บทที่ 398
เจ้าโง่ผู้นี้! 1
เห็นได้ชัดเจนมากว่าเจ้าสิ่งนี้คิดจะซุ่มโจมตีเธอ หากมิใช่กู้ซีจิ่วตอบสนองว่องไว ถ้าโดนรัดเอวได้ เกรงว่าคงถูกลิ้นของมันรัดจนขาดเป็นสองท่อน กลายเป็นอาหารในปากของมันไปแล้ว
สัตว์ประหลาดตัวนั้นขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสารไปอีก เมื่อลิ้นได้รับบาดเจ็บก็กรีดร้องจี๊ดๆ ไม่หยุด จากนั้นพลิกตัวไต่ลงไปจากต้นไม้…
กลิ่นคาวเลือดคละคล้งอยุ่ในอากาศ กู้ซีจิ่วรู้เลยว่าเมื่อกลิ่นคาวเลือดฟุ้งออกไปสัตว์ร้ายตัวอื่นก็จะตามกลิ่นมาในชั่วเวลาไม่นาน! ที่นี่ย่อมไม่ปลอดภัยแล้ว!
โชคดีที่เธอแยกแยะทิศทางได้แล้ว จึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไปทันที
เธอเพิ่งจากไปไม่ถึงครึ่งนาที ทั่วสารทิศก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นไม่หยุด ท่ามกลางพุ่มไม้สั่นไหวมีสัตว์ร้ายกว่าสิบตัวโผล่ออกมาจากทุกทิศทาง…
อาหารมื้อใหญ่
ตัวกินมดที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้นถูกเล็บคมฟันแหลมนับไม่ถ้วนฉีกทึ้งจนไม่เหลือซาก
แน่นอน ระหว่างที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นแย่งชิงอาหารก็จะกัดกันเอง เมื่อโลหิตหลั่งไหล ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันก็จะเข้ามาผสมโรงด้วย สัตว์ร้ายสิบกว่าตัวโรมรันกันจนเหมือนโจ๊กหม้อหนึ่ง ต้นไม้ในสถานที่แห่งนี้สั่นไหวไม่หยุดดุจหม้อที่เดือดปุดๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง สถานที่นี้ก็เละเทะกระจัดกระจาย เหลือเพียงโครงกระดูกไม่กี่ท่อน
จู่ๆ บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นที่นี่อย่างไร้สุ้มเสียง เขาหมุนกายไปรอบๆ คล้ายตามหาอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งก็หาเศษผ้าชิ้นหนึ่งพบ เขาจ่อไว้ที่ปลายจมูกแล้วสูดกลิ่นเล็กน้อย หัวคิ้วพลันกระตุก
ดูเหมือนก่อนหน้านี้สาวน้อยผู้นั้นจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ จากนั้นก็มุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้! นั่นคือทิศทางของยอดเขาที่สี่!
เป็นการหลบหนีอย่างสุดวิสัยรึ? หรือว่าตีความของวิหคบูรพาตัวนั้นผิด?
สาวน้อยผู้เฉลียวฉลาดคนนั้นทำผิดพลาดในเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ได้! ช่างโง่งมโดยแท้…
ขณะที่เขากำลังจะหันหลัง งูยักษ์ตัวหนึ่งก็พลันโถมลงมาจากต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง อ้าปากกว้างแดงฉานพุ่งเข้าใส่เขา!
เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่หันไปมอง ซัดฝ่ามือไปทางด้านหลังทันที ลำแสงโชติข่วงสายหนึ่งสาดเข้าใส่ งูยักษ์ตัวนั้นพลันกลายเป็นเถ้าธุลี กระจายหายไปในอากาศ…
………………………
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าทิศทางนี้ที่ตนเลือกถูกต้องแน่นอน! เนื่องจากเมื่อเธอเคลื่อนย้ายไปตามทิศทางเดียวกันเรื่อยๆ สัตว์ร้ายในป่าก็ไม่ชุกชุมเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
เธอมีโอกาสพักหายใจด้วยเช่นกัน ไม่ต้องถูกสัตว์ร้ายใดๆ ไล่ล่าตลอดทางอีกแล้ว
แถมต้นไม้ก็ทั้งสูงทั้งใหญ่นัก ระยะห่างระหว่างต้นไม้ก็กว้างขึ้นมาก
แต่ก่อนระหว่างต้นไม้ใหญ่จะมีเถาหนามเลื้อยพัน ไม่มีที่ให้พักเท้าเลย
แต่ยามนี้ไม่มีเถาหนามพวกนั้นแล้ว ตรงช่องว่างระหว่างต้นไม้คือหินประหลาดที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ แม้แต่วัชพืชก็ไม่ขึ้น
ยามที่เธออยู่กลางอากาศแล้วมองลงมาได้แอบวัดระยะห่างระหว่างยอดเขาที่สองกับยอดเขาที่สามไว้แล้ว ระยะห่างประมาณ 70-80 ลี้ ด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกหนึ่งหรือสองชั่วยามเธอก็น่าจะออกไปได้แล้ว!
ในป่าทึบเช่นนี้ไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนย้ายเรื่อยเปื่อยได้ เนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีเพียงต้นไม้อย่างเดียว ยังมีหนองน้ำที่ท่วมคนได้ในชั่วพริบตา ห้วงน้ำมืดมิดที่ไหวกระเพื่อม มีกระทั่งทุ่งดอกไม้พิสดารสีฟ้าที่ปล่อยละอองพิษร้ายแรง หากเธอไม่มองให้ดีแล้วเคลื่อนย้ายเข้าไปในสถานที่เหล่านั้น คิดจะถอนตัวกลับคงยากเย็นยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์
กู้ซีจิ่วจะกวาดตามองไกลๆ ทุกครั้งก่อนใช้วิชาเคลื่อนย้ายเพื่อความปลอดภัย ท่ามกลางพงไพรที่มืดมิดเช่นนี้ กำลังสายตาของเธอสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้เพียงครั้งละหนึ่งลี้เท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งเธอจะเคลื่อนย้ายไปได้ประมาณหนึ่งลี้
ในป่าทึบมองไม่เห็นท้องฟ้าที่แท้จริงด้านนอก กู้ซีจิ่วทำได้เพียงคาดคะเนเวลาด้วยการนับลมหายใจตน ยามนี้น่าจะเที่ยงคืนแล้ว
เธอกินอาหารแห้งเล็กน้อยและดื่มน้ำอีกสองสามอึก กำลังคำนวณว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดถึงจะออกไปได้
ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่ารอบข้างเงียบจนน่าสะพรึง เมื่อครู่ในหูได้ยินเสียงกู่ร้องคำรามของเหล่าสัตว์ร้ายอยู่ตลอด แต่ยามนี้เสียงร้องเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว