ตอนที่ 104
สาวน้อยนางนี้ต่อสู้ไม่เป็นหรือไร
จากการกระทำของลู่เสวียน เจียงหลีเพียงรู้สึกว่ามีหมอกสีขาวด้านหน้า
หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องของทั้งแปดคนก็ดังขึ้นในหูของนาง
“รีบไปเถอะ!” เสียงของลู่เสวียนดังขึ้น
เจียงหลีรู้สึกแน่นที่มือ เด็กหนุ่มจับมือนางเพื่อไปให้ทันก่อนที่หมอกสีขาวจะจางหายไป ฝ่าอุปสรรคที่กีดขวาง และหนีไปให้ไกลอีกครั้ง
“เจ้าจะพกผงยาไว้ตลอดเลยหรือ” หนีไปได้ไกลแล้ว เจียงหลีถึงได้มองลู่เสวียนด้วยความ ประหลาดใจ
สิ่งที่ลู่เสวียนทำ มันเหนือความคาดหมายของนาง
วิธีการที่สกปรกเช่นนี้ ไม่คิดว่าซื่อจื่อของตระกูลลู่ก็สามารถทำมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่เคอะเขินสักนิด!
ถ้าเป็นราชินีที่งดงามดั่งนาง ไม่สามารถทำเรื่องอะไรที่ต่ำช้าเช่นนี้ได้แน่นอน
เหอะ เหอะ!
“คิดจะท่องยุทธภพ แน่นอนว่าต้องเตรียมอาวุธลับ! หลียาโถ่ว พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงคุณธรรมนํ้ามิตรแห่งชาวยุทธภพ มีหลิงเจี้ยงมากมายมาหาเรื่องเด็กสองคนอย่างพวกเรา พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ!” ลู่เสวียนวิ่งไปด้วย และไม่ลืมที่จะหันมาอธิบายกับเจียงหลี
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเขา มุมปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง
เหมือนว่านางจะพบข้อดีบางอย่างในตัวลู่เสวียน นั้นก็คือใบหน้าที่หนามาก!
“ผงยาเหล่านั้นไม่สามารถฆ่าคนได้ จัดการได้เพียงหูตาจมูกปากของพวกเขาเท่านั้น และช่วยไม่ได้นาน พวกเราต้องรีบหน่อย หาผู้ดูแลของสถาบันให้เจอ เราก็จะรอดจากภัยนี้ไปได้” ลู่เสวียนกล่าวแก่เจียงหลี
“ผู้ดูแลหรือ” เจียงหลีถามทวนอีกครั้ง
ลู่เสวียนพยักหน้าแรงๆ “เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียที่มากนัก สำนักหลิงอู๋และสถาบันไป๋หยวนได้จัดให้มีอาจารย์มาดูแลอย่างเงียบๆ แต่ว่า หุบเขาโยวโยวกว้างใหญ่เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงทุกซอกมุม ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือเราต้องไปหาพวกเขาให้เจอ มิฉะนั้นแล้ว ทำได้เพียงแค่ ยกเลิกการทดสอบ และจากหุบเขาโยวโยวนี้ไป”
ฟังจากนํ้าเสียงของเขาแล้ว เจียงหลีรับรู้ได้ถึงความโกรธและไม่เต็มใจ แต่ว่า เหตุผลของเขา กลับทำให้เจียงหลีรู้สึกประทับใจ ไม่ประมาท ไม่ใจร้อน ซื่อจื่อของตระกูลลู่นี่ นับว่าไม่เลว
“เกรงว่าพวกเขาจะไม่มอบโอกาสนี้ให้เรา” เจียงหลีเก็บความคิด และกล่าวประโยคหนึ่งเบาๆ
ลู่เสวียนมองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ
เจียงหลีกลับกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าสงสัยว่านักฆ่าพวกนี้มีส่วนรู้เห็นกับสำนักหลิงอู๋ เช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่ให้เราหาผู้ดูแลของสถาบันไป๋หยวนเจออย่างง่ายดาย”
ลู่เสวียนรู้สึกหนักอึ้งในใจ กัดฟันกล่าว “เช่นนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือหนีไปยังทางออก”
“คิดจะหนีหรือ พวกเจ้าจะหนีไปได้หรือ”
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน อยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านบน มาพร้อมกับพลังวิญญาณอันทรงพลัง มุ่งตรงมาที่พื้น เป้าหมายของนั้นคือเจียงหลีและลู่เสวียน
ตู้มมม!
พลังวิญญาณ ระเบิดออกจนทำให้ดินและหญ้าบนพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เจียงหลีและลู่เสวียนรู้สึกตึงหน้าอก ไอร้อนและเลือดขึ้นคอ กระโจนไปข้างหน้าทั้งร่าง
ขณะเดียวกัน ก็มีพลังวิญญาณหลายดวง พุ่งไปโจมตีพวกเขา
“เลี่ยเทียนซื่อ!”
“ฉิวหลง!”
เจียงหลีและลู่เสวียนต่างก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์โดยไม่ได้นัดหมาย
แสงสีทองสองเส้นออกมาจากร่างของพวกเขา ม้วนรวมเข้ากับพลังวิญญาณ ม้วนหินดินทรายและหนามหญ้าที่ลอยอยู่บนอากาศ
ตูม ตูม ตูมมม!
พลังวิญญาณที่ปะทะกันอย่างดุเดือด พากันระเบิดอย่างไม่หยุดยั้ง
ในที่สุดเจียงหลีและลู่เสวียนก็ยืนหยัดขึ้นมาได้ปลดปล่อยลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายออกมา ด้านหลังทั้งสอง มีแสงสีทองกะพริบ และมีเงาของสัตว์ที่ดุร้าย
ฝุ่นที่ปกคลุมดวงตา ทำให้มองเห็นรอบข้างไม่ชัด
แน่นอน เจียงหลีและลู่เสวียนก็ไม่กล้าขยับตัวตามอำเภอใจ เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าถูกมวลพลังวิญญาณล้อมไว้แล้ว
ทำอย่างไรดี สายตาลู่เสวียนหันไปมองที่เจียงหลี และส่งคำถามด้วยสายตา
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เขากลับอยากฟังวิธีคิดของเด็กสาวคนนี้
เจียงหลีปิดปากแน่น ไม่ได้ตอบกลับลู่เสวียน
นางจ้องมองไปยังฝุ่นที่ค่อยๆ จางหายไป มองดูเงาที่โผล่ออกมา
คนแปดคน ต่างพากันกรูเข้ามาล้อมตัวพวกเขาทั้งสองไว้
ในขณะนี้ คนทั้งแปดปิดบังใบหน้า สิ่งเดียวที่มีให้เห็นคือดวงตาและผิวที่เป็นสีแดง ดวงตาแดงก่ำด้วยสายเลือด
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะผงยาของลู่เสวียนเมื่อครู่ ทำให้ดวงตาของพวกเขากลายเป็นเช่นนี้
และก็เป็นเพราะเหตุนั้น จึงทำให้พวกเขาทั้งสองสามารถหนีจากการรุมล้อมก่อนหน้านี้ได้
น่าเสียดาย หลิงเจี้ยงพวกนี้คงไม่ติดกับแผนเดิมแบบเมื่อครู่นี้แล้ว
“ฆ่าพวกเขาเสีย!” ผู้นำไม่เสียเวลากับลู่เสวียนและเจียงหลี รีบลงมือทันที
“ฆ่า!”
คนทั้งเจ็ดคำราม พวกเขาปลดปล่อยพลังของหลิงอู๋และมุ่งมาเพื่อฆ่าเจียงหลีและลู่เสวียน
“สาวน้อย ถ้าจะตายต้องไม่ตายอย่างสูญเปล่า!” ลู่เสวียนกัดฟันกล่าวเสียงแข็ง
วิญญาณยุทธ์ฉิวหลงด้านหลังก็รวมไปตามอารมณ์ของเขาในขณะนั้น เขาเสยผมและส่งเสียงคำราม อย่างโกรธกริ้วจนพื้นสั่นสะเทือนสามครั้ง
“วิญญาณยุทธ์ลำดับที่หนึ่ง” สายตาของผู้นำพวกชุดดำเกิดความโลภ และแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉา “ภูมิหลังของตระกูลลู่ช่างลึกจนยากจะหยั่งถึงเสียจริง!”
ลู่เสวียนไม่พอใจ มองพวกเขาด้วยความเยาะเย้ย “ศิษย์พี่ที่หัวหดหางโผล่ ก็สมควรแค่มองดู
วิญญาณยุทธ์ลำดับที่หนึ่งของข้านี่แหละ”
“หึ เจ้ามันก็เก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ!” เสียงผู้นำตะคอก
ฮึ่มมมม!
อีกด้านหนึ่ง เลี่ยเทียนซื่อเริ่มกริ้วโกรธขึ้น เจียงหลีได้เริ่มต่อสู้กับหลิงเจี้ยงคนหนึ่งแล้ว
“วิญญาณยุทธ์ลำดับที่หนึ่งอีกแล้ว!” ผู้นำหันหน้าไปมอง สายตาอิจฉาของเขายิ่งแสดงออกชัดเจนมากขึ้น “วิญญาณยุทธ์ลำดับที่หนึ่งสองตัวมาอยู่ในตัวพวกเจ้าทั้งสอง มันช่างน่าเสียดายเสียจริง!”
“ฉีกเวหาาา…”
เจียงหลีตะโกนเสียงดัง ทำให้เงาของเลี่ยเทียนซื่อขยายใหญ่ขึ้น หัวของมันพุ่งสูงขึ้น ราวกับจะพุ่งตรงไปฉีกห้องฟ้า
ทันใดนั้นเลี่ยเทียนซื่อก้มหน้าลง รวมเป็นหนึ่งกับร่างของเจียงหลีอย่างพร้อมเพรียง
ชั่วครั้งชั่วคราว ลมหายใจในร่างของเจียงหลีน่ากลัวเสียยิ่งกว่าหลิงเจี้ยง
นางก้าวถอยหลังไปข้างหลังหนึ่งก้าว ดึงกำปั้นขวาเข้า และโจมตีไปยังข้างหน้า “ฆ่ามัน”
เลี่ยเทียนซื่อก้มศีรษะลง พลังระดับฉีกฟ้าสลายดินได้ตรงไปยังหลิงเจี้ยง
“ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์” หลิงเจี้ยงคนนั้นตาค้าง โกรธแค้นในใจ นี่ก็คือทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ของวิญญาณยุทธ์ลำดับที่หนึ่ง! เยี่ยมยอดเสียจริง แม้แต่หลิงเจี้ยงยังต้องหลบให้ห่าง
นักฆ่าหลิงเจี้ยงถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว เขาไม่หยุดปล่อยพลังวิญญาณออกมา การใช้พลังฉีกเวหานั้น… เขาไม่หยุดเย้ยหยัน “จากสภาพของพลังวิญญาณเจ้าตอนนี้ อย่างมากก็คงใช้ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ได้สองครั้ง ข้าดูเจ้าหลังจากใช้สองครั้ง พอพลังหมดลงแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก!”
อีกด้านหนึ่ง ลู่เสวียนก็กำลังรับมือกับหนึ่งในหลิงเจี้ยง อีกห้าคนที่เหลือคอยดูจังหวะอยู่ข้างๆ ไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองหนีไปได้อย่างเด็ดขาด
หลังได้ยินคำพูดของหลิงเจี้ยงที่เผชิญหน้ากับเจียงหลี ลู่เสวียนหันไปมอง ตะโกนถามด้วยความห่วงใย “หลียาโถ่วเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ช่างน่าขัน ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ถึงจะมีพลังทำลายสูง แต่การเผาผลาญพลังวิญญาณก็สูงเช่นเดียวกัน
แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าใช้ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ตั้งแต่แรก แม่สาวน้อยนี่กำลังทำอะไรกันแน่ ไม่มีประสบการณ์อย่างนั้นหรือ
เจียงหลีในขณะนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาให้คำตอบเขาเล่า
นางจะได้ฟังคำเยาะเย้ยของหลิงเจี้ยง แต่ว่า
“เลี่ยเทียนซื่อ!”
หลังจากที่เลี่ยเทียนซื่อได้หายไป เจียงหลีก็ใช้ทักษะแห่งสวรรค์อีกครั้ง
หลิงเจี้ยงนักฆ่าคนนั้นก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น สายตาเยาะเย้ยของเขายิ่งรุนแรง “ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว!”
เจียงหลีเลือกใช้ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ติดต่อกัน ในสายตาคนอื่น มองว่ามันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
ขณะเดียวกัน เขายิ่งไม่สนใจเจียงหลี เพียงรอให้ทักษะแห่งสวรรค์ครั้งนี้หมดลง นางจะถูกจับได้ เพราะนางหมดพลังวิญญาณ
“หลียาโถ่ว!” เห็นเจียงหลีใช้การต่อสู้ทักษะแห่งสวรรค์อีกครั้ง ลู่เสวียนก็ตะโกนออกมาอย่างตึงเครียด
ขณะเดียวกัน เขาเองก็ใช้ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์เช่นกัน เขาอยากที่จะจัดการกับหลิงเจี้ยงที่มาสู้กับเขา แล้วมุ่งไปช่วยเหลือนาง
ทว่า ในขณะนั้นเอง…