Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 661

บทที่ 661 อยากทำให้ท่านประหลาดใจ

คนผู้นั้นสวมหน้ากากไว้ แต่มองจากรูปร่าง บุคลิก กลิ่นอาย และดวงตาคู่นั้นเป็นตี้ฝูอีจริงๆ…

ตอนแรกอวิ๋นชิงหลัวมองกู้ซีจิ่วอย่างมิเก็บมาใส่ใจ ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็แปลงโฉมอยู่ นางดูไม่ออกว่าเป็นเธอ…

แต่เจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ในแขนเสื้อกู้ซีจิ่วโผล่ร่างออกมาครึ่งหนึ่ง ประกอบกับมีเพรียกวายุติดตามอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วด้วย ถ้านางดูไม่ออกอีก นางก็สมองมีปัญหาแล้ว!

สีหน้านางแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ร่างกายเขยิบเข้าหาตี้ฝูอีตามสัญชาตญาณ มือน้อยรัดต้นแขนเขาไว้ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจ้าคะ…”

ตี้ฝูอีผินหน้ามองนาง นํ้าเสียงอ่อนโยน “ว่าอย่างไร?”

กู้ซีจิ่วเม้มปากแน่น เสียงก็ไม่ผิดเพี้ยนเลย!

เป็นเสียงของตี้ฝูอี!

อวิ๋นชิงหลัวมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ชิงหลัวอยากไปดูล่องประทีปเจ้าค่ะ…”

“ข้าจะพาเจ้าไป” ตี้ฝูอีจับจูงอวิ๋นชิงหลัวหันหลังไป ตั้งแต่ต้นจนจบเขามิได้เหลือบแลกู้ซีจิ่วสักแวบเลย และไม่รู้ว่าดูออกหรือไม่ หรือจะรู้สึกว่าเขากับ เธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว จึงไม่ลดตัวมาเสวนากับเธออีก

กู้ซีจิ่วลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา “ช้าก่อน!”

อวิ๋นชิงหลัวขมวดคิ้ว เหลียวมองเธอแวบหนึ่ง “ท่านพูดกับพวกเราอยู่หรือ?”

กู้ซีจิ่วเร่งฝีเท้าขึ้นไปสองก้าว ยืนนิ่งอยู่ในจุดที่ห่างจากพวกเขาสองเมตร ยิ้มน้อยๆ “อวิ๋นชิงหลัว เจ้าดูข้าไม่ออกจริงๆ น่ะหรือ?”

แล้วทักทายตี้ฝูอีต่อ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไม่ได้พบกันเสียนาน”

สายตาตีฝูอีกาวดมองร่างเธอแวบหนึ่ง แววตามองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ

ถึงอย่างไรก็เป็นยามวิกาล ท้องฟ้ามืดมิดยิ่ง ถึงมีจะมีแสงโคมส่องสว่าง แต่ใบหน้าคนก็ยังไม่แจ่มชัดเหมือนตอนกลางวันอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่สวมหน้ากากอันหนึ่งไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่เดียว ยิ่งทำให้คนมองเขาไม่ออก

อวิ๋นชิงหลัวขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ไม่เสแสร้งต่อ “กู้ซีจิ่ว? เจ้ามีธุระอะไร?”

กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ “ไม่มีธุระอะไร ก็แค่พบปะสหายร่วมสำนักจึง มาทักทายก็เท่านั้น”

อวิ๋นชิงหลัว พยักหน้าน้อยๆ “ได้ ทักทายเสร็จ ลาก่อน”

พลางดึงตี้ฝูอีออกเดิน เดินไปได้สองก้าวนางก็หันกลับมายิ้มแวบหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว เจ้าพูดถูก สิ่งที่ข้าควรจะทุ่มเทให้ก็คือเขา…มิใช่เจ้า…โชคดีที่ข้าเข้าใจก่อนที่จะสายเกินไป”

รอยยิ้มของนางแฝงแววยั่วยุและภาคภูมิไว้รางๆ “เอาล่ะ ในวันเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวนพวกเรา และหวังว่าเจ้าจะเบิกบานกับการเที่ยวเล่นเพียงลำพัง ”

นางก้าวต่อไปสองก้าว ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อีก “กู้ซีจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเข้า ชั้นเรียนเมฆาม่วงห้องหนึ่งมาก ข้าก็ยินดีมากที่จะได้กลายเป็นสหายร่วมชั้นกับเจ้า แต่การประลองในวันพรุ่งนี้ข้าก็จะทุ่มเทอย่างสุดฝีมือเช่นเดิม จะไม่อ่อนข้อให้ ข้าหวังว่าเจ้าจะพึ่งพาความสามารถที่แท้จริงของตนฝ่าเข้ามาได้ มิใช่…”

นางหัวเราะเบาๆ แล้ว กล่าวต่อ “มิใช่อาศัยบารมีของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เข้ามา ถึงอย่างไรสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็เป็นสถานที่ยุติธรรมที่สุด ผู้ใดที่ใช้เส้นสายบารมีเข้ามาล้วนเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย”

เมื่อกล่าวประโยคนี้จบนางกับตี้ฝูอีถึงจากไปจริงๆ ค่อยๆ ปะปนไปในฝูงชน

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นพลางถามเจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ในแขนเสื้อ “คราวนี้ได้กลิ่นชัดเจนแล้วใช่ไหม? ใช่เขาจริงๆ หรือเปล่า?”

เจ้าหอยยักษ์พยักหน้า “ไม่ผิดแน่! เป็นเขา”

เมื่อกี้อยู่ห่างกันเกินไปมันเกรงว่าจะประสาทสัมผัสจะผิดเพี้ยนจึงให้กู้ซีจิ่วเข้าไปอีกหน่อย ระยะห่างสองเมตร เพียงพอจะให้มันได้กลิ่นอายจากร่างเขาอย่างแท้จริง

กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

ครั้งนี้ถึงแม้เธอจะขายหน้า แต่ก็นับว่าได้พิสูจน์แล้ว เธอจะได้ตัดใจจริงๆ เสียที

“เจ้านาย ไปไหนหรือ?” เจ้าหอยยักษ์ถามอย่างระมัดระวังยิ่ง

“ไปกินข้าวไง! เจ้าหิวมิใช่หรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version