Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1023

บทที่ 1023 เช่นนั้นก็ดำเนินการตามแผนที่วางไว้

ที่นี่คือป่าดงดิบ ในป่าไม่เพียงมีแต่สัตว์ดุร้ายเท่านั้น ยังมีแม่นํ้าใหญ่ไหลเชี่ยวกรากสายหนึ่งอยู่ด้วย และบริเวณที่หรงเจียหลัวร่วงลงมาน่าจะเป็นละแวกแม่นํ้าใหญ่ หากเขาสิ้นชีพแล้วมีความเป็นไปได้ว่าอาจถูกสายนํ้าพัดพาไป และมีความเป็นไปได้ว่าอาจถูกสัตว์ร้ายคาบไปกิน…

จิ้งจอกดำแทบไม่กล้าคิดเลย เขากับหรงเช่อแยกย้ายกันค้นหานัดหมายกันว่าใครหาพบก่อนให้ยิงพลุเพื่อส่งสัญญาณ…

ค้นหาอยู่เช่นนี้หนึ่งวันเต็มยังคงไร้วี่แวว

ต้องทราบก่อนว่าสิงโตเวหามีจมูกที่ไวต่อกลิ่นยิ่งนัก ทัดเทียมกับสุนัขล่าเนื้อ หรงเช่อพาสิงโตเวหาไปค้นหา ทว่าดมไม่พบกลิ่นอายใดๆ ของหรงเจียหลัวเลย หรงเจียหลัวหายไป!

อยู่ไม่เห็นคน ตายไม่เห็นศพ…

เพียงเขาตกลงมาในสถานการเช่นนั้น ต่อให้ไม่พบศพในป่าดงดิบแห่งนี้ อัตราการรอดชีวิตก็ไม่มีเลย จิ้งจอกดำแทบจะอยากฆ่าตัวตายไปเสีย เคราะห์ดีที่ถูกหรงเช่อขัดขวางไว้ สีหน้าของหรงเช่อก็ยํ่าแย่มากเช่นกัน “มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่เสด็จพี่จะประสบเหตุที่ไม่อาจคาดคะเนได้ ต้องนำเรื่องนี้ไปกราบทูลให้เสด็จพ่อทราบโดยเร็ว ข้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหาลูกน้อง เชื่อว่าพวกเขาจะต้องมาค้นหาที่ภูเขาในไม่ช้า เจ้ากับข้ากลับไปรายงานก่อนเถอะ…”

เมื่อครู่หรงเช่อลอบใช้วิชาเรียกวิญญาณ เรียกวิญญาณของหรงเจียหลัวแล้ว ผลคือเรียกมาไม่ได้เลยสักเสี้ยว ในสถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองกรณีเท่านั้น หนึ่งคือหรงเจียหลัวยังไม่ตาย ถูกบางสิ่งช่วยไว้ อาจโชคดีไม่ตายและซ่อนตัวอยู่ แต่กรณีนี้มีความเป็นไปได้น้อยยิ่งนัก ป่าดงดิบแห่งนี้รกร้างห่างไกล ไม่มีผู้คนย่างกรายมา ก่อนหน้านี้เขาค้นหาทั่วสารทิศแล้ว ไม่พบเห็นมนุษย์เลยสักคน

สองคือเขาตายแล้ว ศพถูกสัตว์ร้ายคาบไป ดวงวิญญาณก็ถูกสัตว์วิญญาณสูบกินเป็นอาหารแล้ว…

ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้เก้าสิบเก้าจุดเก้าส่วนว่าหรงเจียหลัวตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ ดังนั้นเพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เขาต้องกลับไปจัดการเรื่องสำคัญก่อน ขอเพียงเขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแล้ว ต่อให้หรงเจียหลัวยังมีชีวิตอยู่หวนกลับมาได้ก็สายไปแล้ว…

ดังนั้นภารกิจของเขาในยามนี้ก็คือกลับไปยังเมืองหวง พาจิ้งจอกดำไปด้วย เนื่องจากเขาเป็นพยานที่ยืนยันได้ว่ารัชทายาทประสบเคราะห์ร้ายไปแล้ว…

จิ้งจอกดำยังไม่ถอดใจ ยังคิดจะค้นหาต่อไป แต่ถูกหรงเช่อทั้งกล่อมทั้งขู่ จึงทำได้เพียงตามเขากลับเมืองหลวง

เมื่อสองคนนี้ขี่สิงโตเวหาจากไปไกลแล้วในป่าที่อยู่ห่างออกไปมีเงาดำสลัวๆ ปรากฏร่างออกมา เสื้อผ้าบนร่างเขาแทบจะกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน กับสภาพแวดล้อมรอบข้าง มุมปากเขายกขึ้นน้อยๆ เอ่ยเสียงแผ่ว “เป็นวิชาเรียกวิญญาณที่เฉพาะทางถึงเพียงนั้นด้วย เห็นทีว่าเขาคงไม่ธรรมดาจริงๆ ซะแล้ว! ในที่สุดจิ้งจอกก็โผล่หางออกมาแล้ว…”

เขาหยิบป้ายหยกชิ้นออกมากดลงไปคราหนึ่ง ผ่านไปสักครู่ป้ายหยกก็เรืองแสงขึ้นมา มีเสียงเด็กน้อยคนหนึ่งแว่ววออกมาจากด้านใน “เป็นอย่างไรบ้าง?”

“นายท่าน เป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ไว้ขอรับ หรงเช่อลงมือกับหรงเจียหลัวระหว่างทาง! คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ใช้ขลุ่ยดึงดูดให้เหยี่ยวไสยดำมาโจมตีได้ ซ้ำยังเป็นวิชาเรียกวิญญาณที่ซับซ้อนยิ่งนักด้วย นายท่าน ท่านว่าเขาใช่ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังไหมขอรับ?”

อีกด้านของยันต์ถ่ายทอดเสียงเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ “หรงเจียหลัวล่ะ?”

“ถูกพวกลูกน้องช่วยไปแล้วขอรับ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ส่งกลับเมืองหลวงไปแล้ว”

“หรงฉู่เล่า?”

“ทางเมืองหลวงเพิ่งส่งข่าวมาขอรับ เมื่อคืนนี้หรงฉู่ถูกคนลอบสังหารในจวนของเขาเอง ฝ่ายหรงฉู่ก่อกบฏขึ้นอย่างฉับพลัน…คาดว่าคืนนี้ที่นั่นคงถูกลิขิตให้เป็นคืนที่ไม่อาจข่มตานอนได้ขอรับ”

ทางด้านนั้นหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “เยี่ยมมาก เช่นนั้นก็ดำเนินการตามแผนที่วางไว้”

“ขอรับ!”

….

ภายในห้องพักชั้นดีห้องหนึ่ง กู้ซีจิ่วกำลังยุ่งวุ่นวายกับการหลอมโอสถ เธอหลอมโอสถชนิดหนึ่งตามที่หลงซือเย่กำหนด โอสถชนิดนี้ก็คือวัตถุดิบที่หลงซือเย่ต้องการเพื่อมารักษาโรคประหลาดของตี้ฝูอี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version