บทที่ 1300 ไอ้สารเลวคนใดที่กล้ารบกวนการนอนของข้าผู้เฒ่า?
อย่างมากก็ต้องสิ้นเปลืองพลังยุทธ์ก่อสังขารใหม่ขึ้นมาเท่านั้นเอง ความยุ่งยากเพียงอย่างเดียวคือ พลังยุทธ์ของสังขารใหม่จะตํ่าต้อย ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาชมชอบการเสี่ยงภัยสนุกสนานที่ได้ทำกิจกรรมโลดโผนท้าทายตัวเองเพียงแต่เขายังไม่เคยพลาดท่ามาก่อนเลย ดังนั้นนับตั้งแต่สี่ทูตติดตามเขา ก็ยังไม่เคยเห็นเขาเล่นสนุกจนตัวเองตายแล้วต้องประกอบร่างขึ้นใหม่เลย วิธีนี้เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่าออกมาเอง สี่ทูตยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน…
ในตาค่ายกลของยอดเขาที่แปดนั้นไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ อุปกรณ์สื่อสารใดๆ ล้วนไม่มีประโยชน์ ดังนั้นสี่ทูตก็ติดต่อเขาไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงสวดภาวนาต่อฟ้าดินอยู่ที่นี่ ขอร้องให้ปกปักษ์รักษาท่านเทพศักดิ์มากๆ หน่อย…
เนื่องจากก่อนออกเดินทางตี้ฝูอีได้มอบหมายกิจธุระทั้งหมดให้พวกเขา พวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ต้องไปจัดการตามที่ควร ดังนั้นสี่ทูตจึงจากไปด้วยด้วยความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง…
….
เมื่อคืนกู้ซีจิ่วดื่มจนเมามายอยู่บ้าง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนทราบกันถ้วนหน้า ดังนั้นทุกคนจึงนึกไปว่าวันนี้เธอคงตื่นสายมากเป็นแน่ และไม่มีใครมาเรียกเธอ
เมื่อเห็นว่าเที่ยงแล้ว ก็ยังไม่เห็นเธอออกมากินข้าว หลัวจั่นอวี่จึงค่อนข้างฉงน มาเคาะประตูเรียกเธอ เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ลงสลักไว้ จึงผลักประตูเข้าไป จากนั้นก็พบว่ากู้ซีจิ่วไม่อยู่ในบ้าน เพียงทิ้งกระดาษไว้บนโต๊ะแผ่นหนึ่ง ‘ข้าไปเก็บสมุนไพร จะกลับมาตอนเย็น’
และภายในเรือนมีเพียงเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้นกำลังนอนหลับ นํ้าลายไหลยืดอยู่ หลับจนลืมวันลืมคืน
หลายวันมานี้วิถีชีวิตของเจ้าหอยยักษ์มีชีวิตชีวามากจริงๆ ส่วนใหญ่กู้ซีจิ่วเลี้ยงพวกมันสามตัว แบบปล่อยตามอัธยาศัย ดังนั้นหลายวันมานี้เจ้าหอยยักษ์จึงออกไปล่าสัตว์กับลู่อู๋น้อยทุกวัน มุดหัวอยู่ในภูเขาด้านหลัง กินจนท้องป่อง ยามคํ่าถึงกลับทุกวัน
เมื่อคืนมันตามไปกินเนื้อดื่มสุราด้วย กินเนื้อไปไม่น้อยเลย และดื่มสุราไปค่อนข้างมาก ตอนนี้ยังคงเป็นหอยที่กรึ่มสุราอยู่ หุบฝานอนกรนคร่อกๆ อยู่ตรงนั้น เนื่องจากยังกรึ่มๆ อยู่ ฝาของมันจึงปิดไม่สนิท นํ้าลายไหลยืดออกมา
หลัวจั่นอวี่ตบปลุกมัน มันตื่นขึ้นอย่างมีน้ำโหอ้าฝาร้องด่าคน “ไอ้สารเลวคนใดที่กล้ารบกวนการนอนของข้าผู้เฒ่า?”
หลัวจั่นอวี่แทบอยากจะถีบมันสักที!
เจ้าหอยตัวนี้ปกติก็นับว่าเป็นหอยที่มีมารยาทตัวหนึ่ง แต่ระยะนี้คลุกคลีกับชายฉกรรจ์หยาบโลนนานไปหน่อย มันจึงได้เรียนรู้คำศัพท์มาเต็มท้อง เมื่อไม่เมาก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ยามนี้ยังกรึ่มๆ อยู่จึงธาตุแท้ออกมา
หลัวจั่นอวี่ถามถึงร่องรอยของเจ้านายมัน มันงุนงงยิ่งกว่าหลัวจั่นอวี่เสียอีก ดวงตาหรี่ปรือ ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่รู้ เจ้านายไม่ได้แจ้งข้าไว้”
“เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่านางจะไปเก็บสมุนไพรอะไร?”
เจ้าหอยยักษ์กลอกตา “ผู้เฒ่าจะไปรู้ได้อย่างไร?!”
หลัวจั่นอวี่โมโหขึ้นมาแล้ว “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยเห็นนางหลอมมโอสถมาหลายครั้งแล้วหรอกหรือ? มีสมุนไพรชนิดใดลดน้อยลงบ้าง?”
เจ้าหอยยักษ์ไม่สบอารมณ์ “การหลอมโอสถน่าเบื่อจะตายชัก! ผู้เฒ่ามองนางหลอมโอสถไปหลับไปอยู่บ่อยๆ จะรู้ได้ยังไงว่าสมุนไพรชนิดไหนของนางลดลงบ้าง?”
หลัวจั่นอวี่พูดไม่ออกแล้ว เขาข่มเพลิงโทสะเอาไว้ “เช่นนั้นลู่อู๋กับเพรียกวายุเล่า?”
เจ้าหอยยักษ์ชี้ไปที่บนเตียง “ลู่อู๋อยู่บนเตียง ส่วนเพรียกวายุ…”
มันกวาดตามองรอบเรือน “โอ้ เพรียกวายุไม่อยู่ น่าจะแบกเจ้านายไปเก็บสมุนไพรกระมัง เมื่อคืนมันก็ไม่ได้ดื่มสุราเท่าไหร่ด้วย…”
หลัวจั่นอวี่นวดคลึงหว่างคิ้ว “ภูเขาด้านหลังอันตรายมาก เจ้านายของเจ้าไปเพียงลำพังอันตรายเกินไปแล้ว ประสาทการรับกลิ่นของเจ้ายอดเยี่ยมมากมิใช่หรือ? พาข้าไปหานางสิ”
เจ้าหอยยักษ์ไม่แยแส “นางไม่เป็นไรหรอก สัตว์ร้ายในภูเขาด้านหลังระดับสูงสุดก็คือขั้นเจ็ด นางเป็นยอดฝีมือขั้นแปด มีแต่นางที่จะไปทำร้ายสัตว์ ไม่ถูกสัตว์ทำร้ายหรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว “สัตว์ร้ายบนภูเขาด้านหลัง ถึงแม้ระดับจะไม่นับว่าสูงจนเกินไป แต่ก็มีมากมายที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง หากถูกล้อมไว้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นแปดก็หนีไม่รอด นางตัวคนเดียวอันตรายเกินไปแล้ว!”