บทที่ 1036 อย่าร้อนใจเลย ดูต่อไปเถอะ
กู้ซีจิ่วมองดู “ตรงขมับเขาสั่นไหวอยู่เล็กน้อย คล้ายกับมีอะไรมุดอยู่ด้านใน! หรงเช่อวางกู่เขา!”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างพอใจ “มิผิด! ตาแหลมนัก คนรุ่นใหม่ที่่รับการสั่งสอนได้! เช่นนั้นเจ้าดูออกหรือไม่ว่าเขาวางกู่ชนิดใด? ว่ากันตามจริง ถึงแม้จักรพรรดิซวนจะไม่นับว่าเป็นอย่างไร แต่อันที่จริงก็เป็นจักรพรรดิที่ดีคนหนึ่ง และเฉลียวฉลาดมาก ซํ้ายังไม่ถึงขั้นสับสนเลอะเลือนด้วย โอรสผู้ประเสริฐทั้งสองคนของเขาประสบเหตุถึงแก่ความตายไล่เลี่ยกัน อันที่จริงเขาก็สงสัยหรงเช่อเช่นกัน เขาเขียนราชโองการนี้อย่างไม่เต็มใจ เขาน่าจะสัมผัสได้ว่าหรงเช่อมีใจคิดสังหารเขา แต่ข้างกายไม่มีผู้ใดถวายอารักขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดจะถ่วงเวลา ถูกหรงเช่อมองออก เขาจึงใช้กู่ควบคุมเขา
โดยตรง ใช้กู่ในยามนี้จะต้องระวังแล้วระวังอีก ไม่อาจให้ผู้ใดมองออกได้ ภายหน้าก็ไม่อาจให้หมอหลวงตรวจพบได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกกู่ได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น กู่เรียวเข็ม กู่ชนิดนี้สามารถก่อกวนความคิดจิตใจของคนได้ ทำให้จิตใจสับสนว้าวุ่นอย่างน่าประหลาด ถูกผู้อื่นควบคุมได้ง่ายดายนัก…”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าการติดตามอยู่ข้างกายยอดฝีมือผู้เลิศลํ้าเช่นนี้ ช่างเพิ่มพูนความรู้โดยแท้ ต่อให้ชมละครอยู่ก็หาความรู้เพิ่มได้ไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่ากู่ของหรงเช่อที่อยู่ด้านในออกฤทธิ์แล้ว สายตาของจักรพรรดิซวนเริ่มเลื่อนลอยแล้ว มือที่จับพู่กันเขียนอักษรอยู่เริ่มปราดเปรียวขึ้นไม่น้อย
กู้ซีจิ่วค่อนข้างร้อนใจ “ท่านคงไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนี้สำเร็จกระมัง?! หากราชโองการนี้เขียนจนเสร็จ หรงเช่อก็จะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน!”
“อย่าร้อนใจเลย ดูต่อไปเถอะ”
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ ประตูตำหนักก็ถูกผลักเปิด หมอหลวงวิ่งเหยาะๆ เข้ามา ถวายบังคมต่อจักรพรรดิซวน
จักรพรรดิซวนยังคงเขียนราชโองการอยู่เช่นเดิม กล่าวประโยคหนึ่งออกมาโดยไม่เงยหน้า “ตามสบายเถอะ”
หมอหลวงคนนั้นก้าวเข้ามาจับชีพจรให้จักรพรรดิซวน หรงเช่อจึงถอยหลังไปยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
ยามที่หมอหลวงจับชีพจรจักรพรรดิซวนไม่อาจเขียนอักษรได้ ทำได้เพียงวางราชโองการที่เขียนไปแล้วครึ่งหนึ่งไว้บนโต๊ะ หมอหลวงคนนั้นวางอุปกรณ์การแพทย์ไว้บนโต๊ะ มือไม้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่ทันระวังปัดโดนถ้วยชาใบหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะควํ่า นํ้าชาหกลงบนราชโองการ…
หมอหลวงสะดุ้งโหยง รีบร้อนช่วยเก็บ แต่ยังคงเบิกตามองอักษรบนราชโองการที่เลือนรางไปแล้วอยู่ เขารีบคุกเข่ากราบกรานขอรับโทษทันที
หรงเช่อที่อยู่ด้านข้างมองเขาอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นนิดๆ เขารู้จัก หมอหลวงผู้นี้เป็นคนฝ่ายหรงฉู่…
คนของฝ่ายหรงฉู่ย่อมไม่อยากให้ตัวเขาหรงเช่อได้เป็นจักรพรรดิ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าหมอหลวงคนนี้จงใจทำ!
เพียงแต่หรงเช่อกลับไม่ลนลานแล้วจักรพรรดิซวนถูกเขาควบคุมแล้ว ราชโองการนี้ย่อมเขียนขึ้นใหม่ได้ทุกเมื่อ
มีเสียงรายงานของขันทีแว่วมาจากด้านนอกตำหนักบรรทม “ฝ่าบาท ใต้เท้าจาง ใต้เท้าจ้าว…ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางเหล่านี้มีทั้งพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่ และพรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาท พวกเขามาในยามนี้ย่อมเป็นเพราะได้ยินว่าหรงเช่อกลับมาแล้ว คิดจะมาสอบถามข่าวคราวของหรงเจียหลัว
หากเป็นเมื่อก่อน ร่างกายของจักรพรรดิซวนเป็นเช่นนี้ ซํ้ายังทราบจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ คงจะไม่ให้พบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาเป็นกังวล แต่ยามนี้ถูกหรงเช่อควบคุมไว้ ย่อมประกาศให้พวกเขาเข้ามาได้
พรรคพวกฝ่ายหรงฉู่ที่เดือดดาลเรียกร้องขอคุมตัวหรงเจียหลัวไปเพื่อไต่สวนอย่างเข้มงวด จะต้องให้ความเป็นธรรมต่อองค์ชายหรงฉู่ให้จงได้
พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทยาทกล่าวว่าทุกอย่างยังไม่กระจ่าง
เดิมทีองค์รัชทายาทอยู่ด้านนอก ต่อให้คนที่มาลอบสังหารองค์ชายหรงฉู่จะเป็นองครักษ์ขององค์รัชทายาท ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นองค์รัชทายาทที่ส่งมา…
ขุนนางเหล่านี้ถกเถียงกันเสียงดัง แต่ละคนนํ้าเสียงฮึกเหิมห้าวหาญ จ้อกแจ้กจอแจยิ่งกว่านกกระจอกนับร้อยตัว
ทันใดนั้นจักรพรรดิซวนพลันตบขอบเตียง เอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้ขุนนางทั้งหลายหุบปากลง “พวกเจ้าโวยวายอะไรกันอีก?! เจียหลัวประสบเหตุไม่คาดฝันไปแล้ว!”
เหล่าขุนนางตกตะลึง
คราวนี้พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาทแตกฮือแล้วมองหน้าพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่อย่างเลิ่กลั่กในที่สุดก็บื้อใบ้ไป
หรงเช่อย่อมเล่าเรื่องที่หรงเจียหลัวสิ้นชีพระหว่างทางเช่นที่รายงานต่อจักรพรรดิซวนออกมาอีกครั้งด้วยนํ้าเสียงแหบเครือ