บทที่ 368
พวกเจ้าตกใจมากหรือ?
“เช่นนั้นเป็นนางกับผู้ใด?” จักรพรรดิซวนเบิกตากว้าง
จู่ๆ ใจของกู้ซีจิ่วก็รู้สึกไม่ดี พริบตาต่อมาตี้ฝูอีก็ขว้างระเบิดออกมาจริงๆ “ข้าเอง!”
‘เพล้ง!’ ‘ตุ้บ!’ ‘โครม!’
เสียงจอกสุราและตะเกียบนับไม่ถ้วนหล่นลงพื้นเลี้ยงดังอย่างต่อเนื่อง คนทั้งหลายเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว ทุกคนตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อปานหุ่นไม้
จอกสุราในมือจักรพรรดิซวนก็ร่วงลงพื้นเช่นกัน “อะ…อะไรนะ”
สีหน้าหรงเจียหลัวพลันขาวซีด กำไลที่เพิ่งรับไว้แทบจะหล่นลงจากมือ
ในบรรดาคนที่อยู่ในงาน องค์ชายหรงเช่อนิสัยสุขุมที่สุด ก่อนหน้านี้เขาดื่มชาอยู่ตลอด แต่เมื่อได้ยินวาจาที่ตี้ฝูอีกล่าว เขาก็พ่นชาที่จิบออกมา สำลักไม่หยุด
อวิ๋นซิงหลัวกำตะเกียบงาช้างคู่หนึ่งไว้ ตะเกียบหักดังแกรกเป็นสองท่อน
ถึงอย่างไรกู้เซี่ยเทียนก็เป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญคนหนึ่ง ต่อให้ตกตะลึงก็ไม่ต่างกับฝูงชน เกี้าอี้ไม้จันทร์แดงใต้ร่างเขาพลันแตกกระจายเสียงดังโครม เขานั่งอนาถอยู่บนกองเศษไม้
องค์ชายหรงฉู่อ้าปากค้างจนเป็นวงกลม ริมฝีปากงดงามอ้าออ ด้วยความตกตะลึง กว้างจนยัดไข่เป็ดเข้าไปได้ทั้งฟอง!
ดูเหมือนตี้ฝูอีจะพอใจกับผลลัพธ์อันน่าตะลึงที่เกิดขึ้นจากวาจาของตนมาก เขากวาดตามองฝูงชนอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “พวก เจ้าตกใจมากหรือ?”
ฝูงชนตกใจไหมน่ะหรือ? มันเกินคำว่าตกใจไปแล้ว!
จักรพรรดิซวนฝืนทำใจกล้าเอ่ยถาม “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล้อเล่นอยู่กระมัง? นี่…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…”
“ข้าดูเหมือนล้อเล่นอยู่หรือ?” ตี้ฝูอีถามกลับ นํ้าเสียงเยียบเย็นลง
จักรพรรดิซวนมองกู้เซี่ยเทียน แล้วมองกู้ซีจิ่วต่อ กู้เซี่ยเทียนเพิ่งจะตะกายขึ้นมาได้ สีหน้าตกตะลึงถึงขั้นโง่งมไป ดูไม่คล้ายกำลังแสร้งทำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่อง
กู้ซีจิ่วก็น่าจะไม่รู้เรื่องเช่นกัน มิเช่นนั้นเมื่อครู่คงไม่กล่าวว่าจะออกเรือนกับหรงเจียหลัว…
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก ขออภัยที่เราต้องละลาบละล้วงถาม ท่านมีสัญญาหมั้นหมายกับจิ่วเอ๋อร์ตั้งแต่ยามใด? มีหลักฐานหรือไม่? ตกลงไว้กับผู้ใด?”
สายตานับไม่ถ้วนรวมอยู่ที่ร่างตี้ฝูอี เห็นได้ชัดว่ารอให้เขามอบคำตอบมา
ตี้ฝูอีจิบสุราอึกหนึ่ง กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “เดิมทีข้าไม่จำเป็นต้องแจ้งเรืองนี้ให้ผู้ใดทราบ แต่ในเมื่อฝ่าบาทเอ่ยถาม เช่นนั้นข้าก็จะเห็นแก่หน้าพระองค์..”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเล่าเรื่อง ‘สัญญาหมั้นหมาย’ ที่เคยเอ่ยกับกู้ซีจิ่วเมื่อตอนนั้นอีกรอบหนึ่งแบบย่อๆ
ฝูงชนที่ได้ฟังต่างอึ้งงัน กู้เซี่ยเทียนหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม เอ่ยพึมพำว่า “ที่แท้เป็นอาซิงตกลงกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไว้ แต่นางไม่เคย…ไม่เคยบอกกับข้าเลย”
มุมปากตี้ฝูอียกขึ้นนิดๆ “เจ้าเคยให้โอกาสนางพูดหรือ?”
กู้เซี่ยเทียนไม่เอ่ยอันใด ทว่าขมับกลับมีหยาดเหงื่อผุดพราย
หลังจากหลัวซิงหลานให้กำเนิดบุตรสาวก็ไม่เคยพูดกับเขาอีก ทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า นางไม่พูดกับเขาอีกเลยจนถึงยามที่นางจะกระโดดหน้าผา! ไม่มีแม้แต่คำด่าทอสักคำ…
ตี้ฝูอีพลันพลิกข้อมือ กำไลสีดำขลับวงหนึ่งปรากฎขึ้นมากลางฝ่ามือ “แม่ทัพกู้จำสิ่งนี้ได้หรือไม่?”
กู้เซี่ยเทียนมีอาการตกตะลึง “นี่มัน…กำไลหทัยกาฬ?!”
เขาก้าวออกไปทันที ดูเหมือนอยากนำกำไลวงนั้นมาตรวจดู แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “ให้ท่านพิสูจน์ด้วยตัวเองสักนิดก็ได้”
เขาว่าพลางโยนกำไลวงนั้นให้กู้เซี่ยเทียน
เมื่อกู้เซี่ยเทียนกุมไว้ในมือก็รับรู้ได้ว่านี่เป็นของจริง! เป็นกำไลหทัยกาฬ!
กำไลข้อมือวงนั้นให้สัมผัสที่เยียบเย็น กุมไว้ในมือแล้วเหมือนกุมปลายนิ้วเย็นเยือกของโฉมงามอยู่
กู้เซี่ยเทียนสีหน้าขาวซีด กุมกำไลวงนั้นไว้แล้วเหม่อลอยไปชั่วขณะ
“แม่ทัพกู้ ใช่ของจริงหรือไม่?” ตี้ฝูอีซักถาม
…………………..
[1]หยกสกุลเหอ เป็นหยกลํ้าค่าของจีน ได้รับการขนามนามว่าหยกแห่งราชัน เพราะในสมัยโบราณหยกสกุลเหอถูกนำมาสลักเป็นตราราชลัญจกร