Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 981


บทที่ 981 : น้องของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย! (ปลาย)

หญิงสาวกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่เป็นแผนของชุมนุมผู้คุมกฎ การบุกเข้านครอานุภาพครั้งนี้ก็เพื่อน้องสาวของเยี่ยฉวน……เยี่ยหลิง ตราบใดที่ควบคุมตัวเยี่ยหลิงได้ พวกเขาก็สามารถควบคุมเยี่ยฉวนได้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนจะไม่ต่างอะไรกับอาวุธกระบี่ของพวกมัน ถึงตอนนั้นพวกเขาจะไม่เพียงได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าจากโลกมิติที่ห้า ทว่ายังได้ตัวนักฆ่ายอดผู้ฝึกกระบี่เป็นพวกอีกคน พวกเราน่าจะรู้จักพลังความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนกันแล้ว ถ้าเจ้าหนุ่มนั่นลงมือลอบสังหาร……แม้ยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้ชะตาก็ไม่อาจยับยั้งได้ อย่าว่าแต่ยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้แจ้งเลย!”

พลันสายตาจ้องเขม็งไปที่ถังเหยี่ยน “ข้าเสนอให้เราส่งคนออกไปขัดขวางชุมนุมผู้กฎทันที!”

ถังเหยี่ยนหันไปถามถังเอ้อและถังเฝิงอีกด้าน “พวกเจ้าใครมีความเห็นต่างออกไปจากนี้?”

ถังเฝิงนิ่งเงียบขณะไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “ชุมนุมผู้คุมกฎเคยได้รับการปกป้องจากเผ่าถังและเผ่าอสูร ถ้าพวกเราเคลื่อนไหวออกไปขัดขวาง ย่อมหมายความว่าต้องปะทะกันซึ่งหน้ากับพวกเขานะขอรับ!”

ถังเอ้อยิ้มเหยียดขณะแย้งว่า “เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้น ทำไมพวกเราไม่ฉวยลงมือกับพวกเขาก่อน? ถึงอย่างไร ข้าคิดว่าไม่ควรอนุมัติความช่วยเหลือนครอานุภาพขอรับ”

คนอื่นๆ พากันมองไปทางผู้พูด

ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อมาว่า “ประการที่หนึ่ง บางทีนครอานุภาพมิได้อ่อนแออย่างที่เข้าใจ อย่าลืมว่าในยุคที่เฟื่องฟูมากที่สุด คณะสถาปนาได้เผยตัวออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ พวกเขาจะต้องมีไม้ตายบางอย่างซ่อนไว้เป็นแน่ ก็เหมือนกับเผ่าถัง ใครรู้บ้างว่าเผ่าถังมีไม้ตายอะไรซ่อนไว้บ้าง ก่อนที่พวกเราจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันตรายถึงขั้นอาจถูกทำลายล้างเข้าจริงๆ ประการที่สอง คิดหรือว่าสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์จะต่างฝ่ายต่างมีร่างอวตารของผู้ก่อตั้งเพียงร่างเดียว ถ้าเกิดมีร่างอวตารที่สองเล่า? เพียงแค่เป็นร่างอวตารของคนที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนั้น……คงไม่มีทางรับมือได้แน่ ประการที่สาม ทำไมต้องออกหน้าปกป้องน้องสาวของเยี่ยฉวน? เจ้านั่นจะไม่ออกมาปกป้องน้องสาวด้วยตัวเองงั้นหรือ? ถ้าเขาจะทำ……ก็ต้องร่วมกับนครอานุภาพเพื่อปกป้องนางทุกวิถีทาง เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะนั่งดูพวกนั้นต่อสู้อยู่เฉยๆ และจะได้เห็นไม้ตายที่เยี่ยฉวนซ่อนไว้ รวมไปถึงจะได้เห็นว่านครอานุภาพจะมีไม้ตายอะไร!”

ถังเฝิงพยักหน้า “พวกเราปล่อยให้ทั้งคู่ต่อสู้กันจนอ่อนแรงทั้งสองฝ่าย จากนั้นรอจนช่วงสุดท้ายจึงค่อยออกเคลื่อนไหว”

ถังเอ้อมองไปทางถังชิงและเอ่ยยิ้มๆ ถามหญิงสาว “พี่ใหญ่ ท่านเห็นว่าอย่างไร?”

ถังชิงพยักหน้า “เจ้าทั้งสองพูดมีเหตุผล ถ้าเช่นนั้นควรให้ท่านหัวหน้าเป็นคนตัดสินใจ!”

คนถามได้ยินแล้วยิ้มน้อยๆ โดยไม่ว่าอะไร ก่อนจะมองไปที่ถังเหยี่ยน

เบื้องบนเหนือจากพวกเขาขึ้นไป ถังเหยี่ยนกล่าวว่า “พวกเราอยู่เฉยๆ และคอยจับดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นพอ”

หลังจากนั้นไม่นานเขาหันหลังกลับออกไป

ในหอโถงบรรดายอดฝีมือของเผ่าถัง ต่างทยอยกันกลับออกไปทีละคนสองคน

ด้านนอกหอโถง ถังชิงมองเหม่อไปยังท้องฟ้าไกล ท่าทีกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

นอกเขตนครอานุภาพ

ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด นครอานุภาพเพิ่มกำลังอารักขาอย่างหนาแน่น นอกจากนั้นยอดฝีมือที่อยู่นอกสถาบันฝึกยุทธ์และสำนักกระบี่ถูกเรียกกลับคืนสู่สำนักทั้งหมด

ในสถาบันฝึกยุทธ์

ในเวทีประลองของสถาบันฝึกยุทธ์ เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับชายชรา

นางมีความว่องไวเป็นเลิศประดุจภูตผีปีศาจ ทั้งการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างดุเดือดยิ่ง เล็งเป้าหมายเข้าสู่จุดตายของชายชราทุกครา อย่างไรก็ตามชายชราสกัดการจู่โจมของเด็กสาวตัวน้อยไว้อย่างง่ายดาย!

เด็กสาวคนนั้นคือเยี่ยหลิงและชายชราก็คืออู่เวิ่น ท่านจ้าวคนล่าสุดแห่งสถาบันฝึกยุทธ์!

ไม่นานทั้งสองคนหยุดปะมือกัน

อู่เวิ่นมองเยี่ยหลิงที่อยู่เบื้องหน้าอย่างพิจารณา ก่อนจะพูดว่า “ความว่องไวไม่มากพอ อีกทั้งสำนึกแห่งการต่อสู้ก็ยังไม่เพียงพอ แต่นับว่าดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก!”

เยี่ยหลิงก้มศีรษะลงเล็กน้อย “อาจารย์ปู่อู่ ข้าจะฝึกให้หนักขึ้นเจ้าค่ะ!”

คนตรงข้ามยิ้ม ชายชราค่อนข้างถูกชะตากับเด็กหญิงน้อยที่ยืนตรงหน้าอย่างมาก!

บางทีอาจเพราะสมัยที่อยู่โลกชิงฉาง เยี่ยหลิงเคยประสบกับความยากลำบากมามาก นางจึงไม่เคยทำตัวเหยาแหยะเหมือนลูกคนรวย และเป็นเด็กที่มีเหตุผลมากทีเดียว!

ชายชราอู่เวิ่นเผยยิ้มกว้าง “อย่าได้วิตกกังวลให้มากไปนักเลย รีบร้อนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ค่อยๆ ฝึกฝนไปแล้วกัน”

เยี่ยหลิงผงกศีรษะรับอย่างเชื่อฟังพร้อมกับทำท่าอ้าปากจะพูด ขณะนั้นบนท้องฟ้าเหนือหลังคาสถาบันฝึกยุทธ์บังเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องปานฟ้าผ่า จากนั้นช่องอากาศเกิดฉีกออก จนกลายเป็นหลุมลึกขนาดมหึมา ทันใดนั้นกลุ่มคนราวสามสิบคนรีบรุดออกมาประดุจสัตว์ร้ายหลุดออกจากกรง เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ปรากฏขึ้น พวกเขากระจายตัวอยู่เหนืออู่เวิ่นกับเยี่ยหลิงเสียแล้ว!

พลันสีหน้าอู่เวิ่นแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง “พวกผู้คุมอาญาสาร! ตั้งค่ายกล!”

ว่าแล้วชายชราดึงร่างเด็กสาวมาหลบไว้ข้างหลังของตนเอง ก่อนจะใช้มือข้างขวาโบกสะบัดอย่างเร่งร้อน จากนั้นปราการสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปยังกลุ่มคนชุดดำ

ลำแสงสีทองจำนวนหนึ่งพุ่งวาบ เมื่อนั้นปราการใหญ่สีทองแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระจายไป ในขณะเดียวกันลำแสงขาวนวลอีกจำนวนหนึ่งพุ่งไปที่ร่างของอู่เวิ่น!

อู่เวิ่นเขม้นมอง พลันนัยน์ตาบีบแคบลงฉับพลัน ก่อนจะรีบประกบฝ่ามือสองข้างเข้าหากัน แล้วผลักออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “หัตถ์ทูตสวรรค์!”

ตูม!

อากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าของเขาปรากฏฝ่ามือขนาดยักษ์กวาดออกไป ฝ่ามือนั่นพุ่งไปยังคนสวมดำทั้งกลุ่ม! ถึงกระนั้นก่อนที่ฝ่ามือจะไปถึงกลุ่มคนสวมดำ มันกลับแหลกสลายไปในทันที!

อย่างไรเสีย ณ ที่ห่างไกลออกไปมีเสียงกระบี่ดังกึกก้องสะท้านฟ้า ขณะต่อมาชายชราคนหนึ่งโผล่พรวดเข้ามาขวางหน้าอู่เวิ่น พลันลำแสงกระบี่เจิดจ้ากวาดออกไปดั่งท้องทะเล ส่งให้คนสวมดำทั้งหลายถูกผลักดันให้ล่าถอยห่างไปเป็นหลายสิบจั้งในคราวเดียว!

เขาคือมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดแห่งสำนักกระบี่ เยว่อู่เฉิน

นอกจากคนผู้นี้ มีบรรดาผู้ฝึกกระบี่จำนวนหนึ่งออกจากสำนักกระบี่ตรงมายังสถาบันฝึกยุทธ์แห่งนี้

ในกระบวนคนเหล่านี้มีสิบสองผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋า และสองคนในจำนวนนั้นเป็นผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้แจ้ง

บัดนี้ยอดฝีมือแห่งสถาบันฝึกยุทธ์ทุกคนได้มารวมตัวอยู่เบื้องหน้าอู่เวิ่นกับเยี่ยหลิงแล้ว คนเหล่านั้นคืออันหลานซิ่ว โม่เยี่ยและคนอื่นอีกหลายคนก็มาอยู่ที่นี่ด้วย

ไกลออกไปบนท้องฟ้า ฉินเทียนเขม้นมองคนที่อยู่เบื้องล่าง แววตาเฉยชาปราศจากความรู้สึก “ฆ่ามันทุกคน!”

ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากประโยคนี้เท่านั้น!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version