บทที่ 1242 คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทันแล้ว?
ตี้ฝูอีเคยบอกว่า หากวิญญาณของเธอหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายอย่างแท้จริง หรือก็คือรอให้ร่างกายบรรลุขั้นแปดเช่นเดียวกันกับ วิญญาณรูปลักษณ์จะเหมือนกันกับรูปโฉมของวิญญาณทุกประการ เธอมองดูคนที่อยู่ในกระจก หรือว่านี่คือรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ?
เดิมทีเธอเป็นหญิงสาวที่งดงาม ตอนนี้ความงามของเธอยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี สิ่ง เดียวที่เธอเสียดายก็คือกำไลคู่บุพเพกับหยกนภา
กำไลคู่บุพเพนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือเธอไม่มีทางติดต่อกับหยกนภาได้อีกแล้ว…
เธอยกมือขึ้นเคาะหยกนภาที่ข้อมือ เจ้านี่กลับมาอยู่บนข้อมือเธออีกแล้ว ถึงแม้จะติดต่อกับเธอไม่ได้ แต่ก็ยังคงเปล่งแสงเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงว่าตนยังอยู่
“เสี่ยวชาง เจ้ามีอะไรมากมายอยากพูดกับข้าใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงติดต่อกัน สามครั้ง เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
นี่คือวิธีการพูดคุยที่เธอตกลงกับหยกนภา ถ้าหากเห็นด้วยให้เปล่งแสงสามครั้ง ไม่เห็นด้วยเปล่งแสงสองครั้ง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเปล่งแสงหนึ่งครั้ง
ทว่าเกมประเภทที่เล่นได้แต่ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ แบบนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก กู้ซีจิ่วก็ยุ่งมาก สองวันมานี้ได้คุยกับมันไม่ถึงสองประโยค
“เจ้าว่าข้าสวยขึ้นใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงสามครั้ง
กู้ซีจิ่วอมยิ้ม “ข้าว่ารูปโฉมนี้ของข้าคู่ควรกับตี้ฝูอียิ่งนัก หากแต่งงานกับเขาด้วยรูปโฉมเดิม ความจริงข้าก็รู้สึกกดดัน เขาสวยกว่าข้าจะตายไป เจ้า ว่าใช่หรือไม่?”
ไม่รู้ว่าหยกนภาอยากบอกอะไร มันเปล่งแสงออกมาสามครั้งก่อน ค่อยเปล่งแสงสองครั้ง หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งแสงอีกหนึ่งครั้ง
กู้ซีจิ่วมองมัน อย่างเป็นกังวล “คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทัน?”
หยกนภาไม่เปล่งแสงไปเสียดื้อๆ!
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จ้องมองแสงเทียนพลางคิดใคร่ครวญ เลื่อนถึงขั้นแปดแล้ว ต้องไปหาตี้ฝูอีให้เขาดูสักหน่อยไหมนะ?
ให้เขาเห็นความงดงามที่แท้จริงของเธอ ไม่ให้เขาใช้ความงดงามมากดดันเธออีก!
ทว่าเพิ่งแยกกับเขาได้ห้าวัน คงไม่ดีถ้าจะเข้าไปหาเขาก่อนกระมัง?
กลัวแต่มู่เฟิงจะแอบหัวเราะเยาะเธออีกที่แยกจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของเขาไปไม่ได้…
กู้ซีจิ่วไม่ใช่คนตามติดแจ เดิมทีไม่ต้องพูดถึงการอยู่ห่างกันห้าวัน ต่อให้เป็นปีเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้ว่าโหยหาความรักเป็นอย่างไร ทว่ายามนี้เธอคิดถึงตี้ฝูอีแล้ว…
ทั้งที่ตอนอยู่กับเขา เขาคอยเคี่ยวเข็ญเธอให้ฝึกฝน ราวกับเป็นครูฝึกจอมมารก็ไม่ปาน
เธอเพิ่งแยกจากเขามาแค่ห้าวัน แต่กลับเหมือนแยกจากกันมาห้าเดือน รู้สึกทรมานอยู่บ้าง…
เธอยกมือขึ้นเคาะหน้าผากตัวเองนี่เธอกำลังทารุณร่างกายตัวเองอยู่หรือไม่?
ด้านนอกมีคนกระแอมเบาๆ สาวใช้ รายงานว่ากู้เซี่ยเทียนมาแล้ว
ว่ากันด้วยเหตุผล ร่างกายของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับกู้เซี่ยเทียนแล้ว แต่เธอก็เคยครอบครองร่างกายของลูกสาวเขา ไม่แน่ต่อไปอาจได้กลับเข้าร่างนั้นอีกครั้ง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงยอมรับพ่อคนนี้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องการตัวตนนี้จริง
กู้เซี่ยเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นนาง สายตาที่มองนางค่อนข้างสับสน เสมือนดีใจและเหมือนหดหู่เล็กน้อย เขารู้สึกว่าลูกสาวคู่ควรเคียงข้างตี้ฝูอี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ที่รุดหน้าไปมาก แม้แต่รูปโฉมก็พัฒนาไม่แพ้กัน!
รูปโฉมก่อนหน้านี้ของนางถูกคนตำหนิติเตียน ยามนี้กลับกลายเป็นหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ทำให้เขารู้สึกใจหายใจคว่ำ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อเชื้อไข รูปโฉมของคนทั่วไปถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ บ้างเหมือนพ่อ บ้างเหมือนแม่ บ้างก็นำเอาส่วนดีของทั้งสองรวมกัน บ้างก็รวมส่วนเสียของพ่อแม่เอาไว้…
กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปโฉมของลูกล้วนเหมือนพ่อแม่ไม่มากก็น้อย