บทที่ 983 : เจ้าจะคิดถึงข้าไหม? (ปลาย)
คนที่ยืนข้างถังชิง ถังเฝิงกล่าวขึ้นก่อนเบาๆ “เมื่อก่อนสมัยที่สถาบันฝึกยุทธ์ยังมีโจวหยาฝู สถาบันฝึกยุทธ์มีทั้งอำนาจและความภาคภูมิใจ เขาแทบจะเค้นคอเผ่าถังกับชุมนุมผู้คุมกฎให้ย่อยยับไปกับมือด้วยซ้ำ! ทว่าเดี๋ยวนี้…”
คนพูดส่ายหน้าและไม่พูดต่อไป
ถังเอ้อเอ่ยพลางยิ้ม “เมื่อก่อนเผ่าไท่กู่ก็มีอำนาจ พวกเขายังหายสูญไปได้เหมือนกันไม่ใช่หรือขอรับ? ใครๆ มักจะคิดว่าสามารถกำหนดชะตากรรมของตัวเองได้ ที่จริงแล้วเป็นความคิดที่ไร้สาระสิ้นดี คนเราควรยอมรับชะตากรรมของตัวเองต่างหาก”
ถังเฝิงยิ้มตอบ “พี่รอง ข้ามักมีสัญชาตญาณรับรู้เสมอ ในกระบวนคนรุ่นใหม่ของเผ่าถังเรา นอกจากพี่เจ็ดท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ถังฉี!
คำพูดที่ได้ยิน ทำให้ถังชิงนิ่วหน้าเล็กน้อย
ทุกคนในเผ่าถังต่างรู้จักคนคนนี้เป็นอย่างดี
คนผู้นั้นเป็นที่รู้กันในฐานะคนที่มีพลังอำนาจมากที่สุดแห่งเผ่าถังถัดจากมู่หนานจื่อ อย่างไรก็ตามเขาไม่ไยดีต่อการเป็นทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งสายตรง จึงออกจากเผ่าถังไปโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย แม้แต่หัวหน้าเผ่าก็ไม่อาจทัดทานได้!
ผู้ได้ชื่อว่าควรค่าแก่การกล่าวขานกันในบัญชีนามแห่งเต๋า ถังฉีมีชื่อติดอยู่ในอันดับที่สอง!
เสียงหัวเราะหึหึของถังเอ้อดังแว่ว “น้องเจ็ดของเรา……”
ตูม!
ทันใดนั้น เกิดเสียงดังสนั่นจากแรงระเบิดขึ้นที่ด้านล่าง พลันให้ความครุ่นคิดคำนึงของคนทั้งสามต้องยุติกลางคัน และพากันก้มลงมองไปยังสถานที่อันเป็นที่มาของเสียง
ในเขตเมืองข้างล่าง ค่ายกลขนาดใหญ่เหนือสถาบันฝึกยุทธ์ค่อยสลายหายไปทีละส่วนๆ อีกทั้งยอดฝีมือของสถาบันแห่งนั้นต่างทยอยล้มตายไปทีละคนคนเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งยอดฝีมือของสำนักกระบี่ด้วย!
ในสถาบันฝึกยุทธ์
อันหลานซิ่วมองไปทางฝั่งขวามือของตน สีหน้าของนางยามนี้เคร่งเครียดนัก
สถาบันฝึกยุทธ์ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากพูดให้ถูก……มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่จะทำให้พ่ายแพ้แก่ชุมนุมผู้คุมกฎ!
ในตอนนั้นอู่เวิ่นกำลังต่อสู้ขับเคี่ยวอยู่ไกลออกไป ชายชราพูดผ่านพลังชี่ “แม่นางอันเจ้าพาเยี่ยหลิงหนีไป เร็ว!”
พาเยี่ยหลิงหนี!
ถัดจากอันหลานซิ่วไป โม่เยี่ยกับเหลียนว่านลี่ที่อยู่ไม่ไกลนักต่างได้ยินคำพูดนั้นด้วยเช่นกัน
แสดงให้เห็นว่า เจตนาของอู่เวิ่นต้องการที่จะปกป้องเหล่ายอดฝีมือของสถาบันฝึกยุทธ์ เวลานี้ชายชรารู้สึกอับจนหนทางแล้ว
พวกเขาควรหนีไปงั้นหรือ?
อันหลานซิ่วมองหน้าเยี่ยหลิง “เจ้าอยากหนีไปไหม?”
เยี่ยหลิงมองตอบอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่ “ไม่ไป! ข้าเป็นศิษย์ของสถาบันฝึกยุทธ์เจ้าค่ะ!”
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ “ดี!”
จากนั้นนางเหม่อมองไกลออกไปพบโม่เยี่ยกับเหลียนว่านลี่ยืนอยู่
โม่เยี่ยขมวดคิ้วอย่างไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นค่อยปิดเปลือกตาลงช้าๆ พลันร่างกายของเขามีพลังงานพุ่งวาบออกมา!
บนอากาศ ฉินเทียนเขม้นมองไปที่โม่เยี่ย ด้วยร่างของฝ่ายหลังเริ่มสั่นแรงขึ้นๆ ในขณะนั้นแสงสีแดงเปล่งคลื่นพลังออกเข้าห่อหุ้มร่างคนไว้ทั้งร่าง!
เมื่อเห็นดังนั้นฉินเทียนหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย ขณะนั้นที่ด้านล่างโม่เยี่ยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าหาผู้คุมอาญาสารแห่งชุมนุมผู้คุมกฎคนหนึ่ง!
ฝ่ายผู้คุมอาญาสารแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างฉับพลัน ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเงาดำทะมึนพร้อมกับพุ่งเข้าใส่โม่เยี่ยอย่างรวดเร็ว!
พลันความเงียบเข้าครอบงำ!
ตูม!
ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่หันมาจับจ้อง ผู้คุมอาญาสารถูกปะทะจนลอยละลิ่วไปในทันที เมื่อเขาหยุดนิ่งกับที่ร่างกลับระเบิดดังสนั่น ทำให้โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ!
โม่เยี่ยหยุดนิ่งอยู่กับที่ แขนขวากลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชติช่วง ภายในกายพลังลมหายใจยังถูกปลดปล่อยออกมาไม่หยุด!
ภาพที่ปรากฏแก่สายตา ทำให้ฉินเทียนมีสีหน้าถมึงทึงไปทันที
ณ มุมมืดแห่งหนึ่ง ถังเอ้อลอบสังเกตโม่เยี่ยด้วยความสนใจ ขณะพึมพำเสียงแผ่ว “คนผู้นี้……สายเลือดนั่นตื่นขึ้นมาแล้ว……”
สายเลือดของเขาตื่นแล้ว!
นับว่าเป็นสายเลือดอัจฉริยะชั้นเลิศในโลกทีเดียว!
ในเผ่าถังมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่สายเลือดนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ถังฉี!
สายโลหิตดังกล่าวไม่เพียงถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับยอดฝีมือเท่านั้น ทว่าใครก็ตามที่สายโลหิตในตัวตื่นขึ้นมา คนผู้นั้นหาใช่คนอ่อนด้อยอย่างแน่นอน!
เวลานั้นเหลียนว่านลี่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมด้วยในมือถือดาบโค้งประจำกาย เป้าหมายของหญิงสาวอยู่ที่ผู้คุมอาญาสารฝ่ายตรงข้าม ฉับพลันต่อมาดาบชิงหลงที่นางถือค่อยสั่นแรงขึ้นๆ เมื่อนั้นสตรีใช้ดาบจ้วงแทงร่างของผู้คุมอาญาสารคนหนึ่ง!
ทันทีที่ดาบโค้งฟาดลงมา บนท้องฟ้าพลันปรากฏร่างมังกรสีเขียวตัวใหญ่ที่ยาวกว่าหกลี้พุ่งทะยานลงมาจากอากาศ
มังกรเขียวอ้าปากกว้างพร้อมกับขู่คำรามเสียงดัง!
ตูม!
ทันใดนั้นผู้คุมอาญาสารคนหนึ่งถูกมังกรเขียวเขมือบรวดเดียวหายวับไปทันที!
บนท้องฟ้าเหนือนครอานุภาพ มังกรเขียวบินฉวัดเฉวียนโฉบไปมากระทั่งพลังของมันแผ่กระจายไปถ้วนทั่ว
ฉินเทียนจ้องมองไปยังมังกรเขียวที่มีความยาวหกลี้ตัวนั้น ขณะเดียวกันเขาตระหนักทันทีว่าตนประมาทฝีมือของเหล่าอัจฉริยะคนรุ่นใหม่แห่งสถาบันฝึกยุทธ์เกินไป!
ขณะนั้นมีเสียงตวาดของเหลียนว่านลี่ นางกำลังมองตรงมาทางฉินเทียน “มาเลย รับพลังฟาดของข้าให้ดีล่ะ!”
ว่าแล้วร่างของนางสั่นน้อยๆ พร้อมกันนั้นพุ่งตรงไปยังฉินเทียน เวลาเดียวกันมังกรเขียวที่โฉบอยู่บนอากาศได้แปรร่างกลายเป็นลำแสงและกระโจนเข้าสู่ดาบโค้งของเหลียนว่านลี่หายวับไป ซึ่งเป็นเวลาที่หญิงสาวทะยานถึงบริเวณเหนือศีรษะของฉินเทียน จากนั้นตวัดดาบในมือฟาดลงไปทันที!
จากนั้นเสียงคำรามดังสะท้านของมังกรกระทั่งแผ่นดินยังสั่นไหวด้วยแรงสะเทือน!
ฉินเทียนมองด้วยสีหน้าเฉยชา พลันกลางฝ่ามือปรากฏลำแสงชนิดหนึ่งค่อยก่อตัว ขณะต่อมาเขาพลิกฝ่ามือก่อนผลักขึ้นสู่เบื้องบน
ตูม!
บนท้องฟ้าปรากฏลำแสงสีขาวนวลพุ่งวาบ!
ตูม!
แสงขาวกระจ่างแตกกระจาย ร่างของเหลียนว่านลี่ถูกแรงปะทะจนกระเด็นถอยไปไกล!
ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง ทันทีที่เหลียนว่านลี่ชะงักหยุด พลันคลื่นพลังแห่งกระบี่ทะยานเข้ามาในบริเวณพุ่งตรงมาที่นั้น!
เหลียนว่านลี่สังเกตเห็น พลันสีหน้าของสตรีแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันพยายามเคลื่อนตัวเบี่ยงออกไปอีกข้าง ทว่าดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว……
ฉัวะ!
แขนข้างหนึ่งถูกตัดขาดกระเด็นหายไป!
บริเวณที่เดิมของหญิงสาวปรากฏร่างของชายชราคนหนึ่งในมือถือปลอดกระบี่ยาวเฟื้อยยืนจังก้า
ยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้แจ้ง!
ยิ่งกว่านั้นระดับกระบี่ถึงขั้นมหาเซียนกระบี่
ชายชราหาได้หยุดยั้ง ด้วยกระบี่ของเขาปรี่เข้าหาเหลียนว่านลี่และพันธนาการอีกฝ่าย ขณะนั้นกระบี่ในมือสะเทือนอย่างรุนแรงอีกทั้งพร้อมที่พุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามได้ทุกเมื่อ
เบื้องล่างชายชราคนดังกล่าว ใบหน้าของอันหลานซิ่วเผือดวูบและขยับตั้งท่าจะเคลื่อนไหวออกไป พลันชายผมประบ่าที่ประจันหน้าอยู่นั้นก้าวเท้าออกมาข้างหน้าทันที จากนั้นพลังกดดันน่าประหลาดกระจายเข้าปกคลุมหญิงสาวไว้อย่างมิดชิด
ในอากาศ หลังจากที่กระบี่ของชายชราพร้อมที่จะพันธนาการเหลียนว่านลี่แล้ว ชายชราขยับยกเท้าขวากดลงไปเพียงเบาๆ พลันกระบี่ในมือทะยานออกจากปลอกยาวเฟื้อยด้วยความเร็วอย่างยิ่ง!
ไม่ไกลนัก เหลียนว่านลี่ไร้หนทางที่จะหลบเลี่ยง นางใช้มือข้างซ้ายเงื้อดาบโค้งก่อนฟาดลงไปข้างหน้าเต็มแรง
กระบี่พุ่งถึงตัวของนางแล้ว!
ตูม!
ดาบโค้งชิงหลงสั่นสะท้านอย่างแรง บัดนี้แขนข้างซ้ายที่เหลือของเหลียนว่านลี่แตกร้าวกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ พลันโลหิตสดแดงฉานทะลักออกมากระจัดกระจาย
ณ ตอนนั้นปรากฏลำแสงกระบี่อีกลำแสงพุ่งตัดเข้ามาโดยเล็งเป้าไปยังกึ่งกลางแสกหน้าของเหลียนว่านลี่!
ณ เวลานั้นสตรีรู้ตัวดีว่าไม่อาจหยุดยั้งกระบี่นั้นได้อีกแล้ว
ขณะที่หญิงสาวค่อยปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงรำพึงอ่อนแผ่วผ่านริมฝีปาก “เยี่ยฉวน ถ้าข้าตายแล้ว เจ้าจะคิดถึงข้าไหม?”
กระบี่พุ่งแทงมาที่นาง
ฉัวะ!
โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็น!
