Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 298

บทที่ 298

ราวกับมองขยะชิ้นหนึ่ง…

เขาลงจากรถเมื่อกลับถึงจวน ประจวบกับที่หลัวซิงหลานก็ลงจากรถเช่นกัน หลัวซิงหลานยังคงยิ้มน้อยๆ ทำให้เขาไม่อยากทรยศต่อคืนวสันต์อันมีค่าดั่งทอง จึงปฏิบัติต่อสาวงามทั้งสองอย่างดี…

เขาไม่เห็นความหงุดหงิดหึงหวงในดวงตานางแม้สักเสี้ยว

จู่ๆ กู้เซี่ยเทียนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ไม่พูดไม่จาลากนางจากไป บังคับฉุดกระชากนางกลับเรือน เข้าครอบครองนางอีกครั้งราวกับต้องการระบายโทสะ

นับตั้งแต่สมรสกันมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิงหลานต่อต้านแรงปรารถนาของเขาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้กู้เซี่ยเทียนจะใช้กำลังบังคับจนสำเร็จลุล่วง แต่ก็ถูกนางข่วนใบหน้าและร่างกายจนเลือดไหลซิบ เขาไม่มีวันลืมสายตาของนางในยามนั้น เคียดแค้นชิงชังรังเกียจเดียดฉันท์ราวกับมองขยะชิ้นหนึ่ง…

สายตาเช่นนั้นของนางกระตุ้นโทสะกู้เซี่ยเทียน เขาผลักประตูจากไปอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ยังไม่รู้ดีรู้ชั่ว ด้านนอกมีสาวงามวัยกำดัดเป็นขบวน ทุกนางล้วนอ่อนหวานเอาอกเอาใจ เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี เหตุใดเขาต้องใส่ใจความรู้สึกสตรีวัยโรยราอายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่งด้วยเล่า?

เขารู้สึกว่าเขาควรมอบบทเรียนครั้งใหญ่แก่นาง ทำให้นางเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังจริงๆ เสียที

ด้วยเหตุนี้ กระบวนการลงโทษจึงเริ่มต้นหลังจากเขากลับไป

ยกตัวอย่างเช่นย้ายนางจากเรือนอันงดงามไปยังเรือนเล็กที่ทรุดโทรม ลดจำนวนสาวใช้ที่คอยรับใช้จากแปดคนเหลือแค่คนเดียว กักบริเวณไม่ให้นางก้าวออกจากประตูเรือน

เปลี่ยนสำรับจากอาหารเลิศรสสิบกว่าอย่างเป็นอาหารชืดชาสองอย่าง

นี่ยังไม่พูดถึงการส่งมอบไม่ตรงเวลา ปล่อยให้พวกนางสองนายบ่าวหิวโหย…

ยามนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว มักจะมีหิมะตก ในเรือนเล็กของนางไม่มีแม้แต่ไม้ฟืน ภายในห้องหนาวเย็นดุจโรงเก็บนํ้าแข็ง…

เป็นที่แน่นอนว่ากิจธุระภายในจวนแม่ทัพที่เดิมทีอยู่ในการดูแลของฮูหยินแม่ทัพก็ล้วนส่งมอบให้เหลิ่งเซียงอวี้เป็นผู้ดูแล หลัวซิงหลานกลายเป็นฮูหยินแต่เพียงในนาม ซ้ำยังถูกคุมขังไว้ในเรือนอันหนาว เหน็บ

กู้เซี่ยเทียนไม่สนใจไยดีนางกว่าครึ่งปีแล้ว ปล่อยให้เหล่าอนุและข้ารับใช้รังแกนางทั้งในที่ลับและที่แจ้ง…

กู้เซี่ยเทียนมักจะพาอนุไปกินดื่มเสพสุขในห้องโถงใหญ่ข้างเรือนเล็กอันทรุดโทรมที่นางอาศัยอยู่ เสียงดังโหวกเหวก เสียงดนตรีปี่พาทย์แม้กระทั้งกลิ่นสุราอาหารล้วนลอยออกมา เขารู้ว่าหลัวซิงหลานต้องได้ยินแน่นอน

นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่กู้เซี่ยเทียนปฏิบัติต่อกู้เทียนนั่วผู้เป็นบุตรชายอย่างเย็นชา ลำเอียงเข้าข้างบุตรคนอื่น มักจะว่ากล่าวกู้เทียนนั่วเพราะบุตรคนอื่นๆ เสมอ ส่วนใหญ่จะเลือกว่ากล่าวลงโทษกู้เทียนนั่วที่ด้านข้างเรือนทรุดโทรมหลังนั้นทุกครั้ง…

ยามนั้นกู้เทียนนั่วอายุสิบเอ็ดปีแล้ว เด็กน้อยที่แต่เดิมสดใสร่าเริง ค่อยๆ หม่นหมองลง เขาอยากไปเยี่ยมเยือนมารดา แต่ไม่ได้รับอนุญาต จุดประสงค์ที่กู้เซี่ยเทียนกระทำเช่นนี้ เพียงเพราะอยากให้หลัวซิงหลานสำนึกว่าเขาคือฟ้าของนาง แผ่นดินของนาง มีแต่ต้องเอาใจเขานางถึงจะมีชีวิตที่ดี…

เขาไม่รู้ว่าการกระทำไม่ยั้งคิดของตนครั้งนั้นทำให้นางตั้งครรภ์ การกระทำอันทารุณของเขาทำให้รอบเดือนนางมาไม่ปกติเมื่อครรภ์จวนจะครบสี่เดือนนางถึงรู้ตัว การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ เลวร้าย อารมณ์ที่หมองหม่น ทำให้นางขาดสารอาหารอย่างร้ายแรง ทารกในครรภ์ย่อมขาดแคลนสารอาหารไปด้วย…

ในระยะเวลาครึ่งปี จอมยุทธ์หญิงที่เดิมทีเปิดเผยจริงใจ มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ก็ถูกย่ำยีจนกลายเป็นแม่นางหลัวผู้อ่อนแอจนลมพัดปลิวได้

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในที่สุดกู้เทียนนั่วก็ลักลอบเข้าไปหามารดาที่เรือนเล็กสำเร็จ ได้พบมารดาที่คำนึงหาทุกเมื่อเชื่อวัน จากนั้นก็พบว่ามารดาท้องใหญ่นูนยิ่งนัก ทั้งยังมีไข้สูงสลบไสลไม่ได้สติ สาวใช้เพียงหนึ่งเดียวคนนั้นกำลังวุ่นวายมือเป็นระวิง…

กู้เทียนนั่วตาแดงก่ำ ดึงดันจะบุกเข้าไปในโถงพยัคฆ์ขาวที่กู้เซี่ยเทียนสนทนาราชการอยู่อย่างสุดชีวิต เด็กน้อยวัยสิบเอ็ดปีพอพบหน้าบิดาสองตาก็แดงฉานดุจสุนัขป่า คุกเข่ากับพื้นทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดก็โขกศีรษะไม่หยุด โขกจนหน้าผากแตก ขอร้องให้ท่านแม่ทัพปลดปล่อยมารดาเขา ขอร้องให้ช่วยเหลือมารดาเขา

เขาร้องไปด้วยพูดไปด้วย ในที่สุดกู้เซี่ยเทียนก็ทราบเรื่องที่หลัวซิงหลานตั้งครรภ์ ราวกับมีฟ้าผ่าลงศีรษะ รีบรุดไปที่เรือนเล็กของหลัวซิงหลานทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version