Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1172

บทที่ 1172 แทะโลม

กู้ซีจิ่วเพ่งพิศตัวเองในกระจก ในกระจกคือสาวน้อยที่งดงามยิ่งนัก เป็นความงามที่ไม่แฝงกลิ่นอายโลกีย์เลยสักนิด

สาวใช้สี่นางที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแสดงความยินดีชมเชยป้อยอว่าเธองดงาม

เรียวปากจิ้มลิ้มของกู้ซีจิ่วหยักขึ้นน้อยๆ ดีใจยิ่งนักเช่นกัน เธอรับคำยินดีของสาวใช้ทั้งสี่ไว้ ฟังพวกนางชื่นชมความงามของเธอ เธอยังลุกขึ้นมาหมุนตัวรอบหนึ่งด้วยกระโปรงแผ่พลิ้วปานดอกห้อมช้างที่แย้มบานต้อนรับ สายลม ชุดกระโปรงบนร่างเธอสลับซับซ้อนเกินไปและยาวเกินไป ในการหมุนครั้งนี้ของเธอเท้าไปเหยียบชายกระโปรงเข้า จึงสะดุดล้มพุ่งไปด้านหน้า ถลาใส่ร่างสาวใช้นางหนึ่ง…

สาวใช้คนนั้นไม่ทันตั้งตัว ถูกเธอถลาใส่ทั้งตัว กลายเป็นเบาะรองเนื้อของเธอ ทั้งสองกลิ้งจนกลายเป็นก้อนเดียวกัน

สาวใช้อีกสามนางทั้งกลัวทั้งขำ รีบพยุงเธอลุกขึ้นมา ทว่าเครื่องประดับศีรษะบนหัวของกู้ซีจิ่วเกี่ยวเข้ากับเส้นผมของสาวใช้คนนั้นแล้วลุกไม่ขึ้นชั่วขณะ ไม่ง่ายเลยกว่าจะแกะออกได้ เครื่องหัวของกู้ซีจิ่วก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว ต้องจัดการใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ยุ่งง่วนอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงดนตรีประโคมขึ้นมาแว่วๆ โม่เจ้าก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงดนตรี…

ในวังใต้พิภพแห่งนี้มีโถงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ห้องหนึ่ง สัดส่วนเทียบได้กับพระตำหนักจินหลวนเตี้ยนของวังต้องห้าม บัดนี้โถงใหญ่แห่งนี้ถูกประดับด้วยสีแดง ตกแต่งด้วยข้าวของสีทองอร่าม เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ยินดี

ถึงอย่างไรโม่เจ้าก็เป็นองค์ชายของโลกมนุษย์มาเนิ่นนานปี กลิ่นอายของโลกมนุษย์แฝงอยู่ในกระดูกแล้ว ดังนั้นการจัดแต่งโถงพิธีของเขาจึง เป็นไปตามกฎเกณฑ์การอภิเษกของจักรพรรดิและฮองเฮาของโลกมนุษย์ ที่แตกต่างกันคือยามที่จักรพรรดิของแดนมนุษย์อภิเษกสมรสพสกนิกรจะห้อมล้อมอยู่สองข้างทาง เหล่าข้าราชบิพารแซ่ซ้องอวยพร เหล่าเชื้อพระวงศ์มาร่วมยินดี แต่พิธีสมรสของโม่เจ้าผู้ที่ยืนเรียงรายอยู่สองข้างทางก็คือลูกน้องกว่าสามร้อยคนของเขา มีอาคันตุกะจากภายนอกเพียงคนเดียวคือ…ตี้ฝูอี!

ตี้ฝูอีถูกจัดให้มาอยู่ที่โถงพิธีตั้งแต่เช้าแล้ว ทางด้านซ้ายของโถงพิธีจัดวางเก้าอี้พิเศษตัวหนึ่งไว้ บนร่างตี้ฝูอีล่ามโซ่สลายวิญญาณไว้หกเส้น โซ่สลายวิญญาณนั้นเชื่อมเข้ากับเก้าอี้พิเศษตัวนั้น ส่วนเก้าอี้ตัวนั้นก็เชื่อมเป็นเนื้อเดียวกับพื้น…

ในห้องโถงผู้คนยุ่งวุ่นวายไม่น้อย ยามที่ผ่านมาแทบทุกคนล้วนมองเขาแวบหนึ่ง บ้างก็ก้าวเข้ามาเยาะเย้ยเหยียดหยามเขาอยู่สองสามประโยค

หมอหลี่ที่หลอมโอสถให้โม่เจ้าคนนั้นระยะนี้ได้รับความชื่นชมจากท่านเจ้าอย่างยิ่ง และดูเหมือนเขาจะเคยมีความหลังกับตี้ฝูอีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเข้าไปเยาะเย้ยถากถางตี้ฝูอี คล้ายว่าจะยังไม่สาแก่ใจยื่นมือไปเขย่าตรวนสลายวิญญาณบนร่างของตี้ฝูอีด้วย ทำให้ความเจ็บปวดจนเหงื่อท่วมร่างได้สำเร็จ ทำให้ฝูงชนหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่นออกมา

ตี้ฝูอีมองด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เขาก็ก้มหน้ามองตี้ฝูอีเช่นกัน “ตี้ฝูอี เจ้าก็มีวันนี้เช่นกันรึ! เป็นอย่างไรเล่า? ไม่พอใจหรือ? ถ้าไม่พอใจเจ้าลุกขึ้นมาตีข้าดีไหมล่ะ?”

ตี้ฝูอีย่อมไม่มีทางลุกขึ้นมาตีเขาได้ เขาทำได้เพียงหลับตาเมินเฉยเสีย

คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่นี้เป็นอัจฉริยะจากทั่วสารทิศของทวีปนี้ ล้วนเป็นเพราะสาเหตุนั้นบ้าง สาเหตุนี้บ้าง ถูกคนของฝ่ายธรรมะไล่ล่าสังหารถึงได้มารวมตัวอยู่ในสังกัดของหลงฟั่น เดิมทีคนเหล่านี้ล้วนชั่วช้าสามานย์ยิ่งนักกันอยู่แล้ว ปกติยามที่อยู่ด้านนอกอย่าว่าแต่ตี้ฝูอีเลย ขอเพียงพบคนที่อยู่ใต้สังกัดของตี้ฝูอีเหล่านั้นก็ตกใจจนเผ่นหนียิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก!

ปกติแล้วพวกเขาเห็นตี้ฝูอีเป็นตัวตนที่สูงส่งจนต้องแหงนคอมอง เสมือนมองเทพเซียนที่อยู่บนเมฆา ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าใกล้ ยามนี้ ‘เทพเซียน’ ผู้นี้กลับถูกสอยร่วงลงสู่แดนมนุษย์ บัดนี้ถูกล่ามไว้ที่นี่ ขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว การตกอับเช่นนี้ทำให้คนเหล่านี้ปรีดายิ่งนัก พวกปากเสียบางส่วนก็ยืนด่าทอเยาะเย้ยอยู่ตรงนั้น

“ตี้ฝูอี ที่แท้ยามที่ถูกล่ามไว้ที่นี่เจ้าก็เหมือนสุนัขไม่มีผิด!”

“ฮ่าๆ เหมือนสุนัขตกนํ้าตัวหนึ่งจริงๆ ด้วย! ดูใบหน้าน้อยๆ ที่ซีดเซียวของเขาสิ”

“รูปโฉมเขาหล่อเหลานัก! งดงามกว่าพวกสาวใหญ่อนุภรรยาตัวน้อยเสียอีก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version