บทที่ 15
ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว!
ทุกคนตกอยู่ในสภาพงงงวย ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้ซีจิ่วที่ตามธรรมดาแล้วจะพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเมื่อพบปะผู้คน ได้แต่นิ่งเงียบไม่หือไม่อือมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะสามารถใช้ถ้อยคำเช่นนี้ถามกลับมาซึ่งๆ หน้าได้ ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือนางไม่เรียกขานท่านพ่อ แต่กลับเรียกว่าท่านแม่ทัพกู้…
สีหน้าของทุกคนซับซ้อน แต่ก็ไม่มีใครกล่าวได้เต็มปากว่าคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่มีเหตุผล
ในตระกูลชนชั้นสูง อย่าว่าแต่บุตรสาวภรรยาเอกเลย ต่อให้เป็นบุตรสาวอนุ ข้างกายก็ยังมีสาวใช้ถึงหกเจ็ดนาง คอยติดตามรับใช้เป็นพรวน เรื่องธรรมดาเช่นการเปิดประตูย่อมไม่รบกวนให้ถึงมือคุณหนูผู้สูงศักดิ์…
สีหน้าของแม่ทัพกู้เซี่ยเทียนเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหลิ่งเซียงอวี้ฮูหยินคนปัจจุบันของตน ในแววตาแฝงการตำหนิไว้จางๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ข้างกายนางไม่มีสาวใช้เลยแม้แต่คนเดียวออกจะเกินไปหน่อยแล้ว! โดยเฉพาะต่อหน้าองค์ชายและคนอื่นๆ เช่นนี้..
เหลิ่งเซียงอวี้เป็นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ถึงแม้อายุใกล้จะ 40 แล้ว แต่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวน เห็นได้ชัดว่าบำรุงตนเองอย่างดี นางเองก็เป็นบุตรีในตระกูลใหญ่ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนมีบุคลิกของสตรีสูงศักดิ์
ปกติแล้วนางมักจะปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วอย่างโหดร้าย กู้ซีจิ่วแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กล้าฟ้องบิดาตน ประกอบกับยามปกติแล้วกู้เซี่ยเทียนไม่ต้องการเห็นหน้าบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ ปีสองปีแทบไม่ได้พบหน้ากัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงต้องกลํ้ากลืนฝืนทนมาโดยตลอด ยามนี้นางจึงไม่ได้ระวังตัวเพราะไม่คิดว่ากู้ซีจิ่วจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ตอกกลับมาตรงๆ นี่ถือเป็นการตบหน้านางอย่างจัง ใบหน้าของนางรู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม นางมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว เงยศีรษะขึ้นมองกู้ซีจิ่วแล้วกล่าวด้วยนํ้าเสียงนุ่มนวล “ซีจิ่ว เจ้าทำไม่ถูกนะ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานบิดาเจ้าเช่นนั้น? ที่แม่ไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้าก็เพื่อเป็นการดีต่อตัวเจ้าเอง ร่างกายของเจ้าอ่อนแอบอบบาง อีกทั้งไม่มีทักษะในการช่วยเหลือตนเอง หากว่าเจ้าได้ใช้แรงทำงานมากๆ จะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงขึ้นมาบ้าง…”
นางใช้ไม่กี่ประโยคนี้ค่อยๆ อำพรางสิ่งที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นการตำหนิถ้อยคำก่อนหน้านี้ของกู้ซีจิ่วอีกด้วย
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ “แม่รองช่างกล่าวได้อย่างวางท่าเสียจริง! วิธีการฝึกฝนร่างกายมีอีกตั้งมากมายหลายวิธี ทว่าแม่รองกลับเลือกวิธีการที่แสนยอดเยี่ยมเช่นนี้ผู้ที่เข้าใจก็จะกล่าวว่าแม่รองช่างหวังดีกับซีจิ่วนัก แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจก็อาจคิดว่าเป็นเพราะแม่รองอิจฉาริษยาฮูหยินใหญ่คนก่อน ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้กระทำทารุณบุตรสาวของนางเสีย ทำให้บุตรสาวฮูหยินคนก่อนต้องใช้ชีวิตไม่ต่างกับข้ารับใช้…”
“…” เหลิ่งเซียงอวี้จนคำพูดไป
‘นังเด็กที่ปกติบื้อใบ้เหมือนน้ำเต้าไม่มีปาก[1]คนนี้ไปฝึกฝนฝีปากจนคมกริบขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?’
ผู้ที่เข้ามาในเรือนครานี้ไม่ได้มีแค่คนตระกูลกู้ ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์แม้กระทั่งเจ้ากรมกรมวังที่รับผิดชอบจัดการเรื่องราวต่างๆ ของราชวงศ์ก็อยู่ด้วย…
ต้องโดนกู้ซีจิ่วพูดจาหักหน้าต่อหน้าบุคคลภายนอกมากมายเช่นนี้ใบหน้าของเหลิ่งเซียงอวี้แทบจะข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ อีกทั้งนางยังหาช่องโหว่จากคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่ได้เลยสักนิด ใบหน้าจึงแดงขึ้นอีกเล็กน้อย
กู้เทียนฉิงแย้มยิ้มพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “น้องหก ท่านแม่ทำแบบนี้เพราะหวังดีต่อเจ้าจริงๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้า แต่นางก็ดูแลเอาใจใส่เจ้ามาโดยตลอด บางครั้งเมื่อเห็นเจ้าทำงานหนักนางก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่ง มักจะมารำพันปรับทุกข์กับข้าอยู่เสมอ แต่เพื่อสุขภาพของเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้..”
กู้เทียนฉิงเป็นบุตรสาวที่กำเนิดจากเหลิ่งเซียงอวี้ปีนี้อายุ 16 ปีแล้ว นางเกิดมาพร้อมรูปโฉมที่ลํ้าเลิศ นํ้าเสียงยามพูดจาก็นุ่มนวลอ่อนหวาน บนร่างสวมชุดที่ทำจากผ้าแพรพลิ้วบาง ดูงดงามดุจเทพธิดา
นางแตกต่างกับกู้ซีจิ่ว เพราะนางคือความภาคภูมิใจของจวนแม่ทัพ นางมีรากฐานวิญญาณธาตุไม้ระดับสูง อายุยังน้อยแต่กลับฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นที่สี่แล้ว นับเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก
ในบรรดาคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง นางคือผู้ที่โดดเด่นที่สุด จึงได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากกู้เซี่ยเทียนเป็นอย่างมาก ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือถึงแม้นางจะเป็นยอดอัจฉริยะ แต่นางกลับไม่หยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจิตใจดีมีเมตตา เป็นภรรยาในอุดมคติของเหล่าคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง
เมื่อนางอายุครบ 15 ปีหลังจากเข้าพิธีปักปิ่น[2] แล้ว หน้าจวนสกุลกู้มีแม่สื่อที่พากันมาเจรจาสู่ขอนางมากมาย จนธรณีประตูจวนแทบจะถูกเหยียบยํ่าพังทลาย