บทที่ 1235 พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?
เธอเบี่ยงไปสองก้าว หลบเลี่ยงการประคองของคนผู้นั้น มองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หันหลังหมายจะจากไป ทว่าถูกคนผู้นั้นจับข้อมือไว้
คนผู้นั้นย่อมเป็นตี้ฝูอี เขายิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “ชอบกำไลวงนี้หรือ?”
แล้วมองวัสดุของกำไลวงนั้นอย่างจริงจังแวบหนึ่ง “วัสดุของกำไลวงนี้ธรรมดาทั่วไป ไม่คู่ควรกับเจ้า ข้าเล็งไว้แล้วชิ้นนั้นดูดียิ่งนัก น่ามองกว่าหยกนภาอันนั้นของเจ้าเสีย อีกไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดู”
ไม่พูดทำเพลงอันใดจูงเธอออกเดินทันที
ฝ่าเท้ากู้ซีจิ่วเหมือนงอกรากออกมา ไม่ขยับเขยื้อนเลย “ท่านปล่อยมือนะ ข้าไม่ชอบกำไลอะไรนั่นที่ดูดีกว่าหยกนภาหรอก!”
หยกนภาก็คือหยกนภา เป็นเพื่อนของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่กำไลใดจะมาแทนที่ได้!
กู้ซีจิ่วดิ้นรนอยู่สองครั้ง เนื่องจากเขากุมไว้แน่นเกินไป เธอเลยดิ้นไม่หลุด
เธอมุ่นคิ้วนิดๆ ขณะที่กำลังจะใช้วิชายุทธ์อย่างหนึ่งปลีกตัวออกมา ตี้ฝูอีพลันออกแรงอีกครั้งดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนตนเสียเลย ครานี้เอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่โอนอ่อนลงไม่น้อย “ข้าขอโทษ! ไม่โกรธแล้วดีไหม?”
กู้ซีจิ่วไม่อยากอิรุงตุงนังกับเขาบนถนนใหญ่ “ท่านปล่อยมือก่อน”
“ปล่อยมือเดี๋ยวเจ้าก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปอีก” ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าฟังข้าอธิบายหน่อยดีไหม?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง โชคดีว่าเธอไม่ใช่ประเภทที่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ‘ข้าไม่ฟังๆ’ ลูกเดียว และเอ่ยออกมาสุขุมยิ่งนักประโยคหนึ่ง “ท่านปล่อยมือเถอะ ท่านสบายใจได้ ข้าไม่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปอีกแล้ว ข้าจะฟังท่านอธิบาย!”
ตี้ฝูอีก็ไม่กล้าโต้แย้งแล้ว ท้ายที่สุดจึงปล่อยเธอ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ที่นี่มิใช่สถานที่เหมาะสำหรับพูดคุย พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?”
….
สถานที่ที่ตี้ฝูอีหามาคือ โรงนํ้าชาแห่งหนึ่ง
ในโรงนํ้าชามีคนดื่มชาอยู่ไม่มาก สภาพแวดล้อมก็สงบเงียบยิ่งนัก เหมาะสำหรับพูดคุยกันเงียบๆ พอดี
ตี้ฝูอีชงชาให้เธอด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวสง่างามดั่งสายธารไหลริน
กู้ซีจิ่วเล่นถ้วยชาใบหนึ่งอยู่ในมือ ไม่ได้เอ่ยปากขึ้นก่อน
ตี้ฝูอีรินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง “ลองชิมชาที่ชงจากนํ้าทะเลนี่ดูสิ”
ดื่มชาที่ชงจากนํ้าทะเลได้ด้วยหรือ?
ไม่เค็มตายหรือไง?
กู้ซีจิ่วมองชาถ้วยนั้นเงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มเข้าไป
ตี้ฝูอีนั่งลงตรงข้ามเธอ “หลานจิ้งอี๋มีโรคประหลาด ไม่อาจบาดเจ็บจากคมศาสตราวุธ ยิ่งไม่อาจถูกขอดเกล็ดได้ มิเช่นนั้นนางจะตายภายในหนึ่งเค่อ การตายของชาวเงือกตามปกติแล้วไม่อาจกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ ไร้ซึ่งดวงวิญญาณ การตายเป็นการสิ้นชีพอย่างแท้จริง…”
กู้ซีจิ่วตะลึง มิน่าล่ะเธอแค่กรีดคอของอีกฝ่าย ขอดเกล็ดออกมาสองแผ่นเท่านั้น สองคนนี้ก็ทำราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ลงมือกับเธอทันที…
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ “ข้าไม่มีเจตนาจะสังหารนาง มิเช่นนั้นหัวนางคงหลุดไปนานแล้ว! การกระทำของประมุขเงือกข้าเข้าใจ เขาร้อนใจอยากช่วยเหลือน้องสาว ลงมือกับข้าก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ ข้าไม่โทษเขา แต่ว่าท่าน…”
สายตาของเธอร่อนลงบนใบหน้าตี้ฝูอี ความน้อยเนื้อตํ่าใจที่สะกดกลั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจเอ่อล้นออกมา เบ้าตาร้อนผ่าวอยู่บ้าง แต่สุ้มเสียงยัง คงสงบยิ่งนักเช่นเดิม “ท่านไม่พูดอะไรเลยก็ลงมือกับข้าแล้ว ข้าปวดใจนัก”
เขาน่าจะรู้นิสัยเธอ รู้ว่าเธอไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ
ถึงแม้เขาจะแค่ทำลายอาวุธของเธอ แต่ก็ซัดถูกมือเธอด้วย ตอนนั้นง่ามนิ้วเธอเกือบจะฉีกแล้ว ความรู้สึกปวดชานั้นจวบจนยามที่เธอร้องเพลงเมื่อครู่ก็ยังไม่เลือนหายไปทั้งหมด ราวกับทำให้เกิดแผลเป็นบางๆ สายหนึ่งขึ้นบนหัวใจเธอด้วย…
มีความขมขื่นผุดพรายออกมาจากในแผลเป็นนั้นด้วย ความขมขื่นนี้ทำให้เธอไม่อยากเจอเขาไปชั่วขณะ
นัยน์ตาตี้ฝูอีฉายแววลุแก่โทษ “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ทำร้ายมือเจ้าเข้าหรือ?”
พลางยื่นมือไปจับข้อมือขวาของเธอ คิดจะดูมือเธอ