บทที่ 178
วันนี้พวกเจ้ายังมิอิ่มหนำสำราญกันหรือ?
ถึงอย่างไรก็เป็นการเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่วที่จิตใจเข้มแข็ง ขณะนี้ก็หวั่นวิตกอยู่ในใจ เดิมทีเธอคิดจะถามขั้นตอนการตรวจสอบอย่างเฉพาะเจาะจงจากหยกนภา แต่จนใจที่เจ้าตัวบัดซบนี้แกล้งตายอยู่ตลอด แถมท่านทูตสวรรค์ผู้นี้ก็ไม่ตอบคำถามเธอตรงๆ
บนเรือของตี้ฝูอีมีข้าวของมากมาย เรียกได้ว่าพรั่งพร้อมทุกสิ่ง
บัดนี้เขากดลงไปบนโต๊ะเล็กตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง หน้าโต๊ะแยกออกอย่างไร้สุ้มเสียง มีนํ้าแกงสีขาวราวนํ้านมชามหนึ่งเลื่อนขึ้นมาจากข้างใน กลิ่นหอมหวานโชยเข้าจมูก
กลิ่นนี้…
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำอีกครั้ง ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อ ชามนํ้าแกงธรรมดาๆ นั้นพลันลอยมาหากู้ซีจิ่ว ทั้งยังมีวาจาอ่อนโยนดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิของเขาไล่หลังชามน้ำแกงที่ลอยมา “นํ้าแกง
มะละกอมีประโยชน์มาก ช่วยให้จิตใจคนสงบ บรรเทาอาการวิตกกังวล…”
พอพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักเล็กน้อย สายตาคู่นั้นของเขากวาดผ่านหน้าอกเธอ “ทั้งยังกล่าวกันว่ามีสรรพคุณบางอย่างที่สตรีชมชอบกัน เหมาะกับเจ้าพอดี ลองสักชามเถิด”
กู้ซีจิ่วถือชามนํ้าแกงนั้นราวกับถือเฝือกร้อนลวกมือไว้ อยากจะฟาดใบหน้างดงามของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ให้เปลี่ยนสียิ่งนัก!
ตอนนี้เธอสิ้นข้อสงสัยแล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้เลอเลิศไร้เทียมทานดั่งแสงทองเฉิดฉายที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็คือองค์หญิงคนงามในบ่อน้ำร้อนผู้นั้น!
เห็นทีความน่ารักน่าเอ็นดูดั่งลูกกวางน้อยของเขาในวันนั้นจะเป็น การเสแสร้งทั้งหมด!
นักแสดงดีเด่น!
ไอ้โรคจิต!
จะว่าไป วันนั้นเธอแปลงโฉมแล้วชัดๆ สุดท้ายแล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จำเธอได้อย่างไร?
หรือว่าเขาจะเหมือนในข่าวลือจริงๆ รู้ทุกอย่างทราบทุกเรื่อง?
ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้มีมากมายนัก กู้ซีจิ่ว รู้สึกว่าสมองที่ชาญฉลาดมาตลอดของตนใช้การได้ไม่เร็วพอแล้ว
ยามนี้เรือเริ่มขับเคลื่อน เคลื่อนที่ได้มั่นคงยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มทั้งสี่ที่พายเรือหรือเด็กสาวทั้งสี่ที่โบกแถบแพรสีฟ้าอยู่ด้านหน้าก็ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ ทั้งยังมีบุคลิกสุขุมเยือกเย็นอยู่ตลอด
หลังจากกู้ซีจิ่วขึ้นมาบนเรือแล้ว แม้แต่มองพวกเขาก็ยังไม่มองเลย ทำหน้าที่ไปตามปกติ เห็นได้ชัดว่าผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
จู่ๆ ด้านข้างก็มีเสียงลมดังขึ้น กู้ซีจิ่วเหลียวมองทันที มองเห็นทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ยอยู่บนหลังอินทรีเนตรทองตัวหนึ่ง โฉบผ่านข้างเรือไป เสื้อคลุมปลิวสะบัดจนเกือบจะปัดโดนเด็กหนุ่มที่จ้วงพายอยู่ท้ายเรือ…
กู้ซีจิ่วมองไปทางด้านหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เห็นหลงซือเย่ยืนอยู่บนหลังนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวหนึ่ง อาภรณ์พลิ้วไสว ไล่ตามมาเช่นกัน
“วันนี้พวกเจ้ายังมิอิ่มหนำสำราญกันหรือ?” จู่ๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เคาะกราบเรือเบาๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา
เด็กหนุ่มทั้งสี่และเด็กสาวทั้งสี่ตัวสั่นสะท้าน เหมือนถูกเขย่าขวัญพร้อมกัน…
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง เรือที่เดิมทีเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกำลังดี พลันเร่งรีบเหมือนจะไล่กวดเครื่องบิน ส่งเสียงหวีดหวิวแล้วพุ่งผ่านข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายขวาไป!
สายลมกรรโชกเกือบจะฉีกเสื้อคลุมของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาติดมาด้วยแล้ว…
ด้วยความเร็วซึ่งมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งบนเรือนี้ไม่มีที่กำบัง สายลมรุนแรงนัก แถมเรือยังสั่นสะเทือนอย่างหนัก กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นรู้สึก เหมือนนั่งบนเรือลำน้อยที่อยู่ท่ามกลางพายุก็มิปาน คลื่นทะเลโหม ซัดอยู่รอบด้าน ประเดี๋ยวเรือลำน้อยก็ถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้า ประเดี๋ยวก็ร่วงลงทะเล ผนวกกับสายลมรุนแรง พัดเสียจนเธอลืมตาอ้าปากลำบาก ความรู้สึกเช่นนั้นไม่น่าอภิรมย์อย่างยิ่ง!
ลำเรือหยุดลงกะหันหัน
แรงเฉื่อยมหาศาลทำให้ร่างกายกู้ซีจิ่วลอยขึ้นอย่างฉับพลัน เกือบจะถูกเหวี่ยงออกไป!
ตอนนี้เรือกำลังเคลื่อนที่อยู่ในระดับความสูงราวสามร้อยจั้ง หากเธอถูกเหวี่ยงออกนอกเรือ ตกลงไปคงเละตุ้มเปะจนกลายเป็นไส้แป้งทอดได้เลย!
ในสกานการณ์ฉุกเฉิน มือเธอไขว่คว้าออกไปทันที และคว้าบางสิ่งที่อ่อนนุ่มได้ จึงรีบจับเอาไว้อย่างสุดชีวิต..
สิ่งอ่อนนุ่มนั้นสั่นไหวรุนแรง ราวกับสามารถสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เธอตอบสนองอย่างฉับไวนำกลุ่มความอ่อนนุ่มนั้นมาพันไว้รอบข้อมือทันที จากนั้นก็ถือโอกาสดึง ร่างกายอาศัยแรงพุ่งถลาไป ด้านหน้าจนชนเข้ากับบางสิ่ง เธอจึงรีบกอดเอาไว้แน่น…