บทที่ 1203 เด็กโง่ หายใจสิ
ถึงแม้ระยะเวลาที่ทั้งสองแยกจากกันจะไม่นับว่านาน ทว่าเพิ่งจะผ่านความเป็นความตายมารอบหนึ่ง สำหรับตี้ฝูอีแล้วเก้าวันในตำหนักใต้ดินลำบากยากเข็ญยิ่งกว่าเก้าปี ความเจ็บปวดทางกายเป็นด้านหนึ่ง ต้องเห็นนางเรียกขานโม่เจ้าว่าพี่โม่สิถึงจะเป็นทำให้แต่ละวันของเขาเสมือนแรมปี…
จุมพิตนี้ของเขาทรงพลังนัก ดุเดือด เร่าร้อน ดึงดัน เผด็จการ ให้ความรู้สึกรุกรานยึดครองยิ่งนัก
จุมพิตแสนเร่าร้อนคล้ายแทรกซึมผ่านริมฝีปากและเรียวลิ้นตรงเข้าสู่หัวใจ ทำให้โลหิตร้อนๆ แผ่ซ่านขึ้นเต็มหน้า เธอดวงหน้าแดงปลั่งดั่งแสงอาทิตย์อุทัย ในสมองเกิดเสียงดัง ตูม ความคิดยุ่งเหยิงวุ่นวายทั้งหมดในใจเหล่านั้นอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา…
ในใจมีเปลวเพลิงเร่าร้อนลุกโหมขึ้นมา เพลิงนั้นเสมือนเมล็ดพืชที่กลายพันธุ์ เพียงครู่เดียวก็ลุกลามไปตามเส้นเลือดแล้วงอกงามเป็นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ใบไม้ทุกใบเขียนคำว่าโหยหาและอบอุ่นไว้ ทำให้เธออยากยึดกุมคนที่อยู่ใต้ร่างผู้นี้ไว้แน่นๆ…
เขาปรารถนาในตัวเธอ และอันที่จริงเธอก็ปรารถนาในตัวเขาเช่นกัน โหยหาอ้อมกอดของเขา โหยหาการใกล้ชิดกับเขา…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ปราดเปรื่องสุขุมเยือกเย็นยิ่งนักเสมอมา ชีวิตนี้ไม่มีทางลุ่มหลงงมงายในความรัก กลับนึกไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีตี้ฝูอีอยู่ เวลาที่อยู่กับเขา เธอเป็นสุขอย่างยิ่ง ต่อให้พบมรสุมคลื่นลมขมขื่น เธอก็รู้สึกว่าฟ้าครามสุกใส ใบหญ้าเขียวขจี อารมณ์เบิกบานดั่งฤดูใบไม้ผลิ
เธออยากอยู่กับเขาตลอดเวลา เธออยากอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเขา จุมพิตเบาๆ สักคราก็ทำให้เลือดลมเธอพลุ่งพล่านได้แล้ว…
เธอไม่ใช่แม่นางผู้เหนียมอาย บัดนี้เมื่อเลือดลมเดือดพล่านขึ้นมา เธอก็เปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำเป็นฝ่ายรุกเข้าหาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอบสนองจุมพิตของเขาอย่างกระตือรือร้น…
ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ยามไหน คนทั้งสองนอนกอดรัดกันอยู่บนฟูก ค่อยเป็นค่อยไป ตี้ฝูอีไม่พอใจกับริมฝีปากที่เคล้าคลอกันอีกต่อไป เขาจุมพิตดวงตาของนาง จุมพิตแพขนตาที่สั่นระริกของนาง จุมพิตปลายจมูก ปลายคาง จากนั้นก็เลื่อนลงไปด้านล่าง สาบเสื้อถูกแกะออกช้าๆ เลื่อนหลุดจากหัวไหล่…
เมื่อผิวกายสัมผัสกับความเย็นของอากาศ ก็ถูกริมฝีปากของเขาจับจอง ร่างของกู้ซีจิ่วอ่อนยวบแล้ว เธอที่แข็งแกร่ง ยอมหักไม่ยอมงอมาโดยตลอด ยามนี้ร่างกายกลับอ่อนปวกเปียกปานแอ่งนํ้า เป็นวารีที่ต้องการหลอมรวมกับเขาอย่างสมบูรณ์…
หัวใจเต้นกระหนํ่าเสมือนมิใช่ของตน เธอไม่ใช่คุณหนูสูงศักดิ์ที่ไม่รู้อะไรเลย เธอรู้ว่าความชิดเชื้อเหล่านี้ของตี้ฝูอีสื่อถึงอะไร ถึงขั้นที่เธอสัมผัสได้ว่าเขาแปรเปลี่ยนเป็นบุรุุษอย่างแท้จริงแล้ว ลมหายใจของทั้งสองฝ่ายถี่กระชั้นขึ้น…
ระหว่างที่จุมพิตกันอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือของเขากุมข้อมือที่หมายจะผลักออกของเธอไว้ จากนั้นชักนำเธอให้ลงสู่ด้านล่าง ในที่สุดก็สัมผัสถูกส่วนสงวนของเขาแล้ว…
‘ตูม!’ พวงแก้มของกู้ซีจิ่วแทบจะระเบิดออกมาแล้ว ถ้าเธอคิดจะผลักเขาออกไปในยามนี้อันที่จริงง่ายดายนัก แต่กลับไม่มีแรงผลักเขาออกเลย ปลายนิ้วสั่นสะท้านเล็กน้อย คิดจะหดกลับมา แต่ฝ่ามือของเขาราวกับคีมเหล็ก ยึดกุมเธอไว้แน่นทำให้มือเธอสัมผัสแนบชิดกับส่วนนั้น และสัมผัส ความร้อนระอุของส่วนนั้นได้
“เด็กน้อย…” เขาเอ่ยเสียงแผ่วอยู่ริมหูเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนคล้ายจะแผดเผาใบหูเธอ “พวกเราใกล้จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลังจากเป็นสามีภรรยากันแล้วจะต้องซื่อสัตย์มั่นคงต่อกัน…”
เธอกลั้นหายใจ กลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ
“เด็กโง่ หายใจสิ” ตี้ฝูอีขบมุมปากของนางเบาๆ อย่างอดใจไว้ไม่อยู่ พอใจกับปฏิกิริยาไม่ประสีประสาของนางยิ่งนัก
ในที่สุดก็ซีจิ่วก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว นัยน์ตาที่ขาวดำตัดกันชัดเจนคู่นั้นฉํ่าวาวรื้นนํ้า นางมองเขา พวงแก้มยังแดงก่ำอยู่ แววตาค่อนข้างพิกลอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีจุมพิตขนตานางอีกครา “มองข้าเช่นนี้ทำไม?”
กู้ซีจิ่วเอ่ยว่า “นึกไม่ถึงว่าท่าน…”
กล่าวถึงตรงนี้ก็นิ่งไป