บทที่ 358
หมายปองผู้หนึ่ง ชมชอบอีกผู้หนึ่ง
‘ดังนั้นเขาจึงหมายปองผู้หนึ่ง ชมชอบอีกผู้หนึ่งใช่ไหม?’ หยกนภา คล้อยตาม
‘เจ้านี่ฉลาดไม่เบา!’ กู้ซีจิ่วชมมัน
‘เช่นนั้นระหว่างเขากับอวิ๋นซิงหลัวเป็นการตบตาคนหรือ? เพื่อปกปิดรสนิยมที่แท้จริงของเขา?’
‘น่าจะเป็นเช่นนั้น’
‘เขาช่างเลวทรามจริงๆ! แบบนั้นเท่ากับเขาทำร้ายบุตรสาวผู้อื่นมิใช่รึ?’
กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น ‘เรื่องแบบนี้ในยุคนั้นของพวกเราก็พบเห็นกันอยู่เป็นประจำ ‘เกย์’ มากมายแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตรเพื่อตบตาคนภายนอก ภรรยาของพวกเขายังมีชื่อเรียกโดยเฉพาะว่าภรรยาเกย์ น่าอนาถเหลือเกิน’
นํ้าเสียงยามที่หยกนภามองอวิ๋นซิงหลัวอีกครั้งก็เปลี่ยนไปแล้ว ‘อวิ๋นซิงหลัวผู้น่าสงสาร คราวนี้ต้องกลายเป็นภรรยาเกย์ อ้อใช่ ภรรยาเกย์อนาถอย่างไรหรือ?’
‘เรื่องนี้…ค่อนข้างไม่เหมาะสำหรับเด็ก…’
‘ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว! ข้าแก่กว่าท่านเยอะ! ท่านลองพูดมาก่อน’
‘เกย์ชมชอบบุรุษ ผู้ที่หมายปองก็คือบุรุษ เขาแต่งภรรยาเพียงเพื่อตบตาผู้คนหรือผลิตทายาท ดังนั้นจึงแทบจะ…ไม่มีสัมพันธ์แนบชิดกับภรรยาเลย ภรรยาของพวกเขาจึงไม่ต่างอะไรกับหญิงม่าย ถึงขั้นว่าภรรยาบางคนแต่งกับเกย์ตั้งหลายปีก็ยังคงบริสุทธิ์อยู่…ที่น่าอนาถที่สุดคือภรรยาเหล่านี้ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าสามีตัวเองเป็นเกย์ แต่งให้เขาด้วยจิตใจที่มีความหวังเปี่ยมล้น หลังพบเรื่องทำร้ายจิตใจจากการหมางเมินเย็นชา แต่เพื่อหน้าตาในสังคมหรือเพื่อลูก โดยทั่วไปจึงตัดใจแยกทางไม่ได้ สุดท้ายต่อให้แยกทางกันแล้วไปแต่งงานใหม่…วันคืนส่วนใหญ่ของพวกเธอก็ล้วนอยู่ไม่สู้ตาย…’
‘เกย์ที่ตบแต่งภรรยาเหล่านี้ช่างเลวทรามจริงๆ!’ หยกนภาแค้นเคืองต่อความอยุติธรรม
‘เลวทรามจริงๆ นั่นแหละ ทำลายชั่วชีวิตของภรรยาเพราะความเห็นแก่ตัว’
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…” เสียงของจักรพรรดิซวนราวกับเสียงวิเศษที่ทะลุเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ตี้ฝูอีที่ค่อนข้างเหม่อลอยสะดุ้งและได้สติคืนมา
“มีอันใด?”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการโต๊ะเดี่ยวหรือโต๊ะสำหรับสองคน?” จักรพรรดิซวนถามอีกรอบ
แต่ก่อนเมื่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาถึงล้วนต้องจัดที่นั่งแยกต่างหาก แต่หนนี้เขามากับอวิ๋นซิงหลัว บางทีพวกเขาน่าจะร่วมโต๊ะกันกระมัง?
จักรพรรดิซวนรู้สึกว่าถามดูก่อนจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า เมื่อครู่เขาถามไปแล้วรอบหนึ่ง อวิ๋นซิงหลัวผู้นั้นก็ว่าง่ายยิ่งนัก “ข้า แล้วแต่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย”
ดังนั้นจักรพรรดิซวนจึงรอคำตอบจากตี้ฝูอีอีกครั้ง ผลคือเหมือนว่าเขาจะเหม่อลอยอยู่…
ตี้ฝูอีเหมือนจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จึงหลุดปากเอ่ยว่า “โต๊ะสำหรับสองคนแล้วกัน”
นัยน์ตาของอวิ๋นซิงหลัวทอประกายแวบหนึ่ง!
สายตาริษยาของเหล่าหญิงสาวจดจ้องอวิ๋นซิงหลัวเขม็ง
ต้องทราบก่อนว่า ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้มีนิสัยเฉพาะตัว ไม่เคยร่วมโต๊ะกับผู้ใด ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะทำลายกฎเกณฑ์เสียแล้ว…
เดิมทีประชาชนในเมืองหลวงก็แอบเล่าลือถึงความสัมพันธ์คลุมเครือของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับนางอยู่แล้ว ตอนนี้เหมือนจะเป็นที่ประจักษ์ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายปฏิบัติต่ออวิ๋นซิงหลัวต่างจากผู้อื่น!
แม่นางอวิ๋นซิงหลัวผู้นี้ช่างวาสนาดีจริงๆ! ได้รับความใส่ใจจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถึงเพียงนี้…
จักรพรรดิซวนกลับขมวดคิ้วนิดๆ หรือว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง?!
หากโอรสของเขาตบแต่งอวิ๋นซิงหลัวได้ เช่นนั้นอาณาจักรเฟยซิงก็มีอัจฉริยะเพิ่มขึ้นมาอีกคน เป็นสุขกันถ้วนหน้า
แต่ถ้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสนใจอวิ๋นซิงหลัว เมื่อสองคนนี้กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน เกรงว่าใจของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะเอนเอียงไปทางอาณาจักรเฮ่าเยวี่ย นั่นไม่ใช่เรื่องดีต่ออาณาจักรเฟยซิงโดยแท้
แต่คำสั่งของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต่อให้เป็นจักรพรรดิซวนก็ไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสั่งการให้คนไปเตรียมโต๊ะเมฆาขาวให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและอวิ๋นซิงหลัวด้วยตัวเอง แล้วเชื้อเชิญทั้ง สองนั่งลง
ตี้ฝูอีเลิกเสื้อคลุมแล้วนั่งลง อวิ๋นซิงหลัวรอให้เขานั่งลงไปก่อนถึงค่อยๆ ก้าวเข้าไป กำลังจะนั่งลงบนตำแหน่งข้างกายเขา
“เจ้านั่งตรงไหน?” จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ถามนางขึ้นมา
อวิ๋นซิงหลัวตะลึงงัน เหมือนคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามออกมาเช่นนี้ “คือว่า…”