Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 14

บทที่ 14

ละครฉากใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว

มุมปากของกู้ซีจิ่วยกโค้งขึ้นเล็กน้อย แม่รองของร่างนี้ ที่ปัจจุบันกลายเป็นฮูหยินแม่ทัพแล้ว มีงานอดิเรกที่ไม่ได้มีพิษมีภัยสักเท่าใดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือในฤดูหนาวนางชื่นชอบให้กู้ซีจิ่วผู้เป็นบุตรสาวภรรยาเอกไปผ่าฟืนแล้วนำมาเผาอบเป็นถ่านไม้ด้วยตัวเอง อีกทั้งปริมาณที่ต้องการก็ไม่ใช่น้อยๆ เสียด้วย ดังนั้นกิจวัตรประจำวันของกู้ซีจิ่วหลังจากชำระร่างกายตนเองให้เรียบร้อย ก็ต้องไปที่ โรงฟืนเพื่อช่วยผ่าฟืนให้แก่ฮูหยินผู้นี้…

กู้ซีจิ่วยกมือขึ้นนวดคลึงตรงหว่างคิ้วเบาๆ ร่างกายที่อ่อนแอนี้เริ่มดีขึ้นมากแล้ว นางบำรุงรักษาร่างกายตนเองให้ดีขึ้นได้ แต่ปานขนาดใหญ่บนหน้าผากนี้ไม่ สามารถลบออกไปได้

ภายนอกเรือนปรากฏเสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวายขึ้น ประตูเรือนของนางถูกทุบจนดังกึกก้องไปทั่ว กู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้านในที่สุดสิ่งที่ควรจะมาก็มาได้เสียที ละครฉากใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว เธอค่อยๆ บรรจงหวีผมช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ล้างหน้าช้าๆ แล้วจึงเดินเยื้องกรายออกจากห้องมาที่กลางเรือน

ด้านนอกเรือนมีเสียงผู้คนกำลังถกเกียงกันอยู่อย่างดุเดือด

“นางแอบออกไปหาชายอื่นจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ได้อยู่เรือน ใช่หรือไม่?”

“แน่นอนอยู่แล้วเมื่อคืนมีคนเห็นว่านางปีนกำแพงออกไป นางยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกระทำเรื่องไม่เหมาะสมเช่นนี้!”

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าข้าไม่ควรฝึกฝนให้นางพึ่งพาตนเอง โดยส่งให้นางมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ยามนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ทำให้วงศ์ตระกูลต้องได้รับความอัปยศอดสูยิ่งนัก!” มีนํ้าเสียงนุ่มนวลเจือความขมขื่นของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น นี่ย่อมเป็นเสียงของกู้ฮูหยินคนปัจจุบัน

“ท่านแม่ น้องเจ็ด น้องห้า ตอนนี้ไม่มีหลักฐานอะไร พวกเราไม่ควรคาดเดาส่งเดช ควรไปดูในเรือนให้เห็นกับตาก่อนว่าจริงหรือไม่” นํ้าเสียงอบอุ่นอ่อนโยนนี้เป็นของกู้เทียนฉิง พี่สาวคนโตของเธอ

“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่ากู้ซีจิ่วจะเป็นคนเช่นนี้! ปกติแล้วนางก็ดูคล้ายอยู่ในโอวาทดี” เสียงนี้ค่อนข้างเยือกเย็นแจ่มใส ต้องขอบคุณความทรงจำที่เจ้าของร่างคนเดิมเหลือไว้ทำให้กู้ซีจิ่วรู้ว่านี่คือเสียงคู่หมั้นราคาถูกของนางที่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยามอยู่ในครรภ์

“ท่านอ๋องย่อมไม่ทรงทราบเพคะ บางคนก็ปกปิดธาตุแท้ไว้ได้อย่างเก่งกาจ น้องหกของหม่อมฉันปกติแล้วดูเป็นคนน่าเอ็นดู แต่ธาตุแท้เป็นเช่นไรจะมีผู้ใดทราบได้ทรงอย่าลืมสิเพคะว่ามารดาของนางก็ทอดทิ้งสามีแล้วหนีตามผู้อื่น…”

“หุบปากไปซะ! พวกเจ้ามานี่ พังประตูซะ!” นํ้าเสียงทุ้มกังวานกึกก้องเสียงหนึ่งดังขึ้น นี่ก็คือแม่ทัพกู้ แม่ทัพประจำรัชสมัยนี้ กู้ซีจิ่วไม่ได้เห็นใบหน้าที่แสนเย็นชาของบิดามาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ดีเหลือเกิน วันนี้มีผู้คนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา เห็นทีว่าผู้ที่วางอุบายนี้คงต้องการเล่นงานนางถึงตาย ไม่เหลือทางรอดแก่นางเลยสักทาง ประตูหน้าทั้งสองบานของเรือนนี้ทำมาจากไม้ธรรมดา เมื่อถูกคนกระแทกก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย ผู้คนราวสิบกว่าคนต่างกรูกันเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน…

คนเหล่านี้เข้ามาด้วยท่าทางหาเรื่อง แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นสตรีเยาว์วัยยืนพิงประตูห้องอยู่ แต่ละคนแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป

โดยเฉพาะคู่หมั้นราคาถูกของกู้ซีจิ่ว องค์ชายสิบสองซีอ๋องหรงเหยียนและกู้ฮูหยิน รวมถึงกู้เทียนฉิงที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย…

แม่ทัพกู้เป็นผู้ที่ได้สติก่อนใคร แววตาดุดันราวกับเสือจับจ้องไปยังกู้ซีจิ่ว สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ “นี่มันเรื่องอะไรกัน! เจ้าอยู่ด้านใน แล้วทำไมไม่มาเปิดประตู”

กู้ซีจิ่วยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น เหลือบมองผู้คนที่เข้ามาด้วยสายตาเย็นชาอยู่สักพัก แล้วสุดท้ายจึงมองไปที่แม่ทัพกู้ “ท่านแม่ทัพกู้ ตัวข้านั้นจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ นับเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างแท้จริง ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว เคยเห็นคุณหนูคนใดมาเปิดประตูด้วยตนเองเช่นนั้นหรือ?”

ถึงแม้ว่ากู้ซีจิ่วจะมีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเสียงที่ไพเราะ โดยเฉพาะนํ้าเสียงที่นางใช้กล่าวออกมา ในตอนนี้ช่างเย็นยะเยือกราวกับกระดิ่งน้ำแข็งดังกังวานอยู่ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version