บทที่ 1173 ประกอบกิจดุเดือด
“รูปโฉมเขาหล่อเหลานัก! งดงามกว่าพวกสาวใหญ่อนุภรรยาตัวน้อยเสียอีก ในหมู่พี่น้องมีผู้ใดชมชอบบุรุษหรือไม่? อันที่จริงสามารถอุ้มเขากลับ ไปอุ่นเตียงได้นะ”
“เช่นนั้นมิกล้าหรอกอย่ามองแต่รูปโฉมอันงดงามของเขาสิ ยามที่อยู่ในกำมือคงไม่เลวเลยจริงๆ แต่ถ้าจะพาไปอุ่นเตียงก็ต้องเอาโซ่นี่้ไปด้วย โซ่ตรวนนี้ดึงเพียงน้อยเขาก็เจ็บปวดแล้ว เมื่อถึงเวลาประกอบกิจดุเดือดขึ้นมาไม่เจ็บปวดจนสลบไปหรอกหรือ?”
“ฮ่าๆ นี่ก็ถูก…”
ถ้อยคำหยาบโลนโสมมดังล้งเล้งจอแจอยู่ข้างหูของตี้ฝูอีไม่หยุด คนเหล่านี้อาศัยจังหวะที่พิธีสมรสยังไม่เริ่ม เจ้านายยังไม่มาคิดจะหาเรื่องบันเทิงจากร่างของตี้ฝูอี
ตี้ฝูอีคร้านจะลืมตาขึ้น ถือเอาวาจาของพวกเขาเป็นเสียงยุงหึ่งๆ ไปเสีย
มีเสียงพิณติงๆ ตังๆ ขึ้นมา บรรเลงบทเพลงวิวาห์เพลงหนึ่ง ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ป่าเถื่อน โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ใคร่เข้าใจดนตรีสักเท่าไหร่ ผู้ที่เล่นดนตรีจึงหายากยิ่งกว่าขนหงส์เขามังกร แทบจะหาไม่พบเลย
ยามนี้นักดนตรีที่ดีดพิณอยู่ตรงนั้นเป็นหมอหลี่บังคับลักพาตัวกลับมาตอนออกไปเก็บสมุนไพรด้านนอก เป็นโฉมงามอายุอานามประมาณยี่สิบปีนางหนึ่ง ได้ยินว่าเป็นนักดนตรีของหอโคมเขียวแห่งหนึ่ง มีนามแฝงในวงการว่าซี่ซี่ ยามที่เพิ่งลักพาตัวมาหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก ดีดพิณก็ดีดอย่างกระเจิดกระเจิง สับสนมั่วซั่ว ทำให้คนฟังแล้วหมดคำพูดยิ่งนัก ต่อมาถูกหมอหลี่ข่มขู่หลายครั้งเข้า นางถึงค่อยๆ เข้ารูปเข้ารอย ต่อให้ดีดพิณก็ไม่เพี้ยนจนหลงทำนองอีก
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันสายลับที่จะแทรกซึมเข้ามา ยามที่นักพิณคนนี้เพิ่งเข้ามาก็ได้รับการตรวจสอบและหยั่งเชิงอย่างเข้มงวดกวดขันเช่นกัน
นักพิณผู้นี้มีพลังวิญญาณเพียงขั้นสามเท่านั้น วรยุทธ์ทั้งหมดที่มี สามารถบรรยายได้ว่าเป็นเพียงหมัดเท้าปักบุปผาที่ดูงดงามทว่าใช้การไม่ได้ เพื่อหยั่งเชิงนาง บีบให้นางสำแดงวรยุทธ์ที่แท้จริงออกมา โม่เจ้าจึงลอบส่งผู้คุ้มกันคนหนึ่งไปขืนใจนาง ผลคือทำให้นักพิณคนนี้แทบลุกจากเตียงไม่ได้…
ด้วยเหตุนี้โม่เจ้าจึงวางใจอย่างแท้จริง หากว่าเป็นคนของตี้ฝูอีคิดจะปลอมตัวปะปนเข้ามา ต้องไม่ปล่อยให้ผู้ใดขืนใจเป็นแน่…
ท่ามกลางเสียงพิณ ในที่สุดก็มีคนตะโกนขึ้นมา “ได้ฤกษ์มงคลแล้ว ขอเชิญบ่าวสาวเข้ามาทำพิธี…”
นักดนตรีนามว่าซี่ซี่ผู้นั้นรีบดีดพิณให้เสียงสูงขึ้นอีกหนึ่งช่วงทำนองทันที สูงจนแทบบาดหูแล้ว เพียงแต่เป็นเช่นนี้ก็ดี เกิดเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นอีก เห็นได้ชัดว่าทำให้ครึกครื้นยิ่งขึ้น
ในมือโม่เจ้าจับผ้าไหมแดงผืนหนึ่งไว้ ปลายอีกข้างของผ้าไหมแดงก็คือเจ้าสาวที่สวมชุดแดงมงกุฎหงส์
โม่เจ้าลงทุนกับพิธีสมรสครั้งนี้ยิ่งนัก อาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างกู้ซีจิ่วราคาแพงลิบลิ่ว ลํ้าค่ายิ่งกว่าฉลองพระองค์มงกุฎหงส์ของฮองเฮาเสียอีกระย้ามุกที่ห้อยลงมาจากมงกุฎหงส์แต่ละเม็ดล้วนเป็นมุกทะเลใต้ที่กลมเกลี้ยงอวบอิ่ม แกว่งไกวตามจังหวะที่กู้ซีจิ่วเยื้องย่าง ส่องสะท้อนแสงโคม เปล่งประกายแพรวพราวปานภาพฝันมายา บนหน้าเธอประทินโฉมอย่างพิถีพิถันผิวพรรณดูขาวผ่องปานหิมะ คิ้วตาดั่งวาดแต้ม
โม่เจ้าก็สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงฉูดฉาด ต้องกล่าวเลยว่าร่างนี้ของเขาสมบูรณ์แบบยิ่งนัก เกิดมาเพื่อเป็นไม้แขวนเสื้อ ชุดที่สีแดงฉูดฉาดถึงเพียงนี้เมื่อสวมอยู่บนร่างเขากลับดูไม่ติดขัดเลย ทุกอากัปกริยาแฝงเสน่ห์เย้ายวนตามธรรมชาติ หว่างคิ้วแฝงเสน่ห์อันชั่วร้ายไว้ ยามที่เขาจูงกู้ซีจิ่วก้าวเข้ามาในห้องโถง สายตาของทุกคนในห้องโถงล้วนจดจ่ออยู่บนร่างบ่าวสาวคู่นี้ ทว่าสายตาของเขากลับร่อนลงบนร่างตี้ฝูอี
ตี้ฝูอีก็ลืมตามองพวกเขาเช่น กัน ริมฝีปากบางเม้มนิดๆ มองไม่เห็นอารมณ์อันใด
โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย วันนี้นับว่าข้าเชิญเจ้ามาเป็นแขกผู้มีเกียรติ วันมงคลของข้ากับซีจิ่ว เจ้าไม่อวยพรสักหน่อยหรือ?”
สายตาของตี้ฝูอีวนรอบร่างของคนทั้งสองแวบหนึ่ง เอ่ยออกมาเพียงสามคำว่า “ไม่สมกัน”
โม่เจ้าเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่เจ้าลิ้มชิมองุ่นมิได้จึงพาลกล่าวว่าองุ่นเปรี้ยว[1]กระมัง?”