Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1131

บทที่ 1131 ยิ่งนอนยิ่งง่วง

ตอนนี้ในเมื่อทั้งสองคนนี้เป็นกู่ฉานโม่กับเทียนจี้เยวี่ยปลอมตัวมา บาดแผลของมู่อวิ๋นกับมู่เหล่ยก็ต้องเป็นของปลอมเช่นกัน!

บัดซบ!

ที่แท้กลอุบายตลบหลังของตี้ฝูอีอยู่ตรงนี้นี่เอง!

คนของเขาแทรกซึมอยู่ภายในวังของตน อีกทั้งยังเปิดเผยตัวตนแล้ว ส่วนพวกที่ยังไม่เปิดเผยตัวตนนั้น ไม่รู้มีมากน้อยเพียงใด คนเหล่านั้นต้องปะปนอยู่ท่ามกลางคนที่โม่เจ้าพาออกมาร้อยกว่าคนอย่างแน่นอน…

ที่แท้คราวนี้เขาพ่ายแพ้ยับเยินแล้ว!

น่าขันที่เขายังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า

“ท่านเจ้า พวกเราแลกเปลี่ยนเลยไหมขอรับ?” บนรถม้าทั้งสาม มีแค่โม่เจ้ากับสารถีของเขาเพียงสองคนที่เหลืออยู่ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับมีตั้งห้าหกคน และล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอด

สารถีถอยกลับไปข้างกายเขา ดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

โม่เจ้าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เงยหน้ามองตี้ฝูอีแล้วพลันยิ้ม “หากข้าไม่แลกเปลี่ยนเล่า?”

ทันใดนั้นนิ้วมือของเขาปรากฏเล็บมือห้าสีที่แหลมคมและโค้งงอราวกับปลายมีดคมห้าเล่ม ลูบไลไปมาเบาๆ บริเวณต้นคอของกู้ซีจิ่ว “ตี้ฝูอี แผนการของเจ้าช่างละเอียดรอบคอบยิ่งนัก น่าเสียดายที่ต่อให้เจ้าพยายามทำทุกวิถีทาง ข้ากลับถือไพ่ตายใบสำคัญสุดนี้ไว้ในกำมือ! ส่วนพวกที่ถูกเจ้าจับตัวไปก็เป็นแค่สวะไร้ค่าเท่านั้น พวกมันจะเป็นหรือตายข้าไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ แน่นอนเจ้าลงมือกับข้าได้เลย ในตอนนี้ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่แล้ว หากแต่เจ้าลงมือเมื่อใด นางก็จะไม่มีชีวิตอยู่อีก! ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่าจะทำให้นางสิ้นใจก่อนที่เจ้าลงมือสังหารข้า! แค่กรีดลงไป ไม่เพียงสังหารนางได้ แต่ดวงวิญญาณของนางจะถูกมีดเบญจรงค์เฉือนขาดเป็นชิ้นๆ จนเจ้าไม่อาจรวบรวมกลับมาได้อีก เจ้าเชื่อหรือไม่?”

ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง

ทุกคนกล่าวอันใดไม่ออก

สายตาของเทียนจี้เยวี่ยดังอัสนีบาต “โม่เจ้า ลูกน้องเหล่านี้ของเจ้าซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้ากลับตอบแทนพวกเขาเช่นนี้ มิกลัวว่าพวกเขาจะผิดหวังหรืออย่างไร?”

โม่เจ้ายิ้มบางๆ “ตอนที่เข้าสำนักข้า พวกเขาก็พร้อมตายถวายหัวตั้งนานแล้ว ยามนี้ต่อให้พวกเขาต้องตายก็เป็นการตายอย่างภาคภูมิ…”

กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก และพลันยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าอยากสังหารพวกเขาก็รีบลงมือเสีย แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน หากเจ้าสังหารพวกเขาหนึ่งคน ข้าจะตัดมือเด็กสาวคนนี้ทิ้งหนึ่งข้าง พวกเขามีสี่คน เด็กคนนี้ก็มีแขนขาทั้งสี่เพียงพอให้ตัดได้พอดี…”

เขาวาดนิ้ว และเล็บมือของตัวเองไปมา “ข้าชอบเด็กคนนี้ คิดว่าหากใช้คมมีดธรรมดาตัดแขนขาทั้งสี่ของนางก็เหี้ยมโหดเกินไป ดังนั้นข้าจะใช้เล็บมือม่วงนี้ วางใจเถิด เล็บมือม่วงนี้แหลมคมยิ่งนักเพียงชั่วครูก็ตัดมือน้อยๆ ของนางได้ข้างหนึ่ง ไม่มีเยิ่นเย้ออืดอาด ตัดครึ่งหนึ่งเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือบาดแผลจากการตัดนี้เจ็บปวดเหลือคณนา เจ็บยิ่งกว่าบาดแผลทั่วไปถึงสิบเท่า แม้นางอยากสลบก็สลบไม่ได้”

คำพูดที่ออกจากปากเขาเป็นคำที่โหดร้ายที่สุด ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงเผยรอยยิ้ม ลมหายใจเย็นรินรดที่ต้นคอของกู้ซีจิ่ว ราวกับงูพิษกำลังแลบลิ้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครเหี้ยมโหดที่สุด ใครกันจะไม่สนใจคนของตัวเองได้อย่างแท้จริง

ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าปลดปล่อยโม่เจ้าได้สักครั้ง ทำให้ดวงวิญญาณของมันทรมานอย่างสุดซึ้ง ไม่สามารถทำชั่วได้อีกเป็นพันๆ ปี ทว่า…

เขายกมือขึ้นเบาๆ ขณะที่กำลังจะทำมุทราบางอย่าง โม่เจ้าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ตี้ฝูอี เจ้าอย่าได้มีความคิดจะหันกายแล้วพาคนหนีออกไปเชียว! หากเจ้ากล้านำคนพวกนี้หนีออกไป ข้าจะทรมานเด็กคนนี้ ตัดนิ้วมือนิ้วเท้าของนางทิ้งทีละนิ้วทุกๆ หนึ่งเค่ออยู่ตรงนี้จนกว่าเจ้าจะปรากฏกาย! ข้ากล้ารับประกัน เจ้าปรากฏกายยิ่งช้าเท่าใด ความทุกข์ทรมานที่นางได้รับก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version