Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1039

บทที่ 1039 ชั่วช้าเกินไปแล้ว

เมื่อจิ้งจอกดำเห็นเจ้านายของตนก็ทึ่มทื่อไปนาน ยามนี้ถึงได้สติกลับมา เมื่อได้ยินหรงเช่อเอ่ยเช่นนี้เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “องค์รัชทายาท องค์ชายแปดและกระหม่อมพยายามตามหาพระองค์อย่างสุดชีวิตจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ…”

หรงเจียหลัวไม่แยแสหรงเช่ออีก ทำความเคาพรจักรพรรดิซวนก่อน ธารนํ้าตาของจักรพรรดิซวนหลั่งริน กวักมือให้เขาเข้าไปใกล้ๆ โอรสที่เกือบพลัด พรากหายไปผู้นี้หวนกลับมา เขาย่อมยินดีเป็นล้นพ้น เอ่ยออกมาไม่ขาดปาก “กลับมาก็ดีแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว! เรารู้ว่าเจ้าเป็นคนดีย่อมมีสวรรค์คอยคุ้มครอง ได้รับการปกปักษ์จากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…ที่แท้เจ้ารอดพ้นจากอันตรายมาได้อย่างไร?”

“ลูกโชคดี ได้ท่านทูตทั้งสี่ช่วยเหลือไว้ เสด็จพ่อประเดี๋ยวลูกจะอธิบายกับพระองค์อีกทีนะพ่ะย่ะค่ะ”

ยามนี้ปฏิกิริยาตอบสนองของพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่กลับมาแล้ว พวกเขารีบนึกถึงการตายของหรงฉู่ขึ้นมาอีกครั้ง พากันก้าวเข้ามาขอคำอธิบายจากหรงเจียหลัว เสียงดังเซ็งแซ่วุ่นวายอย่างยิ่ง

หรงเจียหลัวก็ไม่พูดอะไร รอให้ฝ่ายหรงฉู่พากันพูดให้จบ เขาถึงยกมือขึ้น “เปิ่นกงย่อมให้คำอธิบายแก่พวกท่าน จะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังเด็ดขาด! ทุกท่านเชื่อฟังคำของเปิ่นกงเถิด ไปยืนอยู่ที่สี่มุมตำหนักก่อน เปิดพื้นที่สักหน่อย เปิ่นกงจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าแปดให้ดีเสียก่อน!”

นี่คือพี่น้องจะต่อสู้กันงั้นหรือ?

เหล่าขุนนางต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า บ้างก็ตัดสินใจจะรอดูก่อนค่อยว่ากัน บ้างก็คิดจะไกล่เกลี่ย ถึงอย่างไรวรยุทธ์ของพี่น้องคู่นี้ล้วนไม่ต่ำต้อยเลย หากสู้กันขึ้นมาจะต้องอึกทึกครึกโครมเป็นแน่ อาจทำให้ตำหนักบรรทมแห่งนี้ถล่มได้!

แต่เพิ่งอ้าปากหมายจะไกล่เกลี่ย ก็ถูกทูตส่างซั่นระงับไว้ “ทุกท่าน หากไม่หวั่นเกรงความตายก็ยืนอยู่ตรงกลางต่อเถิด!”

เหล่าขุนนางเงียบงัน เกิดเสียงดังพรึ่บพั่บ เหล่าขุนนางเหมือนวิหคแตกรัง ล้วนหลบไปอยู่ห่างๆ

แววตาหรงเช่อวูบไหวเล็กน้อย ยิ้มขื่นๆ เอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพี่ พระองค์เข้าใจผู้น้องผิดไปไม่น้อย หากพระองค์ขุ่นเคืองที่ผู้น้องอารักขาพระองค์ไม่รอบคอบ ผู้น้องยินดีรับโทษตามแต่เสด็จพี่จะลงทัณฑ์”

หรงเจียหลัวตัดบทเขา “หรงเช่อ เจ้าคงจะนึกไม่ถึงกระมังว่าสิ่งเหล่านั้นที่เจ้าพูดในรถม้าเมื่อวานนี้เปิ่นกงใช้ยันต์บันทึกเสียงบันทึกไว้หมดแล้ว?”

ยันต์สีม่วงอ่อนแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขา พลังวิญญาณถ่ายเทเข้าไป แผ่นยันต์เปล่งแสงวาบ บทสนทนาของทั้งสองแว่วออกมาจากยันต์

หรงเช่อตกตะลึง

เสียงที่บันทึกชัดเจนยิ่งนัก ผู้คนทั้งตําหนักล้วนได้ยิน

ความลับที่พัวพันอยู่ด้านในน่าตกตะลึงมากเหลือเกิน ขุนนางทั้งหลายฟังจนแทบจะทึ่มทื่อไปหมดแล้ว!

ในที่สุดใบหน้าหล่อเหลาของหรงเช่อก็ฉายแววประหลาดใจ อย่างไรเสียช่วงที่หรงเจียหลัวป่วย หรงเช่อก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขาตลอด สิ่งของจำพวกยันต์บันทึกเสียงอันใดที่อยู่บนร่างเขาล้วนถูกกำจัดทิ้งไปนานแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเหลืออยู่อีกแผ่น!

แถมดูจากลักษณะของยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้แล้วเป็นยันต์ระดับสูง ยันต์บันทึกเสียงระดับสูงเช่นนั้นก็มีเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มี เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นคนของเทพศักดิสิทธิ์ที่ติดตั้งยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้ไว้บนร่างของหรงเจียหลัว…

ทูตส่างซั่นก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “หรงเช่อ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สงสัยเจ้ามานานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนมาจับตามองเจ้าอยู่ตลอด เจ้าวางแผนปองร้ายองค์รัชทายาทได้แยบบยลนัก หารู้ไม่ว่าพวกเราแฝงกายติดตามเจ้าอยู่ ย่อมให้ความช่วยเขาได้ทันท่วงที…”

มียันต์บันทึกเสียง ซํ้ายังมีสี่ทูตเป็นพยาน ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดจึงกระจ่างแล้ว

แผนร้ายทั้งหมดของหรงเช่อถูกเปิดโปงแล้ว ฐานะก็เปิดเผยแล้วเช่นกัน เขาวางกลอุบายมากมายอย่างกระเหี้ยนกระหือรือมานานหลายปี ทว่ายามที่ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้วทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า!

การพลาดท่าเช่นนี้สามารถทำคนธรรมดาสิ้นหวังจนคลุ้มคลั่งได้เลย!

“เจ้าเป็นใคร?”

“ที่แท้เจ้าคือผู้ใดกันแน่?”

“ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่ใช่องค์ชายแปดตัวจริง! และไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนอันใดที่มาสิงร่าง! สวรรค์ น่ากลัวเหลือเกิน!”

“เป็นเขาที่ส่งคนมาลอบสังหารองค์ชายหรงฉู่ ซ้ำยังป้ายความผิดให้องค์รัชทายาทอีก! ชั่วช้าเกินไปแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version