บทที่ 359
วันนี้ท่านเป็นตัวเอก
อวิ๋นซิงหลัวตะลึงงัน เหมือนคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามออกมาเช่นนี้ “คือว่า…”
“ฝ่าบาท โปรดเตรียมอีกโต๊ะให้อวิ๋นชิงหลัวด้วยเถิด” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้น
จักรพรรดิซวนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ได้! แม่นางอวิ๋นเป็นแขกจากแดนไกล ควรนั่งในตำแหน่งที่ทรงเกียรติ” จากนั้นรีบสั่งการคนให้เตรียมโต๊ะเพิ่มอีกตัว จัดไว้ด้านขวาของตน แล้ว เชิญอวิ๋นซิงหลัวนั่งลง
ด้วยเหตุนี้ อวิ๋นซิงหลัวและตี้ฝูอีผู้หนึ่งอยู่ซ้ายอีกผู้หนึ่งอยู่ขวา แยกจากกันโดยสิ้นเชิง
อวิ๋นซิงหลัวไม่เอ่ยอันใด นั่งลงบนตำแหน่งของตนอย่างเรียบร้อย
จักรพรรดิซวนรีบส่งคนไปยกสุราอาหารมาอีก 2 ชุด สุราอาหาร 2 ชุดนี้ย่อมประณีตบรรจงเป็นที่สุด และเริ่มงานเลี้ยงอีกครั้ง
หลังจากดื่มสุราไปมากมาย นัยน์ตางดงามของอวิ๋นซิงหลัวก็กวาดมองไปทั่วงานเลี้ยง สายตานางเสมือนวารี ผู้ที่ถูกนางกวาดมองราวกับถูกแช่ในธารใส หนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ความจริงแล้วทุกคนไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ในการมาเยือนของอวิ๋นซิงหลัวผู้นี้
หลังจากนางถูกทดสอบพบว่าเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน ส่วนใหญ่ก็จะปิดประตูไม่รับแขก ไม่พบปะคนนอกมากเกินไป และไม่เข้าร่วมงานใดๆ ในอาณาจักรเฟยซิงเลย
หรือเป็นเพราะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย? ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมานางเลยตามมาด้วยสินะ?
ฝูงชนคาดเดาอยู่ในใจ
“ท่านใดคือแม่นางกู้หรือ?” นางยิ้มนัดๆ พลางเอ่ยถาม
กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้น “สตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นภามหาซีจิ่วกระมัง?”
อวิ๋นซิงหลัวเพ่งพินิจกู้ซีจิ่วตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่ง กล่าวอย่างอ่อนหวานว่า “ที่แท้ท่านก็คือแม่นางกู้ซีจิ่ว จริยาดั่งดอกกล้วยไม้ ปราดเปรื่องงดงาม ซิหลัวได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบหน้า เป็นเกียรติอย่างยิ่งๆ ซิงหลัวขอคารวะก่อนหนึ่งจอก”
นางพูดจามีมารยาท วาจาฉะฉาน มือขาวผ่องหยิบจอกสุราขึ้นมา ชูไปทางกู้ซีจิ่วแล้วเงยหน้าดื่ม
กู้ซีจิ่วเป็นผู้ที่ถ้าเจ้าเคารพข้าหนึ่งฉื่อ ข้าก็จะเคารพหนึ่งจั้ง[1] มาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงสุภาพมาก “ชมเกินไปแล้ว ซีจิ่วก็ได้ยินชื่อเสียงของสตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นมานาน ได้พบกันวันนี้ช่างสมกับชื่อเสียงที่ร่ำลือนัก” เธอหยิบจอกสุราขึ้นมาแล้วดื่มรวดเดียวหมด
“แม่นางกู้ช่างตรงไปตรงมาโดยแท้!” อวิ๋นซิงหลัวยิ้มน้อยๆ “วันนี้ท่านเป็นตัวเอก ซิงหลัวขอคารวะท่านอีกจอก” นางหยิบจอกสุราขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
การคารวะสุราต้องคารวะทั้งสองฝ่าย ดูเหมือนอวิ๋นซิงหลัวผู้นี้จะเพียบพร้อมมารยาทยิ่ง ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงดื่มอีกครั้ง
งานเลี้ยงครานี้ยิ่งใหญ่จักรพรรดิซวนย่อมสั่งให้คนจัดเตรียมสุราที่ดีที่สุด
เนื่องจากในงานมีสตรีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเลยย่อมมีสุราหวานที่เตรียมไว้สำหรับสตรีโดยเฉพาะ สุราชนิดนี้มีดีกรีต่ำ ดื่มแล้วเหมือนดื่มน้ำหวานเท่านั้น
สำหรับกู้ซีจิ่วที่เป็นคอสุราแล้ว สุรานี้ก็เหมือนกับเบียร์ธรรมดา ดื่มจนหมดไหก็ไม่แน่ว่าจะเมา
เนื่องจากเธอเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ซ้ำเธอยังเป็นตัวเอก ดังนั้นผู้ที่มาคารวะสุราเธอจึงมีไม่น้อย เธอดื่มไปสิบกว่าจอกแล้ว ยามนี้ดื่มเพิ่มอีกสองจอกก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
องค์รัชทายาทหรงเจียขมวดคิ้วนิดๆ ส่งกระแสเสียงเข้ามา ‘ซีจิ่ว เจ้ายังต้องเข้าสู่ป่าทมิฟันะ ดื่มให้น้อยหน่อยเถิด’
องค์ชายหรงเช่อที่นั่งร่วมโต๊ะกันเลื่อนโจ๊กน้ำผึ้งชามหนึ่งมาให้เธออย่างเงียบเชียบ “ใช้สิ่งนี้สะกดไว้สิ”
องค์ชายหรงเช่อไม่บริการใครง่ายๆ ต่อให้เป็นจักรพรรดิซวนพระบิดาของเขาก็ยังไม่ได้รับการปรนนิบัติจากเขาสักครั้ง
เจ้าลูกคนนี้กล่าวไว้ว่าข้างกายเสด็จพ่อมีคนคอยรับใช้มากมาย เหตุใดลูกชายผู้มือไม้งุ่มง่ามเช่นเขาลงมือด้วยเล่า?
บัดนี้จักรพรรดิซวนมองเห็นแววตาที่ค่อนข้างประหลาดขององค์ชายหรงเช่อ ถึงเขาจะนิ่งเงียบอยู่ตลอด แต่สายตานั้นเฉียบคมยิ่งนัก เห็นกับตาว่าหรงเช่อคีบอาหารให้กู้ซีจิ่ว 3 ครั้ง รินสุราให้ 2 ครั้ง ทั้งที่นางกำนัลซึ่งรับหน้าที่รินสุราก็ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา!
หรือว่าเจ้าแปดจะสนใจนาง?
หูตาของจักรพรรดิซวนกระจายอยู่ทั่วเมืองหลวง ดังนั้นจึงทราบว่า ครึ่งปีมานี้กู้ซีจิ่วค่อนข้างไปมาหาสู่กับองค์ข่ายหรงเช่อและองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอย่างสนิทสนม
เขามองดูกู้ซีจิ่ว ดวงตาฉายแววใคร่ครวญแวบหนึ่ง
ทุกคนในงานเลี้ยงล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่อย่างไรการที่ผู้คนมารวมตัวสังสรรค์ก็ทำให้ครึกครื้นอย่างยิ่ง