บทที่ 1202 ข้าทนรับไหว
เดิมทีบาดแผลของเขาเจ็บปวดรวดร้าว แต่การสัมผัสของมือเล็กของนางทำให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาลงอย่างน่าประหลาดใจ และบางทีก็ถูกเขามองข้ามไป ความรู้สึกเสียวซ่าจากรอยเย็บบริเวณที่นางสัมผัสเอ่อล้นทำให้ร่างกายของเขามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ดวงตายิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ…
กู้ซีจิ่วเป็นหมอที่ดีคนหนึ่ง ตอนนางรักษานางตั้งใจมาก ดังนั้นจึงไม่ทันได้สังเกตสายตาของตี้ฝูอี สมาธิทั้งหมดของนางทุ่มเทไปที่บาดแผลนั้น
บาดแผลหน้าท้องของเขาเป็นแผลฉกรรจ์ ปากแผลไม่เล็ก จะให้ดีที่สุดคือเย็บแผลแล้วรักษา แผลจะหายได้เร็ว
นางนำเข็มเย็บแผลและยาชาออกมาจากตัว…
สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาจากห้องทดลองของหลงฟั่น ตอนนั้นที่ยังสูญเสียความทรงจำ เธอเดินเที่ยวไปมาในห้องทดลองของเขา เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ สัญชาตญาณเธอบอกว่าของสิ่งนี้ใช้การได้ ดังนั้นเธอจึงขอมันมาจากหลงฟั่น ท่าทางของหลงฟั่นในตอนนั้นซับซ้อนยิ่งนัก มองเธออยู่หลายที ก่อนจะพูดอย่างช้าๆ ‘สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ของเล่น เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้’ จากนั้นเขาให้เครื่องประดับแก่เธอหลายอย่าง เพื่อให้เธอออกไป
แต่เขาไม่รู้ว่ากู้ซีจิ่วเป็นคนประเภทที่หากปรารถนาสิ่งใดจะต้องหาวิธีทำให้สิ่งนั้นมาอยู่ในมือให้ได้ ตอนนั้นเธอออกไปแล้ว และไม่ได้ร้องขออีก เพราะเธอหยิบไปโดยไม่ได้บอกกล่าวแล้ว…
ตอนนี้กลับได้ใช้มันจริงๆ
เธอผสมยาชาเล็กน้อย กำลังจะใช้กับตี้ฝูอี กลับถูกตี้ฝูอียับยั้งไว้ “แผลนี้ของข้าใช้อันนี้ไม่ได้”
กู้ซีจิ่วรู้ว่าเขาเชี่ยวชาญด้านนี้ ไม่ได้โต้แย้งกลับไป เพียงแค่ขมวดคิ้ว “แต่ถ้าไม่ใช้อันนี้จะเจ็บมาก…”
ปากแผลนี้ของเขาต้องเย็บอย่างน้อยแปดถึงเก้าเข็ม
ตี้ฝูอีอมยิ้ม “ไม่เป็นไร ความเจ็บปวดแค่นี้ข้าทนรับไหว”
เอาเถอะ กู้ซีจิ่วยอมเขาแล้ว “เช่นนั้น ท่านอดทนหน่อยแล้วกันหากทนไม่ไหวเมื่อใดก็บอกข้า ข้าจะได้หยุดชั่วคราว”
“ตกลง!”
ตี้ฝูอีทนเจ็บได้มากยิ่งนัก เขาไม่ร้องเจ็บสักแอะจนกระทั่งกู้ซีจิ่วเย็บแผลของเขาเรียบร้อย ถึงขั้นไม่ได้ขมวดคิ้วเลยสักนิด ทำให้กู้ซี้จิ่วสงสัยว่าต่อมรับ รู้ความเจ็บของเขาไม่ทำงาน…
หลังจากจัดการบาดแผลหน้าท้องเสร็จเรียบร้อย บาดแผลครึ่งท่อนบนก็รักษาหมดแล้ว สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนกางเกงของเขา เธอจำได้ว่าต้นขาเขาเคยมีตรวนสลายวิญญาณสองเส้นตรึงอยู่ตำแหน่งต้นขาใกล้กับ…
สายตาของเธอร่อนลงที่ตำแหน่งนั้น เขาเปลี่ยนกางเกงแล้ว ตรงนั้นยังมีคราบเลือดเลือนๆ เธอหยุดชะงักเล็กน้อย ถ้าหากรักษาตรงนั้นก็ต้องให้เขาถอดกางเกง แต่คนยุคสมัยนี้ไม่ใส่กางเกงใน นั่นไม่ใช่…
ถึงแม้เธอตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับเขาแล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ได้แต่ง จนถึงตอนนี้เขาและเธอชิดเชื้อกันมากที่สุดก็คือเคยจูบกันไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยก้าวเท้า เข้าสู่กองเพลิง นับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์รักอันบริสุทธิ์ ตอนนี้ให้มามองดูส่วนสงวนของเขาอย่างฉับพลัน ความกดดันนี้จึงมากนัก
เธอวุ่นวายใจครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเขา “บาดแผลที่ต้นขาเจ้าไม่สาหัสกระมัง? หากไม่สาหัส เจ้าก็ทายาด้วยตัวเองได้… ”
ตี้ฝูอีตัดบทนาง “สาหัส! สาหัสมาก! สาหัสยิ่งกว่าแผลที่หน้าท้องนี้อีก!”
เช่นนั้นก็ต้องเย็บด้วยหล่ะสิ…
ตี้ฝูอีนอนราบอยู่ตรงนั้น หรี่ตามองใบหน้าอันสวยงามที่ค่อนข้างสับสนของนาง โบกมือให้นาง กู้ซีจิ่วคิดว่าเขามีอะไรจะพูดจึงโค้งตัวลงเข้ามาใกล้เขา “ท่านจะพูดอะไร?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็ถูกเขาดึงคอล้มลง นางไม่ทันได้เตรียมป้องกัน นอนทับลงบนตัวเขาไปพอดี เธอร้องเบาๆ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคืออย่าทับ บาดแผลของเขา ยังไม่ทันประมวลความคิดนี้เสร็จจุมพิตของเขาก็ประกบเข้ามา…
———————————————————————
[1] สะใภ้ขี้เหร่ถึงอย่างไรก็ต้องเจอพ่อแม่สามี อุปมาว่า แอบซ่อนไว้ไม่ได้