Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 297

บทที่ 297

ไปอย่างฮึกเหิม กลับอย่างหมดท่า

เมื่อเขากลับถึงเรือนหลักก็รู้สึกว้าวุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่าตนหมางเมินหลัวซิงหลานพอสมควรแล้ว ซ้ำยังตบนางอีกฉาด คาดว่าน่าจะทำให้นางตระหนักถึงสถานการณ์แล้ว

ขอเพียงนางไม่ก่อเรื่องหึงหวงวุ่นวาย เขาก็จะให้อภัยนาง ให้นางเป็นฮูหยินเอกแม่ทัพผู้ทรงเกียรติเหมือนเดิม

ยามพลบค่ำ ในที่สุดเขาก็เหยียบย่างเข้าไปในเรือนของหลัวซิงหลาน คิดจะพลอดรักกับนางสักหน่อย และมอบความรักของสามีให้นาง นึกไม่ถึงว่าจะเจอนางพบปะกับศิษย์พี่ของนางสองต่อสอง ศิษย์พี่นางคิดจะพานางหนีไป…

กู้เซี่ยเทียนสกัดพวกเขาไว้ในห้อง เดีอดดาลยิ่งนัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือกับศิษย์พี่ของนางทันที ตอนนั้นวรยุทธ์ของเขาสูงส่งกว่าพวกหลัวซิงหลานตั้งนานแล้ว ที่ยิ่งกว่านั้นคือเสียงเคลื่อนไหว ภายในห้องกระตุ้นให้ผู้คุ้มกันที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ ตื่นตระหนก…

สุดท้ายแล้ว ภายใต้การลงมือแทรกแซงของหลัวซิงหลาน ในที่สุดศิษย์พี่นางก็หนีไปได้ ส่วนหลัวซิงหลานถูกบังคับให้อยู่ต่อ

แต่การทรยศของเขาทำให้นางหมดใจอย่างสิ้นเชิง นางร้องขอหนังสือหย่าจากเขาด้วยท่าทีเย็นชาหมดอาลัยตายอยาก ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะแยกทางกับเขา

กู้เซี่ยเทียนรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าของที่เดิมทีเป็นของตัวเอง เมื่อยื่นมือไปคว้าก็เจอเสมอ ที่แท้ก็มีช่วงเวลาที่หายไปได้เช่นกัน…

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาทั้งตระหนกทั้งโกรธเคือง การเป็นแม่ทัพใหญ่มาหลายปีทำให้นิสัยเขาหยิ่งทะนงไม่ฟังคำใคร เขาบังคับข่มเหงหลัวซิงหลานด้วยความเดือดดาล ฉวยโอกาสทำลายวรยุทธ์นาง หลังเสร็จกิจก็ผลักประตูจากไป แล้วส่งผู้คุมกันมาเฝ้ายามอย่างเข้มงวด กักบริเวณหลัวซิงหลานอย่างแท้จริง

ในระหว่างนี้เขารับอนุเพิ่มอีกสองคน อนุทั้งสองนางมุมานะอย่างยิ่ง กำเนิดบุตรสาวสองคนให้เขาในปีเดียวกัน

หนึ่งปีต่อมายามที่กู้เซี่ยเทียนไปเยี่ยมหลัวซิงหลานอีกครั้ง เขาเป็นบิดาของเด็กห้าคนแล้ว บุตรชายสองบุตรสาวสาม

เขาคิดว่าหลัวซิงหลานได้รับบทเรียนมากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งไม่มีวรยุทธ์แล้ว น่าจะว่าง่ายขึ้นบ้าง ยามพบหน้าเขาอีกหนไม่แน่อาจยอมศิโรราบอย่างแท้จริงแล้ว…

เขาจงใจพาอนุใหม่สองนางไปด้วย คิดว่าหลัวซิงหลานจะหึงหวง เอะอะโวยวาย เขาคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับนางอย่างไร แต่คาดไม่ถึงว่าหลัวซิงหลานกลับมองเขาอย่างเย็นชายิ่ง ไม่มีทีท่าจะหึงหวง อนุสองคนนั้นของเขาเลย

ตอนนางหึงหวงเขารู้สึกว่านางช่างไม่รู้สถานการณ์เอาเสียเลย บัดนี้นางไม่หึงหวงแล้วเขากลับไม่สบอารมณ์…

ไปอย่างฮึกเหิม กลับอย่างหมดท่า

ประจวบกับวันต่อมาในวังให้เขาพาครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยง ยามนี้ย่อมต้องพาฮูหยินเอกไป

เขาปล่อยตัวหลัวซิงหลานออกมา ด้วยเกรงว่านางจะก่อเรื่องในวังพูดอะไรที่ไม่สมควร จึงตีสีหน้าเย็นชาสั่งสอนนางไปตลอดทาง ตอนนั้นหลัวซิงหลานไม่พูดอะไรสักคำ ตั้งแต่ถูกกักบริเวณ นางก็ไม่พูด กับเขาอีก

งานเลี้ยงในวังมีนางรำรูปโฉมงดงามร่ายรำขับร้องสร้างความบันเทิง จักรพรรดิซวนกับหลัวซิงหลานก็รู้จักกัน จักรพรรดิซวนได้ยินมาว่าหลัวซิงหลานขี้หึง เขานึกอยากกลั่นแกล้งขึ้นมาแวบหนึ่ง จงใจกล่าวว่าจะประทานนางรำสองนางให้เป็นอนุภรรยาของกู้เซี่ยเทียน

ในบ้านกู้เซี่ยเทียนมีอนุอยู่สี่คน รู้สึกชุลมุนวุ่นวายมากพอแล้ว จึงไม่อยากรับอีก

อีกอย่างเขากลัวหลัวซิงหลานจะหึงหวงอีกครา แล้วก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ คิดจะลุกขึ้นปฏิเสธแบบอ้อมๆ นึกไม่ถึงว่าหลัวซิงหลานจะลุกขึ้นเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง นางขอบพระทัยแทนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ รับนางรำสองนางเป็นอนุแทนเขา…

กู้เซี่ยเทียนไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไรดี แม้แต่จักรพรรดิซวนก็ประหลาดใจ อดถามไม่ได้ว่านางไม่หึงหวงหรือ?

นางกลับแย้มยิ้ม สีหน้าสงบเยือกเย็นอย่างแท้จริง “ไม่หึงหวงเพคะ”

หลังงานเลี้ยงเลิกรา นางรำทั้งสองนางก็โดยสารรถม้ากลับไปกับพวกเขาด้วย หลัวซิงหลานสละรถม้าให้เขาอยู่กับนางทั้งสองเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเองไปโดยสารรถม้าอีกคัน

นางเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดีเช่นนี้กลับทำให้กู้เซี่ยเทียนมีโทสะสุมเต็มอก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version