Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1244

บทที่ 1244 ไม่ชมชอบรูปโฉมเช่นนี้

ในปีนั้นกู้เทียนนั่วพี่ชายแท้ๆ ของกู้ซีจิ่วหนีเข้าสู่ป่าทมิฬ ด้วยความโกรธเคือง นับแต่นั้นก็ไร้ซึ่งข่าวคราวอีก ผู้คนล้วนคิดว่ากู้เทียนนั่วสิ้นชีพไปแล้ว แน่นอน แต่กู้ซีจิ่วกลับทราบว่าเขายังไม่ตาย…

เนื่องจากเธอรู้ว่าตี้ฝูอีเป็นวิชาเรียกวิญญาณจึงเคยคิดให้เขาเรียกวิญญาณของกู้เทียนนั่ว ผลคือท่านเทพใหญ่ผู้กล่าวว่า ‘เขายังไม่ตาย จะเรียกวิญญาณไปทำไม’

ยามนั้นกู้ซีจิ่วประหลาดใจยิ่งนัก ซักไซ้ไล่เรียงถึงสาเหตุและที่ไปของกู้เทียนนั่ว คาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะเริ่มทำตัวเป็นพวกชอบอุบแล้ว กล่าวเพียงว่า ‘ความลับสวรรค์มิอาจแพร่งพราย’ แล้วเบี่ยงประเด็นไปเสีย ไม่เอ่ยถึงอีก

ยามนี้กู้ซีจิ่วนึกถึงพี่ชายที่ไม่เคยพบหน้ากันคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย หากกู้เทียนนั่วสามารถกลับมาได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็…

ตามธรรมเนียมของอาณาจักรเฟยซิง เมื่อบุตรสาวออกเรือน ให้พี่ชายน้องชายส่งเข้าพิธีจะดีที่สุด บางทีเธอควรไปถามตี้ฝูอีอีกครั้งว่าสรุปแล้วกู้เทียนนั่วอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วหาทางพาเขากลับมา…

ในที่สุดเธอก็หาเหตุผลไปพบตี้ฝูอีอย่างผ่าเผยชอบธรรมได้แล้ว จึงออกเดินทางทันที ใช้วิชาเคลื่อนย้ายติดต่อกันไม่กี่ครั้ง ก็มาถึงในวังค้ำนภาแล้ว

เดิมทีวังคํ้านภามีเขตแดนพิเศษชนิดหนึ่งอยู่ สามารถระงับวิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วได้ แต่คราวนี้หลังจากตี้ฝูอีพากู้ซีจิ่วกลับมา เขาก็ยกเลิกข้อจำกัดนี้ ทำให้กู้ซีจิ่วสามารถเคลื่อนย้ายมาที่วังได้อย่างอิสระ…

ล่วงเข้ายามดึกแล้ว กู้ซีจิ่วเดาว่าเวลานี้ตี้ฝูอีน่าจะฝึกฝนวรยุทธ์หรือไม่ก็นอนหลับอยู่ ดังนั้นเธอจึงตรงไปที่ห้องนอนของเขา นึกไม่ถึงว่าจะพบกับความว่างปล่า ตี้ฝูอีไม่อยู่ในห้องนอน เขาไปมาไร้ร่องรอยเสมอมา การที่เขาไม่อยู่ในวังเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะผิดหวังอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้ประหลาดใจอะไร คิดว่าเพื่อไม่ให้ตัวเองมาอย่างเสียเที่ยว จึงมุ่งตรงไปที่ตำหนักนํ้าแข็งหลังนั้นเสีย เลยร่างเดิมของเธอยังนอนอยู่ในโลงแก้วผลึก

ใบนั้น เนื่องจากต้องใช้พลังวิญญาณของเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยคอยหล่อเลี้ยง ดังนั้นสัตว์เลี้ยงแสนรักสามตัวนี้ของกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้ติดตามกู้ซีจิ่วไปที่จวนแม่ทัพด้วย ยังรั้งอยู่ที่นั่น กู้ซีจิ่วเลยคิดจะไปเยี่ยมพวกมัน เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปโผล่ที่นอกตำหนักนํ้าแข็งหลังนั้นโดยตรง ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยอยู่ด้านใน

“พี่เขย ร่างนี้เป็นร่างที่ท่านเตรียมไว้ฟื้้นคืนชีพให้พี่สาวข้าใช่ไหม? ดีเหลือเกิน ดูจากคุณสมบัติของร่างนี้ คุณสมบัติด้านพลังวิญญาณอยู่ที่ขั้นแปดแล้ว!”

เสียงนี้กระจ่างใสนัก ไพเราะเพราะพริ้งยิ่ง ทว่ามือเท้าของกู้ซีจิ่วพลันเย็นเฉียบ กลั้นลมหายใจ เจ้าของเสียงนี้คือหลานจิ้งอี๋!

“พี่หวง ร่างนี้ดูคล้ายแม่นางกู้ยิ่งนัก หรือว่าเป็นนาง…นางประสบอุบัติเหตุอันใดขึ้น ?”

อีกเสียงหนึ่งแว่วขึ้นมา เป็นหลานเหยากวงประมุขเผ่าเงือกผู้นั้น

“นางสบายดี อย่าคาดเดาส่งเดชเลย” ในที่สุดเสียงของตี้ฝูอีก็แว่วขึ้นมาในตำหนักยังคงเยือกเย็นดึงดูดเช่นที่ผ่านมา

“เช่นนี้ร่างนี้คืออะไร? เตรียมไว้ให้พี่หญิงจริงๆ หรือ?” เสียงของหลานเหยากวงเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายวนรอบโลงแก้วผลึกใบนั้นรอบหนึ่ง “กลิ่นอายบนร่างนางคล้ายคลึงกับพี่หญิงมากจริงๆ…”

จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ “พี่หวงเป็นคนซื่อสัตย์ผู้หนึ่งโดยแท้ เมื่อก่อนกล่าวไว้ว่าจะเสาะหาร่างกายเพื่อคืนชีพให้พี่หญิงอีกครั้ง ที่แท้ก็เป็นความจริง คุณสมบัติของร่างนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก กลิ่นอายก็คล้ายคลึงกันมาก ที่หาได้ยากกว่าคือฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นแปดแล้วจริงๆ พินิจจากรูปโฉมแล้วอายุยังน้อยนัก ภายหน้าย่อมมีอนาคตรุ่งโรจน์สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งจริงๆ ดูเหมือนการคืนชีพให้พี่หญิงจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว”

“แต่ข้าไม่ค่อยชอบรูปโฉมเช่นนี้เท่าไหร่” นํ้าเสียงหลานจิ้งอี๋คล้ายยังมีความขุ่นเคืองอยู่ กู้ซีจิ่วเกือบปลิดชีวิตนางแล้ว ร่างที่เห็นในยามนี้คล้ายคลึงกับกู้ซีจิ่วถึงแปดส่วน นางจึงรู้สึกคับข้องใจอยู่บ้าง

“จิ้งอี๋! อย่าพูดเหลวไหล! เรื่องในวันนั้นจะโทษแม่นางกู้ไม่ได้ ถ้าเจ้าพูดจาไม่ให้เกียรตินางอีกอย่าได้โทษที่พี่จะกักบริเวณเจ้า!”

ประมุขเผ่าเงือกขุ่นเคืองแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version