บทที่ 1318 ช่วยชีวิต 4
หลัวจั่นอวี่จึงเล่าเหตุการณ์ตอนที่ตี้ฝูอีเข้ามาให้นางฟังคร่าวๆ
กู้ซีจิ่วมองไปทางเจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ตรงมุมห้อง เจ้าหอยยักษ์หดตัว “เจ้านาย ข้าพยายามอย่างที่สุดแล้ว…”
“ตอนเจ้าเจอข้า เหตุใดไม่บอกในทันทีว่าเขามาหาข้า โดยได้รับบาดเจ็บ กลับมัวแต่พูดจาไร้สาระก่อน!”
หากเจ้าหอยยักษ์พูดออกมาในตอนนั้น เธอต้องช่วยเขาก่อนแน่นอน…
บางทีอาจจะช่วยรักษาได้เร็วกว่านี้หน่อย
เจ้าหอยยักษ์ไม่มีคำใดมาโต้แย้ง หดหัวเข้าไปในเปลือกหอย ดูเหมือนคำพูดแรกที่มันพูดตอนเจอเจ้านายคือชื่นชมความกล้าหาญของนาง เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้มันพูดต่อ เจ้านายก็พาคนเคลื่อนย้ายในพริบตาหนีไปแล้ว…
ยามนี้ไม่ใช่เวลาตามหาว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ใด กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ให้หลัวจั่นอวี่กลับไปพักผ่อนก่อน ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอมห่างจากกายตี้ฝูอีอย่างแน่นอน
หลัวจั่นอวี่เกลี้ยกล่อมนางไม่ได้ จึงทำได้แค่บังคับให้นางกินอาหารที่ช่วยบำรุงนั้นลงไป ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าตี้ฝูอีทางนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เขาจึงอยากให้กู้ซีจิ่วไปดูไป๋หลี่เช่อสักหน่อย
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องดูอีก ถึงแม้ข้าไม่ได้ผ่าตัดเขาให้เสร็จเรียบร้อย แต่ข้าเชื่อมต่อกล้ามเนื้อและเส้นเลือดหลักที่สำคัญอย่างเช่นเส้น ประสาทและกระดูกให้แล้วท่านให้ยาเขาอีกหน่อย…”
เธอพูดชื่อยาหลายชนิดนั้น และให้หลัวจั่นอวี่ไปดูแลไป๋หลี่เช่อเอง
เห็นได้ชัดมากว่านางไม่มีทางขยับเขยื้อนไปไหนอีกอย่างแน่นอน
หลัวจั่นอวี่มองดูนาง “ซีจิ่ว เจ้ารักเขาใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วชะงักงัน มองดูตี้ฝูอีที่อยูบนเตียง และไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้า…เขาทำเรื่องอันใดผิดต่อเจ้าใช่หรือไม่?” หลัวจั่นอวี่อยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวสักเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง เรื่องของเธอกับตี้ฝูอีซับซ้อนเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาได้ในไม่กี่ประโยค อีกอย่างเธอไม่ใช่คนที่ชอบบอกเล่าความรู้สึกตัวเองให้คนอื่นฟัง ดังนั้นจึงส่ายหน้า “ท่านพี่ ข้าเหนื่อย ไม่อยากพูดเรื่องเหล่านั้น”
หลัวจั่นอวี่มองใบหน้าอันซีดเผือดของนาง ก็ไม่อยากบังคับนางแล้วเช่นกัน หลังกำชับนางอยู่สองประโยคค่อยหันกายเดินจากไปก่อน
รุ่งเช้าวันถัดมา เขายังไม่วางใจน้องสาว จึงมาหาอีกรอบ เห็นกู้ซีจิ่วกำลังเช็ดหน้าผาก ใต้วงแขน และบริเวณอื่นให้ตี้ฝูอียุ่งเสียยิ่งกว่าผึ้งงานเสียอีก
“เขาเป็นอะไรไป?” หลัวจั่นอวี่มองๆ ตี้ฝูอี เขายังคงไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมา
“เมื่อคืนเขาไข้ขึ้น ตอนนี้ไข้เพิ่งจะลด…” กู้ซีจิ่วถ่างตาที่ขอบตาดำคลํ้าตอบกลับ
หลัวจั่นอวี่เป็นทุกข์ยิ่งนัก ไม่ต้องถามเลยว่ากู้ซีจิ่วคอยดูแลเขาอยู่ที่นี่ทั้งคืนจริงๆ ไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย
หลัวจั่นอวี่ก้าวไปด้านหน้าตรวจวัดชีพจรของตี้ฝูอี สภาพแทบจะเหมือนกันกับเมื่อคืน เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลยหรือ?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ใช่…ใช่แล้ว บางทีเมื่อคืนตอนข้าผ่าตัดให้เขาอาจใช้ยาชามากเกินไป จึงทำให้เขานอนหลับอยู่อย่างนี้…พี่ ท่านจับชีพจรของเขาแล้วรู้สึกมีความคืบหน้าจากเมื่อคืนหน่อยหรือไม่?”
ชัดเจนว่าทักษะการแพทย์ของเธอสูงกว่าหลัวจั่นอวี่ สิ่งที่หลัวจั่นอวี่มองออกเธอก็ย่อมต้องมองออก เพียงเพราะจิตใจที่เฝ้าปรารถนาให้เขาดีขึ้นมานั้นมีมากเกินไป จึงสูญเสียความสามารถในการวิเคราะห์ตัดสิน หวังแต่เพียงว่าตัวเองจะมองผิดไป…
หลัวจั่นอวี่มองสายตาที่คาดหวังของนาง ฝืนใจพูดความจริงออกไปไม่ไหว จึงพยักหน้ารับ “อืม ดีกว่าเมื่อคืนเล็กน้อย ซีจิ่ว เจ้าอย่าใจร้อนเกินไป เขาบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นฟื้นขึ้นมาช้าก็เป็นเรื่องปกติแล้ว ดีร้ายอย่างไรเขาก็ไม่ได้อาการทรุดหนักลงไม่ใช่หรือ?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้ากล่าวโดยสัญชาตญาณว่า “นั่นก็จริง หลังการผ่าตัดยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาอันตรายที่สุด ตอนนี้ยังไม่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็ม ไม่ทรุดหนักลงก็แปลว่าดีแล้ว…”