Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1243

บทที่ 1243 สตรีเติบใหญ่ในวัยสิบแปดปี

แต่ก่อนรูปโฉมของกู้ซีจิ่วคล้ายคลึงกับหลัวซิงหลานมารดาของนางหกส่วน คล้ายคลึงกับเขาสองสามส่วน แต่นางในยามนี้มีเพียงคิ้วตาที่คล้ายกับ หลัวซิงหลานอยู่บ้าง ส่วนที่เคยคล้ายเขาสองสามส่วนนั้นไม่มีอยู่สักนิดแล้ว

เดิมทีกู้เซี่ยเทียนมาหากู้ซีจิ่วเพื่อพูดคุยหารือเรื่องพิธีวิวาห์สักหน่อย ทว่ายามนี้พอได้เห็นกู้ซีจิ่วก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย สตรีเติบใหญ่ในวัยสิบแปดปี เป็นสตรีเติบใหญ่ในวัยสิบแปดปีโดยแท้!

กู้ซีจิ่วเพียงกระแอมเตือนคราหนึ่ง เขาถึงได้สติกลับมา ทอดถอนใจพลางเอ่ย “จิ่วเอ๋อร์ตอนนี้เจ้ามีอนาคตรุ่งโรจน์แล้ว หากว่ามารดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ล่ะก็…”

กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หากกู้เซี่ยเทียนทราบว่าหลัวซิงหลานยังมีชีวิตอยู่ และแต่งให้ผู้อื่นไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรกันนะ?

พิธีวิวาห์ครั้งนี้หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย หลัวซิงหลานคงมาปรากฏตัว เมื่อถึงเวลานั้นคาดว่ากู้เซี่ยเทียนคงราวกับถูกสายฟ้าฟาด…

สองปีมานี้กู้เซี่ยเทียนคงจะตระหนักถึงความผิดของตนแล้ว ให้เหล่าอนุภรรยาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงสองนางที่คลอดบุตรสาวให้ แต่ก็ให้พวกนางอยู่เพื่ออบรมเลี้ยงดูบุตรสาวของพวกนางเท่านั้น เขาไม่ได้ไปค้างคืนกับพวกนางอีกเลย

ทุกคืนจะพำนักอยู่ ณ เรือนเล็กที่เคยคุมขังหลัวซิงหลานไว้เมื่อปีนั้น อยู่ในเรือนที่เหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยว บอกว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหลัวซิงหลาน เขาอาศัยอยู่ในเรือนนั้นราวกับอยู่เป็นเพื่อนข้างกายนาง…

สรุปก็คือเขาระทมขมขื่นยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วกลับมาเห็นเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะปลงอนิจจัง บางคนต้องสูญเสียไปถึงจะรู้คุณค่า แต่เรื่องบางอย่างกลับถูกกำหนดให้ย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว

ยามที่กู้ซีจิ่วกลับมาเป็นวันส่งท้ายปีเก่าพอดี กู้เซี่ยเทียนให้ทั้งครอบครัวมารวมตัวกัน อนุภรรยาสองนางนั้น บุตรสาวอีกสามคน เดิมทีควรจะคึกคักครื้นเครง แต่กลับค่อนข้างอ้างว้างอย่างน่าประหลาด

คืนนั้นกู้เซี่ยเทียนดื่มจนเมามาย พอเมาก็ไม่ได้ไปที่เรือนของอนุภรรยา ยังคงพำนักอยู่ในเรือนเล็กแห่งนั้นเหมือนเดิม

กู้ซีจิ่วเดินผ่านหน้าเรือนเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นเขากอดกระบี่เล่มหนึ่งรํ่าไห้อย่างโศกตรม เรียกหา ‘อาหลาน’ อยู่ไม่ขาดปาก เรียก ‘อาหลาน’ ไปไม่กี่หน ก็เรียกหา ‘เสี่ยวนั่ว’ อีกไม่กี่หน ชายชาตรีอกสามศอกร้องไห้ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

เมื่อเขาสร่างเมาแล้ว กู้ซีจิ่วจึงไปคุยกับเขาครั้งหนึ่ง เกลี้ยกล่อมอ้อมๆ ให้เขามีบุตรกับอนุทั้งสองนาง ไม่แน่อาจจะให้กำเนิดบุตรชายได้อีก

ในยุคนี้บุรุษเป็นหลัก สตรีเป็นรอง ตระกูลที่ไม่มีบุตรชายจะถูกคนดูแคลน ถูกผู้อื่นติฉินนินทา

ตอนที่จักรพรรดิซวนยังมีชีวิตอยู่ ก็เคยกล่อมให้กู้เซี่ยเทียนรับอนุอีกสักนางเหมือนกัน ถึงขั้นที่จะมอบนางกำนัลขับร้องสองสามนางให้เขาด้วย ไม่แน่ว่านางใดนางหนึ่งอาจจะให้กำเนิดบุตรชายสืบทอดเชื้อสายของตระกูลกู้ต่อได้ แต่ถูกกู้เซี่ยเทียนปฏิเสธไปหมด

ยามนี้เมื่อ ได้ฟังกู้ซีจิ่วเกลี้ยกล่อมเช่นนี้ เขาก็ส่ายหน้า “พ่อผิดต่อแม่เจ้า ผิดต่อเทียนนั่วพี่ชายเจ้า…ดังนั้นสวรรค์จึงลงทัณฑ์ให้ชีวิตพ่อไร้ทายาทสืบสกุล พ่อยอมรับชะตากรรมแล้ว เพียงหวังให้พวกเจ้าสามพี่น้องอยู่ดีมีสุข เติบใหญ่ปลอดภัย ออกเรือนแก่คนดีๆ มั่งมีไปชั่วชีวิต เท่านี้พ่อก็พอใจแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว กู้ซีจิ่วจึงไม่เกลี้ยกล่อมเขาอีก

หนนี้กู้เซี่ยเทียนมาพูดคุยกับเธออยู่สักพักแล้วจากไป แผ่นหลังของเขาดูเปล่าเปลี่ยวอยู่บ้าง เส้นผมก็หงอกขาวไปไม่น้อยแล้ว รูปลักษณ์เฒ่าชรา

พลังวิญญาณของกู้เซี่ยเทียนคือขั้นห้าตอนกลาง คนที่อยู่ในพลังวิญญาณระดับนี้เพียงพอใหม้มีอายุขัยยืนยาวแล้ว มีชีวิตอยู่ได้กว่าหนึ่งร้อยห้าสิบปี

ส่วนกู้เซี่ยเทียนปีนี้เพิ่งอายุสี่สิบแปดปี กำลังอยู่ในวัยกลางคน ทว่ายามนี้กลับดูชราถึงเพียงนี้ ท่าทางแตกสลายไร้ชีวิตจิตใจ ทำให้คนรู้สึกสังเวชใจ

กาลเวลาคือมีดสังหารหมู ในท้ายที่สุดแล้ว ถึงทำให้ผู้คนได้รู้ว่าความเอาแต่ใจในยามนั้นสุดท้ายแล้วต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเพียงใด

ในปีนั้นกู้เทียนนั่วพี่ชายแท้ๆ ของกู้ซีจิ่วหนีเข้าสู่ป่าทมิฬด้วยความโกรธเคือง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version