บทที่ 1038 เจ้าแปด เลิกเล่นละครได้แล้ว!
เขาเอ่ยวาจานี้ออกมาต่อหน้าเหล่าขุนนาง ด้านข้างมีขันทีจดบันทึกถ้อยคำนี้ของเขาให้เป็นราชโองการ
คิ้วของหรงเช่อขมวดเล็กน้อยแวบหนึ่ง ราชโองการนี้ต่างจากที่เขาคาดไว้นิดหน่อย แต่ก็นึกถึงการทำงานของกู่บงการคนชนิดนี้อยู่เงียบๆ คนที่ถูกควบคุมจะยังมีความคิดจิตใจเป็นของตัวเองยิ่งนัก บางครั้งก็มีช่วงเวลาที่ควบคุมไว้ไม่ได้เช่นกัน เขาจึงคลายใจ
โชคดีที่ราชโองการนี้ยังคงเป็นประโยชน์ต่อเขายิ่งนัก แถมบนราชโองการก็ประทับตราลัญจกรหยกต่อหน้าเหล่าขุนนางอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าราชโองการนี้ลุล่วงอย่างเป็นทางการแล้วเขาจึงโล่งอก
เหล่าขุนนางพากันเอ่ยยินดีกับเขา
หรงเช่อแสดงสีหน้าถ่อมตน ทว่าหางคิ้วและแววตากลับมีความภาคภูมิสมหวังอย่างมิอาจปิดบังได้ เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว รู้สึกว่าควรส่งจักรพรรดิซวนออกเดินทางสู่ปรโลกโดยเร็ว…
ดังนั้นนิ้วมือเขาที่อยู่ภายในแขนเสื้อ จึงเริ่มทำมุทรากระตุ้นกู่ให้ออกฤทธิ์อย่างเงียบเชียบ…
หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย หลังจากกู่ออกฤทธิ์จักรพรรดิซวนจะกระอักโลหิตจนสิ้นชีพภายในหนึ่งเค่อ และเมื่อจักรพรรดิซวนตาย กู่นี้จะถูกโลหิตในร่างเขาหลอมละลายทันที ต่อให้เป็นหมอหลวงที่เก่งกาจที่สุดก็ตรวจไม่พบสาเหตุนี้ จะนึกเพียงว่าจักรพรรดิซวนสิ้นอายุขัยไปตามปกติ…
การเคลื่อนไหวของเขาเล็กน้อยยิ่ง ขุนนางในที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมไม่สังเกตเห็น แต่กลับไม่รอดพ้นสายตาคนนอกอย่างตี้ฝูอี เขายิ้มบางๆ แวบหนึ่ง หยิบป้ายหยกอีกอันออกมาติดต่อมู่เฟิง “ลงมือได้!”
ภายในตำหนักเหล่าขุนนางบ้างก็แซ่ซ้องยินดีกับหรงเช่อ บ้างก็หารือกิจธุระที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งผู้สืบราชบัลลังก์
หรงเช่อไม่ได้พูดอะไรนัก เพียงยิ้มหยันอยู่ในใจ ความจริงแล้วเขาสามารถข้ามพิธีการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์นี้ไปได้เลย เนื่องจากอีกหนึ่งเค่อให้หลังจักรพรรดิซวนก็จะสวรรคตแล้ว เมื่อถึงยามนั้นพวกเขาน่าจะต้องหารือกันเรื่องกิจธุระการสถาปนาจักรพรรดิองค์ใหม่กับเรื่องพิธีศพของจักรพรรดิซวน…
ขณะที่เขากำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ทันใดนั้นนอกตำหนักก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
หรงเช่อขมวดคิ้วแวบหนึ่ง กำลังจะส่งคนออกไปดู เสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามาแล้ว “องค์รัชทายาทเสด็จ! เทวทูตทั้งสี่มาเยือน!”
สีหน้าหรงเช่อแปรเปลี่ยนในทันใด ข้าราชบริพารที่เดิมทีกำลังหารือกันอย่างคึกคักก็ทึ่มทื่อไปแล้วเช่นกัน!
จักรพรรดิซวนก็แทบจะหล่นลงจากเตียง!
อะไรนะ?!
เสียงพูดเพิ่งขาดคำ หรงเจียหลัวรวมถึงเทวทูตทั้งสี่ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สาวเท้าก้าวเข้ามาแล้ว
เห็นได้ชัดว่าหรงเจียหลัวหายดีแล้ว ถึงแม้สีหน้าจะยังซีดเซียวอยู่บ้าง แต่จังหวะก้าวเดินก็มีพลัง จะไม่มีปัญหาร้ายแรงแล้ว
เทวทูตทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นโดยสวมหน้ากากไว้เช่นกาลก่อน อาภรณ์ที่สวมใส่ก็เป็นชุดพิธีการยามพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าปวงชนโดยเฉพาะ
เมื่อห้าคนนี้เดินเข้ามา ทุกคนในตำหนักล้วนตกตะลึง!
หรงเช่อถอยหลังไปตามสัญชาตญาณทันที!
เขาเฉลียวฉลาดเป็นที่สุด เมื่อเห็นสี่ทูตและหรงเจียหลัวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ก็ทราบสถานการณ์โดยรวมแล้ว
มิน่าเล่าถึงหาหรงเจียหลัวไม่พบ ที่แท้ก็เป็นคนของเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สอดมือเข้ามา!
สี่ทูตฐานะสูงศักดิ์ ไม่ว่าไปที่ไหน นอกเหนือจากกษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรแล้ว ที่เหลือล้วนต้องทำความเคารพพวกเขา
ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้จึงคุกเข่าคารวะพวกเขาทันที แม้แต่หรงเช่อก็ไม่เว้น
เขาก็เป็นคนจริงคนหนึ่ง ในสถานการณ์เช่นนี้ถึงแม้จะทราบว่าเรื่องราวเลวร้ายแล้ว แต่ก็คิดจะสู้ดูอีกสักตั้ง ใบหน้าเขาปรากฏความยินดีปรีดา “เสด็จพี่ ที่แท้พระองค์ก็ไม่ได้สิ้นชีพจากเหตุไม่คาดฝัน! นี่ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!”
พลางก้าวไปด้านหน้าราวกับคิดจะสวมกอดหรงเจียหลัวด้วยความยินดียิ่งนัก แต่เขายังไม่ทันได้กางแขนออกก็ถูกวาจาของหรงเจียหลัวสะกดไว้ “เจ้าแปด เลิกเล่นละครได้แล้ว!”
หรงเช่อแสร้งทำไขสือ “เสด็จพี่ พระองค์กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หลังจากเสด็จพี่เคราะห์ร้ายพลัดหล่นไป น้องกับจิ้งจอกดำแทบจะพลิกป่าดงดิบผืนนั้นเพื่อตามหา ค้นหากันทั้งวัน…หากพระองค์ไม่เชื่อจิ้งจอกดำองครักษ์ของพระองค์สามารถเป็นพยานได้”
เมื่อจิ้งจอกดำเห็นเจ้านายของตนก็ทึ่มทื่อไปนาน ยามนี้ถึงได้สติกลับมา