บทที่ 1037 ปวดใจแทนเขาหรือไง?
กู้ซีจิ่วเลื่อมใสทักษะการแสดงของหรงเช่อเหลือเกิน เป็นจักรพรรดิจอเงินโดยแท้ ระหว่างที่บอกเล่าเขาร้องไห้ออกมาจริงๆ ราวกับฝืนทำเป็นสงบเยือกเย็นทว่าหลุดสะอื้นอยู่หลายครั้ง หยาดนํ้าตาไหลลงมาจากหางตาเขาด้วย ผู้ใดได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาล้วนรู้สึกว่าเขากับหรงเจียหลัวช่างเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันลึกซึ้ง ไม่มีทางคาดคิดว่าเขาคือฆาตกรที่วางแผนสังหารหรงเจียหลัว…
หากกู้ซีจิ่วไม่ทราบความจริงอยู่ก่อนแล้ว ได้ฟังบันทึกเสียงนั้นเกรงว่าคงไม่เชื่อเช่นกันว่าหรงเช่อจะเป็นคนร้ายตัวจริงของเรื่องทั้งหมดนี้
องค์ชายทั้งสองที่มีความเป็นไปได้สูงสุดว่าจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ล้วนตายไปแล้ว และจักรพรรดิซวนก็เป็นเปลวเทียนกลางสายลม ท่าทางพร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ พอเหล่าขุนนางหายจากอาการตกตะลึง ก็เริ่มถกเถียงเรื่องตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์กันจนหน้าดำหน้าแดงอีกครั้ง
หรงเช่ออยู่ฝั่งองค์รัชทายาทมาโดยตลอด พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาทเหล่านั้นย่อมอยากให้หรงเช่อได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ และผู้ที่อยู่ฝ่ายหรงฉู่คิดจะผลักดันก็คือหรงฮ่วน เพื่อเลี่ยงไม่ให้หรงเช่อขึ้น ครองราชย์แล้วมาโจมตีล้างแค้นพวกเขา
ตามที่ฝ่ายหรงฉู่กล่าวว่ามาคือ ถือแม้องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวจะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ก็ไม่อาจขจัดข้อสงสัยที่ว่าเขาส่งคนมาลอบสังหารองค์ชายหรงฉู่ได้ และหรงเช่อก็อยู่กับหรงเจียหลัวเสมอ ยากจะกล่าวได้ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็น ดังนั้นไม่เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์…
ขุนนางทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอย่างฮึกเหิม แต่ละคนพูดจนนํ้าลายกระเด็นเป็นฝอย แทบจะจิกทึ้งแขนเสื้อกัน
อย่าว่าแต่จักรพรรดิซวนที่อยู่ด้านในเลย กู้ซีจิ่วเองก็รู้สึกว่าถูกเสียงโวยวายของคนเหล่านี้ทำเอาสมองปวดระบมไปหมดแล้ว หันไปถามตี้ฝูอี “คนของท่านจะลงมือเมื่อไหร่?”
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ “ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด! ต้องทำให้องค์ชายแปดผู้นี้ปรีดาสักหน่อยก่อน เมื่อคนปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขาแล้วยามตกลงมาจะเจ็บปวดที่สุด”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร
“ทำไม? เจ้ายังนับเขาเป็นสหายอยู่หรือ? ปวดใจแทนเขาหรือไง?”
“ไม่ใช่!” กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ในเมื่อเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหรงเช่อชัดแจ้งแล้ว เธอย่อมไม่เข้าข้างเขาอีกต่อไป “แค่รู้สึกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านช่างมีงานอดิเรกที่ชั่วร้ายเสียจริง!”
เจ้าคนผู้นี้เล่นงานจิตใจของผู้อื่นได้ดีเหลือเกิน พอล้างแค้นเอาคืนคนขึ้นมาจะทุ่มเทสุดกำลัง โชคดีที่เขาเป็นคู่หมั้นของเธอไม่ใช่ศัตรู หาไม่แล้วพบเจอศัตรูที่วิปริตถึงเพียงนี้ คาดว่าชีวิตเธอคงสั้นลงหลายปี
กู้ซีจิ่วอดทนดูไปอีกสักพัก พลันรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “จักรพรรดิซวนถูกหรงเช่อควบคุมไว้แล้วมิใช่หรือ? ยามนี้เขาสมควรจะประกาศเรื่องแต่งตั้งหรงเช่อเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ได้แล้วกระมัง?”
มุมปากตี้ฝูอียกขึ้นแวบหนึ่ง “บางทีเขาคงรอเวลาที่เหมาะสมที่สุดอยู่เหมือนกันล่ะมั้ง?”
กู้ซีจิ่วแสดงออกว่าไม่เข้าใจ ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “หรงเช่อชอบเล่นละครให้ครบเครื่อง เขาอยากดูว่าเหล่าขุนนางในที่นี้มีใช้การได้มากน้อยเพียงใด แล้วมีกี่คนที่จะต้องกำจัดทิ้ง…”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
อย่างไรเสียเรื่องราชวงศ์เหล่านี้กู้ซีจิ่วก็พบเห็นมาน้อย ดังนั้นเธอยังคงไม่ค่อยเข้าใจนักอยู่ดี
ตี้ฝูอีจึงอธิบายกลอุบายและวิธีการยามที่ผู้ปกครองเล่นเกมการเมืองกับเหล่าขุนนางให้เธอฟัง…
กู้ซีจิ่วเป็นนักฆ่ามือฉมังไร้คนเทียบเคียงได้ แต่ในศาสตร์การต้านทานคนเช่นนี้ของผู้ปกครองเนื่องจากเธอพบเห็นมาน้อยไป ประสบการณ์ไม่มาก ยามนี้เมื่อได้ฟังตี้ฝูอีที่อยู่ข้างๆ เอ่ยอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนได้ออกจากกะลายิ่งนัก
ในขณะที่ชื่นชมนัก เธอก็ค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง ระยะนี้เจ้าคนผู้นี้ชอบถ่ายทอดความรู้สารพัดอย่างให้เธอเหลือเกิน นี่เห็นเธอเป็นศิษย์ไปแล้วจริงๆ จึงถ่ายทอดให้กระมัง?
เธอกับเขาคุยกันไปพลางมองเหตุการณ์ด้านในไปพลาง
เมื่อเวลาพอสมควรแล้ว จักรพรรดิซวนก็เปิดปากเอ่ยขึ้นมาจริง ๆ “เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เดิมทีผู้สืบทอดราชบัลลังก์คือองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว ยามนี้เขาเป็นตายไม่ทราบชัด มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่จะสิ้นชีพจากเหตุไม่คาดฝันไปแล้ว และเช่อเอ๋อร์ก็อยู่ข้างกายเจียหลัวมาโดยตลอด ปราดเปรื่องหลักแหลม และมีผลงานด้านการรบ เราตัดสินใจแล้ว หากเจียหลัวสิ้นชีพไปแล้วจริงๆ ก็จะแต่งตั้งให้เช่อเอ๋อร์เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ หลังจากเราสู่สวรรคาลัย เขาจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ…”