Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1174

บทที่ 1174 มรสุมในพิธีสมรส

สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่วนัยน์ตาฉายแววร้าวรานและสิ้นหวังแวบหนึ่ง เมื่อคืนเขาพยายามอยู่ทั้งคืน หาทางเข้าไปในความฝันของนางอีกครั้ง เดิมทีเขามั่นใจว่าเมื่อคืนนี้จะฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดของนางได้ กลับคาดถึงไม่ว่า…

สายตาของกู้ซีจิ่วโฉบผ่านร่างเขาแวบหนึ่ง ริมฝีน้อยพลันเม้มนิดๆ ไม่แสดงท่าทีอะไร

โม่เจ้าจูงนางก้าวเข้าไปใกล้ตี้ฝูอีอีกสองก้าว “ซีจิ่ว เจ้ามีอะไรจะพูดกับเขาไหม?”

กู้ซีจิ่วคล้ายจะไม่พอใจอยู่บ้าง “ข้ามีอะไรต้องพูดกับเขาด้วยหรือ? สรุปแล้วเขาเป็นเชลยหรือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของท่านกันแน่?”

“เขาเป็นเชลย เพียงแต่วันนี้นับว่าเขาเป็นแขกผู้มีเกียรติ” โม่เจ้ายิ้มนิดๆ

กู้ซีจิ่วเม้มปาก มองดูโม่เจ้า “พี่โม่ ข้าได้ยินว่ายามที่ชาวบ้านสามัญแต่งงานล้วนมีแขกเหรื่อมาร่วมยินดีคึกคักครื้นเครงสุขสันต์ปรีดา ท่านเป็นท่านเจ้า ฐานะสูงส่งกว่าชาวบ้านสามัญนัก แต่แขกเหรื่อกลับน้อยไปหน่อย เหตุใดไม่ให้คนมาร่วมพิธีสมรสของพวกเรามากกว่านี้เล่า?”

คำถามประโยคนี้ทั้งไร้เดียงสาและเฉียบคม โม่เจ้านิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยเรียบๆ ว่า “พิธีสมรสของข้า ไหนเลยจะให้มดปลวกพวกนั้นมาร่วมงานได้? มีเพียงผู้ที่เข้าขั้นเท่านั้นถึงจะมาได้…”

ทุกๆ วัน ภายในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ หวาดหวั่นว่าจะมีไส้ศึกจากด้านนอกแทรกซึมเข้ามาอยู่ตลอด สตรีบรรเลงดนตรีนางหนึ่งเข้ามายังต้องถูกไต่สวนอยู่หลายวัน ตรวจสอบบรรพบุรุษของผู้อื่นไปแปดชั่วโคตร ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คนนอกจะเข้ามาได้อย่างไร?

หลงฟั่นที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไร ทว่าในใจกลับเหน็บแนมอย่างเย็นชา

กู้ซีจิ่วคล้ายว่าจะเสียใจอยู่บ้าง สายตาของเธอร่อนลงบนร่างตี้ฝูอี “เขาเป็นคนเดียวที่เข้าขั้นหรือ?”

รอยยิ้มของโม่เจ้าแข็งทื่อเล็กน้อย “ใช่แล้ว ซีจิ่ว ผู้นี้คือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สูงส่ง เป็นบุคคลที่ท่องไปทั่วทวีปนี้ มีเขามาเป็นพยานในการสมรสของพวกเราคนเดียวก็เหนือกว่าคนนับร้อยแล้ว”

กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม เอียงคอเพ่งพิศตี้ฝูอีเล็กน้อย “ที่แท้เขาก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พี่โม่ ท่านก็กลัวเขามากเหมือนกันใช่ไหม?”

สีหน้าของโม่เจ้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “ในวังใต้พิภพแห่งนี้ล้วนเป็นลูกน้องท่านทั้งสิ้น อีกทั้งวรยุทธ์ของท่านก็สูงส่งถึงเพียงนี้ ส่วนเขาหัวเดียวกระเทียมลีบ เกรงว่ายามนี้ถึงปล่อยเขาให้เป็นอิสระเขาก็ก่อปัญหาอะไรไม่ได้แล้ว เป็นเขาร้ายกาจเกินไปใช่หรือไม่? ร้ายกาจจนทำให้ทุกคนในวังใต้พิภพแห่งนี้สยบเขาไม่ได้ ดังนั้นถึงต้องล่ามเขาไว้แบบนี้ตลอดสินะ?”

โม่เจ้า ดไม่ออก…

เขามองกู้ซีจิ่ว ดวงตาทั้งคู่ของกู้ซีจิ่วใสกระจ่างยิ่งนัก ดวงตาฉายแววสงสัยอย่างแท้จริง รอยยิ้มน้อยๆ บนใยหน้าของโม่เจ้าใกล้จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว “ซีจิ่ว นี่เจ้าปวดใจแทนเขาหรือ?”

กู้ซีจิ่วก็เยือกเย็นยิ่งนัก “ข้าแค่รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเท่านั้น…พี่โม่ระแวดระวังคนผู้นี้เป็นพิเศษเลย”

โม่เจ้าตอบสั้นๆ “…ระวังอยู่เสมอย่อมเป็นการดี”

เขาชะงักไปแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าไม่ได้กลัวเขา แค่ไม่อยากให้เขามาก่อกวนงานมงคลของพวกเราก็เท่านั้น ดังนั้นถึงล่ามเขาไว้ตลอด”

“โอ้ เช่นนี้นี่เอง เพียงแต่ข้าก็รู้สึกว่าถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันมงคลของพวกเรา วันเช่นนี้กลับปล่อยให้คนผู้หนึ่งที่นั่งเลือดโชกอยู่ตรงนั้นเป็นแขกผู้มีเกียรติ ข้ารู้สึกว่าไม่เป็นมงคลเท่าไหร่ ในใจมีเงามืดอยู่บ้าง”

นี่ก็ใช่ ในใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้พากันเห็นด้วย ไม่ว่าผู้ใดเมื่อได้เห็นคนโชกเลือดผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างในวันมงคลล้วนไม่สบายใจกันทั้งนั้น

ฝูงชนก็รู้สึกเช่นกันว่าท่านเจ้าขี้ระแวงเกินไปหน่อย ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ถูกล่ามด้วยตรวนสลายวิญญาณมาแปดวันแล้ว พลังยุทธ์ในกายน่าจะสลายไปเกือบหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือยามนี้เขาอยู่ในดงปีศาจ ต่อให้ถูกปล่อยตัวอย่างสมบูรณ์เขาก็หนีไม่รอด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version