บทที่ 477
พบพานในบ่อน้ำพุร้อนอีกครา 5
เนื่องจากกู้ซีจิ่วเคยศึกษาโครงสร้างสรีระมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง ยามที่เธอมองดูผู้คนก็จะมองวิเคราะห์โครงสร้างสรีระของอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ
ปฏิกิริยาแรกในสมองคือลงดาบส่วนไหนถึงจะเหมาะสม จุดอ่อนคือตรงไหน แทบจะกลายเป็นปฏิกิริยาที่ทำด้วยความเคยชินไปแล้ว…
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นร่างเปลือย ปฏิกิริยาที่ทำตามความเคยชินนี้ก็จะรุนแรงขึ้น
แต่ตอนที่ได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของตี้ฝูอี เธอกลับไม่มีปฏิกิริยานั้นเลย เพียงทึ่งกับเรือนร่างของเขาเท่านั้น…
คนผู้นั้นไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่ล่มเมืองได้ กระทั่งเรือนร่างก็ยังเย้ายวนถึงเพียงนี้!
แม้แต่ยอดถันบนหน้าอกก็ยังสมบูรณ์เแบบยิ่งนัก…
เพียงแต่น่าเสียดายที่ยามนั้นเขานั่งอยู่ ซ้ำยังมีเรือนผมบดบังอยู่กึ่งหนึ่ง เธอจึงมองไม่เห็นส่วนสำคัญที่สุด…
บ้าแล้ว! หยุดเลยนะ! หยุดเดี๋ยวนี้!
นี่เธอกำลังคิดเหลวไหลอะไรอยู่?!
กู้ซีจิ่วหน้าแดงเหมือนกุ้งสุก
“เจ้านาย ทำไมท่านหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ? ท่านฝันอะไรหรือ?” หนูน้อยที่อยู่ในหอยยักษ์ถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“แง้ว…” เจ้าลู่อู๋ที่ไม่รู้ว่าปีนมาจากตรงไหน กระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่เธอ มองดูเธอด้วยนัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วยื่นอุ้งเท้าน้อยๆ ข้างหนึ่งคูไถใบหน้าเธอ ร้องเสียงแหลมอีกครา ราวกับมันก็สงสัยมากเช่นกัน
ถูกดวงตาสองคู่จับจ้องเช่นนี้ ใบหน้ากู้ซีจิ่วจึงร้อนฉ่าจนแทบหอดไข่ได้!
เธอกระแอมไอ ก่อนคว้าเจ้าลู่อู๋ลงมาจากไหล่เป็นอันดับแรก “เจ้าวิ่งออกมาทำไม? รีบไปนอนซะ! ลูกสัตว์ควรนอนให้มากๆ ถึงจะ เติบโตได้ดี!”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ยัดมันเข้าไปในถุงเก็บของ จากนั้นก้มหน้ามองเจ้าหอยยักษ์ที่ยังคงนอนอ้าฝาอยู่ จู่ๆ เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยิบมันขึ้นมา “เจ้าหอยยักษ์’ เจ้าเล่นเล่ห์ใช่หรือไม่?!”
เธอยังจำเรื่องที่หอยชั่วตัวนี้เคยนำเธอเข้าสู่ภาพมายา ทำให้เธอเห็นร่างเปลือยล่อนจ้อนของตี้ฝูอีได้…
บางทีคราวนี้เจ้าหอยบัดซบอาจจะเล่นเล่ห์กลอีกก็เป็นได้!
เจ้าหอยยักษ์ทำสีหน้ามึนงง “อ…อะไรนะ?”
“เจ้าทำให้ข้าเข้าสู่ภาพฝันมายาอีกแล้วใช่ไหม?”
เจ้าหอยอุบาทว์ตัวนี้!
“ไม่ใช่! ไม่ใช่เด็ดขาด!” เจ้าหอยยักษ์ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้านาย ข้าเคยบอกไปแล้วไง หลังจากทำพันธสัญญาโลหิตนั้นแล้ว ข้าก็ทำให้ท่านต้องพิษมายาหลอนลวงอีกไม่ได้แล้ว…”
“เจ้าไม่ได้เล่นเล่ห์จริงๆ หรือ?”
“ไม่ใช่แน่นอน!” เจ้าหอยยักษ์กล่าวอย่างหนักแน่น
เอาเถอะ เช่นนั้นก็เชื่อมันสักครั้งแล้วกัน กู้ซีจิ่ววางมันลง
แล้วเหตุใดตนถึงได้ฝันเช่นนี้เล่า?
กู้ซีจิ่วค่อนข้างใจลอย เจ้าหอยยักษ์กระเถิบร่างเข้าใกล้เธอ อย่างไรเสียมันก็ใช้ภาพมายาอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังชำนาญด้านนี้ ดังนั้นมันจึงคาดเดาได้ “เจ้านาย เมื่อกี้ท่านต้องฝันอะไรแน่เลย? ฝันร้าย? ฝันหวาน?”
มองดูพวงแก้มที่ซับสีแดงจางๆ ของกู้ซีจิ่วอีกครา มันคาดเดาสิ่งที่เข้าเค้าที่สุดออกมา “คงมิใช่ว่าฝันวาบหวามอะไรทำนองนั้นกระมัง?!”
‘ปัง!’ กู้ซีจิ่วฟาดจนฝามันปิดลง
ด้วยเหตุนี้เจ้าหอยยักษ์จึงกระจ่างแจ้ง มันพยายามอ้าฝาออก “ดูท่าจะเป็นฝันวาบหวามจริงๆ เสียด้วย ท่านฝันถึงใครกัน? สุภาษิตกล่าวไว้ดี กลางวันคิดคำนึง กลางคืนใฝ่ฝันหา ผู้ที่ท่านฝันถึง…คือหลงซือเย่สินะ?”
กู้ซีจิ่วสั่นสะท้าน ปรายตามองมัน “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”
เจ้าหอยยักษ์เอ่ย “ไม่ได้พูดเหลวไหลสักหน่อย แค่รู้สึกว่าท่านกับหลงซือเย่ช่างสมกันโดยแท้ ตอนอยู่ในป่าทมิฬเขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือท่าน และถึงแม้ท่านจะเย็นชากับเขายิ่งนัก แต่พอเห็นเขาเผชิญวิกฤตก็ไม่ทอดทิ้ง ทั้งที่หนีพ้นแล้วชัดๆ กลับเสี่ยงชีวิตเคลื่อนย้ายกลับไปต่อสู้กับศพพิษสองตัวนั้นร่วมกับเขา อีกทั้งพวกท่านยังเข้าขากันมากด้วย ประหนึ่งกระบี่คู่สอดประสาน ว่ากันตามจริง พวกท่านทั้งสองคนเหมือนคู่รักที่ทั้งรักทั้งแค้น…ท่านฝันวาบหวามถึงเขาจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“เจ้าหอยยักษ์ข้ารู้สึกว่าเจ้าถนัดด้านการพูดจาเหลวไร้สาระเหลือเกินนะ อยากให้ข้าป้อนยาใบ้เพื่อให้เจ้าหุบปากหรือไม่?”