บทที่ 179
ข้านึกว่าท่านเป็นเสาเลยกอดไว้
เหตุการณ์ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา การกระทำทั้งหมดของกู้ซีจิ่วเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณในสกานการณ์ฉุกเฉิน แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่กอดไว้อย่างฉับพลันคืออะไร
สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนเธอเหมือนจะแข็งทื่อทันที!
ขณะนี้เอง ในที่สุดเรือก็หยุดนิ่งแล้ว
เหนือศีรษะมีเสียงเยียบเย็นเล็กน้อยดังขึ้น “ปล่อยมือ!”
เมื่อกู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น ถึงพบว่าตนซุกอยู่ในอ้อมแขนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย สองแขนโอบกอดเอวบางของอีกฝ่ายไว้!
รัดแน่นอยู่ในอ้อมอกเขาเหมือนปลาหมึกไม่มีผิด
เธอรีบปล่อยมือทันที ผลุงตัวออก แล้วเงยหน้ามอง เห็นเด็กหนุ่มสาวทั้งแปดจ้องมองเธอด้วยความตกตะลึงอย่างที่หาได้ยาก
พอหันหน้าไป ก็พบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ยและเจ้าสำนักถามสวรรค์หลงซือเย่ต่างขี่สัตว์พาหนะของพวกเขามาหยุดที่ข้างตัวเรือทั้งสองด้าน
เทียนจี้เยวี่ยสีหน้าเย็นชาดั่งภูเขานํ้าแข็งพันปี มองอารมณ์ใดๆ ไม่ออก
หลงซือเย่เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย สายตาจับจ้องที่ร่างเธอ สีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก!
ส่วนตี้ฝูอีที่ถูกเธอกอดไว้เหมือนเป็นหลักต้านลมก็ลุกขึ้นมาแล้ว มองเธอด้วยท่าทียิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ใจกล้าไม่เบา!”
หนุ่มสาวทั้งแปดล้วนลอบพยักหน้า เด็กสาวคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว!
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ที่จริงแล้วหัวโบราณมาก ยามปกติไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้เขาในระยะหนึ่งจั้ง เมื่อฝ่าฝืนจะถูกซัดจนกระเด็นทันที ซัดกระเด็นแล้วยังไม่จบ ต้องรับบทลงโทษที่ร้ายแรงยิ่งนักอีก
พวกเขาทั้งแปดรับใช้อยู่ข้างเขามานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเข้าใกล้เขาเลย
ยามนี้เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงแต่เข้าใกล้เท่านั้น ยังกอดเอวอีกด้วย!
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ปราดเปรื่อง เรืองยุทธ์มีสาวน้อยคนหนึ่งแนบชิดอยู่ในอ้อมกอด
สิ่งที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทีหัวโบราณ ถึงขั้นผิดปกติไม่ได้ซัดเด็กสาวให้กระเด็นไปไกลสุดขอบฟ้า!
ประหลาดนัก!
กู้ซีจิ่วกลับไม่รู้สึกอะไร เมื่อครู่อยู่ในช่วงเวลาอันตราย ต่อให้เธอคว้าได้หมูตัวหนึ่งก็จะกอดไว้สุดชีวิตไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน…
ปลายจมูกยังมีกลิ่นกายเขาอวลอยู่จางๆ กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ กล่าวเพียงว่า “ขออภัยด้วย ข้านึกว่าท่านเป็นเสาเลยกอดไว้”
ตี้ฝูอีนิ่งงัน มีเสาที่หล่อเหลาจนถึงขั้นทำให้มนุษย์เคืองเทพชังขนาดนี้ด้วยเหรอ?
เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง สีหน้าแม่สาวน้อยไม่ลนลาน สุขุมเยือกเย็นมาก ไม่มีความปลาบปลื้มที่ได้กอดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ยิ่งใหญ่เลยสักนิด ท่าทีของนางเหมือนกอดท่อนไม้ท่อนหนึ่งจริงๆ
แท่นเบิกสวรรค์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาณาจักรเฟยซิง มีบทบาทคล้ายหอสักการะฟ้าของปักกิ่ง เพียงแต่สูงส่งกว่าหอสักการะฟ้าอยู่บ้าง
หอสักการะฟ้าเป็นสถานที่ทำพิธีบวงสรวงสวรรค์ขอให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ปีหน้าเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อุดมสมบูรณ์ แต่แท่นเบิกฟ้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรับฟังสวรรค์เบื้องบน ตรวจสอบผู้ที่ได้รับความสามารถจากสวรรค์ รวมถึงลงโทษจักรพรรดิที่ไร้คุณธรรม
ยามปกติแท่นเบิกสวรรค์จะไม่ปรากฏต่อหน้าผู้คน มีเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเปิดเองกับมือ มันถึงจะปรากฏออกมาที่ด้านขวาของวังคํ้านภา จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย
แท่นนี้ไม่ใช่จะเปิดกันได้ง่ายๆ บางคนอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตก็ยังไม่เคยเห็นว่าหน้าตาของแท่นนี้เป็นอย่างไร
ดังนั้นหลังจากข่าวคราวว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะเปิดแท่นเบิกสวรรค์เพื่อตรวจสอบว่ากู้ซีจิ่วใช่สานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนหรือไม่ แพร่ออกไป กระจายไปตามตรอกซอกซอยทั้งเมืองอย่างรวดเร็วดั่งสายลมพัดใบไม้ปลิดปลิว
ผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศแห่แหนกันมาที่นี่ ชุมนุมกันอยู่ที่ลานกว้างขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายของวังคํ้านภา รอให้แท่นศักดิ์สิทธิ์นั้นปรากฏขึ้นมา
ยามที่เรือแสนสะดุดตาลำนั้นปรากฏขึ้นกลางฟ้า ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างไชโยโห่ร้องเสียงดังขึ้นมาทีนที
พอเห็นเทียนจี้เยวี่ยและหลงซือเย่ที่อยู่ด้านข้างเรือสีฟ้า เสียงไชโยโห่ร้องนั้นก็ยิ่งดังสนั่นจนหูแทบหนวก!
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คน เรือลำนั้นลอยนิ่งหยุดอยู่ไม่สูงนัก ฝูงชนที่เฝ้าดูอยู่ด้านล่างจึงมองเห็นเหตุการณ์บนเรือได้ชัดเจน และย่อมมองเห็นกู้ซีจิ่วดีดตัวออกมาจากอ้อมกอดของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายด้วย…