินจิ่นหยางพยักหน้าและหลังจากที่ได้คารวะผู้อาวุโสตามมารยาทที่ได้รํ่าเรียนมาจากราชวงศ์เแล้วก็ได้เดินจากไป

หลังจากที่เขาออกไป ฉินจิ่นเฉินจึงพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ฉางเล่อไปแล้ว ก่อนไป นางมาหาข้า ให้ข้าลบชื่อนางออกจากราชวงศ์”

การที่ฉินอี้เหยาจะจากไป มู่ชิงเกอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้น นางมิได้รู้สึกแปลกใจ ตอบรับเพียงแค่ “อืม” คำเดียว

ความนิ่งเงียบของนาง ทำให้ความรู้สึกปวดร้าวแฝงอยู่ในแววตาของฉินจิ่นเฉิน เขาจึงได้พูดออกมาว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปตามตัวนางกลับมา หากยังตัดใจไม่ลงก็ อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านไป ฉางเล่อเป็นคนดี”

ความรีบร้อนเช่นนี้ ทำลายความสงบและสันโดษที่ฉินจิ่นเฉินเคยมีและเพิ่มความเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีกหลายส่วน

คำพูดของเขา ทำให้มู่ชิงเกอหันกลับมามองด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ความสงสัยที่มีต่อเขา มิใช่จากนิสัยที่ผิดไปจากเดิมของเขา แต่เป็นความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดที่เขาพูดออกมา

“ฉินจิ่นเฉิน นี่ท่านกลายเป็นพ่อสื่อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มู่ชิงเกอพูดจาเสียดสี

สายตาของฉินจิ่นเฉินแฝงความตื่นตระหนก เขารีบก้มหน้าลงเพื่อปกปิด “ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าผิดหวังและพลาดโอกาส อย่างนั้นก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูด ขอตัวก่อน”

เขาหันหลังและเดินจากไปอย่างง่ายดาย ราวกับไม่พอใจที่มู่ชิงเกอทำให้รู้สึกเคืองใจ

แต่ทว่า มีเพียงตัวเขาเองที่รู้ว่าตนเองกำลังหนี

เป็นพ่อสื่อหรือ เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ฉินจิ่นเฉินที่หนีออกมาจากจวนตระกูลมู่ กระตุกยิ้มอย่างไม่ชอบใจนัก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกว่าความรู้สึกที่ตนเองมีต่อมู่ชิงเกอนั้นเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้บริสุทธิ์ดั่งที่เคยเป็นและมองเขาอย่างไม่บริสุทธิ์ใจในทุกๆ ครั้ง อยากอยู่เคียงข้าง รวมทั้งในบางครั้งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน ทำให้เขาอยากจะกอดมู่ชิงเกอเอาไว้

ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ ทำให้เขาทั้งรู้สึกกลัวและต่อต้านแต่ทว่ากลับถูกกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

เพราะฉะนั้น เขาจึงหวังให้มู่ชิงเกอและฉินอี้เหยาได้ครองรักกันเพราะหากเป็นเช่นนี้ เขาก็จะไม่ต้องคิดมาก แท้จริงแล้วเขาก็เห็นแก่ตัวและต้องการคืนความสงบให้กับจิตใจที่กำลังสับสนวุ่นวายของตนเอง อีกทั้งเพื่อลบล้างความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยและไม่ควรมีนั้นออกไป เขาจึงกระตือรือร้นในความสัมพันธ์ระหว่างมู่ชิงเกอและฉินอี้เหยา

ถ้าไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยเย็นชาและสันโดษของเขาแล้ว จะกลายเป็นพ่อสื่อ….เช่นนี้ไปได้อย่างไร

เก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้เพียงคนเดียว ใบหน้าอันงดงามของฉินจิ่นเฉินไม่เผยให้เห็นพิรุธอันใดเลยแม้แต่น้อย พลันกลับวังหลวงแคว้นฉินไปพร้อมกับฉินจิ่นหยาง

ในวันนั้น มู่ซง ฉินจิ่นเฉินและฉินจิ่นหยางจากไป สวนสระเมฆาก็กลับคู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

แต่ทว่า ความสงบเช่นนี้ เพิ่งจะรักษาเอาไว้ได้เพียงไม่กี่วันก็ถูกข่าวคราวจากชายแดนทำลายจนหมดสิ้น

ดวงตะวันยังไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้า พระจันทร์กำลังค่อยๆ คล้อยลับตาไป มู่ชิงเกอและมู่ซงถูกเรียกให้เข้าวังหลวงอย่างกะทันหัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version