บทที่ 1022 เจ้าจะฆ่าก็ลงมือเสีย
“อย่าเรียกข้าว่าพี่! ข้าไม่มีน้องชายอย่างเจ้า! เจ้าจะฆ่าก็ลงมือเสีย อย่าได้หมายว่าข้าจะยอมฆ่าตัวตาย!”
หรงเช่อยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม เพียงแต่นัยน์ตากลับมีความสลดพาดผ่านแวบหนึ่ง “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าท่านทำไม่ได้…ดังนั้น…คอยอีกหน่อยเถิด”
เขาหยิบขลุ่ยไผ่เลาหนึ่งออกมา เป่าบรรเลงอย่างเอ้อระเหย
คอย?
ยังต้องคอยอะไรอีก?
หรงเจียหลัวไม่มีทางคาดคิดว่าเขาจะปล่อยตนไปหลังจากที่เผยความลับทั้งหมดออกมาแล้ว เพียงแต่ในรถคันนี้มีแค่ตนกับเขา ถ้าเขาไม่ลงมือแล้วจะให้ผู้ใดมาลงมือ?
หรงเจียหลัวได้รับคำตอบที่เฝ้ารออยู่อย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจิ้งจอกดำร้องตะโกนอยู่ด้านนอก “เหยี่ยวไสยดำ! เหยี่ยวไสยดำมากมายเหลือเกิน!”
จากนั้นรถม้าก็โยกไหวทันที เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกดำที่อยู่ด้านนอกกำลังพยายามบังคับรถม้าหลบหลีกอย่างสุดชีวิต
ร่างกายหรงเจียหลัวไร้เรี่ยวแรง เมื่อถูกโยกเช่นนี้ร่างกายจึงพุ่งถลาไปด้านหน้าทันที ถูกหรงเช่อยื่นพัดมากดไว้…
เหยี่ยวไสยดำเป็นสัตว์ปีกดุร้ายชนิดหนึ่ง เป็นวิหคที่มีพลังวิญญาณขั้นห้า สามารถฉีกทึ้งแรดได้ด้วยกรงเล็บ รถม้าที่เดินทางด้วยการเหินบินหวาดเกรงว่าจะพบวิหคชนิดนี้ระหว่างทางเป็นที่สุด เจอเพียงตัวเดียวก็ทำให้สารถีวุ่นวายหัวหมุนแล้ว แต่ยามนี้พวกเขากลับพบเจอเป็นฝูง!
มีถึงสามสิบสี่สิบตัว!
พลังวิญญาณของจิ้งจอกดำคือขั้นห้า หากพบเหยี่ยวไสยดำเพียงตัวเดียว เขายังพอรับมือได้ แต่ยามนี้พบพานมากมายในคราวเดียว เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์แล้ว!
หรงเช่อชักพัดกลับ มองหรงเจียหลัวเป็นครั้งสุดท้ายแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ ชาติหน้าก็เลือกเกิดในครรภ์ดีๆ แล้วกัน ครั้งนี้ขออภัยด้วย!”
เขาประสานมือคารวะคราหนึ่ง เรือนกายไหววูบพุ่งออกจากรถไป…
ภายในรถเหลือหรงเจียหลัวที่ขยับตัวแทบไม่ได้อยู่เพียงผู้เดียว ในที่สุดเขาก็ทราบแผนการทั้งหมดของหรงเช่ออย่างแจ่มแจ้งแล้ว สาเหตุมิใช่เขาหักใจสังหารด้วยมือตนไม่ลง แต่เป็นการสร้างอุบัติเหตุอย่างหนึ่งขึ้น!
อย่างไรเสียหากเขาลงมือด้วยตัวเอง เป็นไปได้ว่าอาจหลงเหลือเบาะแสอันใดไว้บนร่างศพ ถูกคนสืบพบได้ แต่ยามนี้เขาสร้างอุบัติเหตุที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่งขึ้น ถูกโจมตีระหว่างทาง เขากับจิ้งจอกดำล้วนต่อสู้หลั่งโลหิตอยู่ด้านนอก เหลือไว้เพียงเขาที่จะตกตายไปพร้อมกับรถม้าคันนี้…
ความคิดเขาเพิ่งแล่นมาถึงตรงนี้ นอกรถม้าก็มีเสียงจิกข่วนแว่วเข้ามา รวมถึงเสียงโหวกเหวกโวยวายด้วยความโกรธของจิ้งจอกดำกับหรงเช่อ…
ชัดเจนยิ่งนัก เหยี่ยวไสยดำมากมายเกินไป จิ้งจอกดำกับหรงเช่อต้านทานไม่ไหว ทำให้เหยี่ยวไสยดำกว่าสิบตัวกรูเข้ามากระแทกรถม้า
‘แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก…’
รถม้าถูกการโจมตีของเหยี่ยวไสยดำฉีกทึ้งออกเป็นชิ้น หรงเจียหลัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ร่วงหล่นลงไปดุจอุกกาบาต…
“องค์รัชทายาท!” เสียงตะโกนจนเสียงแทบหลงของจิ้งจอกดำแว่วเข้าหู
“เสด็จพี่รัชทายาท!” นี่คือเสียงตะโกนด้วยความตกใจของหรงเช่อ
หรงเจียหลีวหลับตาลง ร่างเขาไม่มีพลังวิญญาณเลยสักนิด ร่วงหล่นจากระดับความสูงกว่าสองพันเมตรไหนเลยจะยังมีทางรอด?
….
จิ้งจอกดำมือเท้าสั่นสะท้าน สืบหาร่องรอยของผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งด้วยความยากลำบาก
วินาทีที่หรงเจียหลัวร่วงหล่นลงไปเขาก็กระโดดตามไปอย่างไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น ทว่าถูกหรงเช่อใช้แส้ม้วนตัวดึงขึ้นไป เขาหันกลับไปมองทันที เห็นหรงเช่อขี่สิงโตเวหาตัวหนึ่งโผบินลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน จิ้งจอกดำกำลังร่อนลงบนหลังสิงโตเวหาตัวที่เขาขี่อยู่ สิงโตเวหาอีกตัวกลายเป็นอาหารของเหยี่ยวไสยดำฝูงนั้นแล้ว…
ถึงแม้ทั้งสองจะขี่สัตว์พาหนะบินตามลงมาอย่างรวดเร็วแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เร็วเท่าการร่วงหล่นอย่างไร้แรงโน้มถ่วงของหรงเจียหลัว ทั้งสองเบิกตามองเขาลอยละลิ่วร่วงดิ่งลงไปในป่าดงดิบที่อยู่ด้านล่าง…
พวกเขาตระเวนไปทั่วสถานที่ที่หรงเจียหลัวร่วงลงมา ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ต่อให้เขาหล่นลงมาตาย ศพก็ควรอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรรอบบริเวณนี้
แต่คนทั้งสองไม่สนใจอาการบาดเจ็บทำการค้นหารอบบริเวณนี้อย่างถี่ถ้วนปานร่อนตะแกรงมาสองชั่วยามเต็ม ก็ไม่พบร่องรอยของหรงเจียหลัวเลย