บทที่ 399
เจ้าโง่ผู้นี้! 2
ราวกับป่าที่เธออยู่ไม่มีสัตว์ร้ายสัญจรผ่านอีกต่อไป มีเพียงความเงียบสงบเท่านั้น
กู้ซีจิ่วยืดกายขึ้นทันที กวาดตามองรอบๆ กิ่งก้านพฤกษารอบข้าง ยังคงเป็นสีนํ้าเงินดุจผืนสมุทรเหมือนเก่า มองไม่เห็นอันตรายใด แต่สัมผัสที่หกอันเฉียบคมบอกเธอว่ามีอันตรายกำลังเข้ามาใกล้ อย่างรวดเร็ว!
อันตรายนี้เกิดขึ้นฉับพลันทันใด ดุจอสรพิษเย็นเยียบที่ชอนไชเข้าไปในกระดูกมนุษย์ทำให้ขนทั่วร่างกู้ซีจิ่วลุกชัน!
มีอันตรายอยู่จริงๆ!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจจะตรวจสอบอีกต่อไป ยืดกายขึ้นใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาทันที…
‘ฟิ้ว’ สายลมกรรโชกปะทะหน้าในทันใด ลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งส่องวาบขึ้นเบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว เธอยังไม่ทันได้มองให้ชัดว่าเป็นสิ่งใด ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงมหาศาลก็ถาโถมท่วมท้นจิตใจเธอ!
ทำให้หัวใจเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาในชั่วพริบตา!
เคราะห์ดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองยามฉุกเฉินของเธอว่องไวเป็นพิเศษ พอเห็นท่าไม่ดีก็รีบเคลื่อนร่างกายถอยห่างไป 8 จั้งได้ทันท่วงที!
สิ่งนั้นคืออะไรกัน? สามารถปิดกั้นเส้นทางเคลื่อนย้ายของเธอภายในชั่วพริบตาได้อย่างไร?!
กู้’ซีจิ่วรีบเงยหน้ามอง กลับเห็นม่านวารีสายหนึ่งไหลบ่ามาทางเธอ!
ม่านวารีสายนั้นมิได้ไร้สีเช่นปกติ แต่เป็นสีรุ้ง ต่อให้อยู่ในที่มืดเช่นนี้ก็ยังดูเจิดจรัสพร่างพราวอย่างยิ่ง ประหนึ่งมีนกยูงขนาดมหึมารำแพนหางอยู่ตรงหน้า…
ว่ากันว่าสิ่งของยิ่งงดงามยิ่งมีพิษ เห็นได้ชัดว่าม่านวารีนี้มีพิษร้ายแรงยิ่ง
สัตว์ประหลาดที่พ่นพิษได้กู้ซีจิ่วมิใช่มิเคยประสบมาก่อน แต่เพิ่งจะเคยเห็นสัตว์ประหลาดที่พ่นพิษออกมาดุจธารนํ้าตกเป็นครั้งแรก!
ไม่มีเวลาให้ขบคิดพิจารณาแล้ว เธอทำได้เพียงพยายามเคลื่อนย้ายไปด้านหลังอีกครั้งอย่างสุดชีวิต!
เพียงแต่การเคลื่อนย้ายของเธอยังไม่ทันสำเร็จ ด้านหลังก็มีธารนํ้าตกพิษสายใหญ่ไหลบ่าเข้ามา…
น่าตายนัก!
กู้ซีจิ่วทำได้เพียงพยายามแวบไปทางด้านซ้ายอีกที…
โชคดีที่ว่าถึงแม้พลังวิญญาณของเธอไม่สูงส่งนัก แต่ก็เป็นเลิศด้านความว่องไว ภายใต้การขนาบของธารนํ้าตกพิษขนาดใหญ่สองสาย เธอก็สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น
ธารนํ้าตกทั้งสองสายกระแทกเข้าหากัน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตามด้วยหยาดฝนพิษที่สาดกระเซ็น…
ผ่านไปครู่หนึ่ง บรรดาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างหายไปเสมือนถูกกรดกำมะกันหลอมละลายก็มิปาน เผยให้เห็นฝืนดินว่างเปล่า บนผืนดินว่างเปล่าคือหินผาโล่งเปลือยที่ถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นสีดำ
กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป หัวใจเต้นตุ้บๆ! ทว่าสายตากลับจ้องสัตว์ประหลาดที่ลำตัวทั้งยาวทั้งแบนเขม็ง
สัตว์ประหลาดสองตัวนี้เป็นสายพันธุ์เดียวกัน และแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไปที่เธอพบเห็นบนยอดเขาที่สาม
สัตว์ประหลาดบนยอดเขาที่สามไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด เส้นขนและแผ่นเกล็ดล้วนเป็นสีฟ้าครามทั้งสิ้น เป็นสีเดียวกับยอดเขา
แต่เจ้าสัตว์ประหลาดสองตัวนี้กลับเป็นสีฟ้าแซมเหลือง
รูปร่างค่อนข้างคล้ายตะขาบ ทว่าขายาวๆ ที่มีอยู่ 8 ข้างลักษณะคล้ายตัวดูด แต่ละตัวล้วนยาว 4 ถึง 5 จั้ง ลำตัวอ่อนนิ่มเหมือนงู สามารถขดงอได้ตามใจนึก สีหลักบนร่างคือสีฟ้าคราม แต่แตกต่างจากสัตว์ประหลาดบนยอดเขาที่สามตัวอื่นตรงที่มีลายจุดสีเหลืองทองลักษณะคล้ายดอกกระทุ่ม บนศีรษะมีหนามยาวๆ ไหวระริกตามแรงลมดั่งแพรไหม มีดวงตา 3 คู่เหนือศีรษะ
ดวงตาทั้ง 3 คู่ล้วนเป็นสีฟ้าอ่อน มีทั้งหลับตาลืมตา ในดวงตาที่ลืมอยู่มีประกายแสงสีเหลืองทองสาดส่องออกมา มองแล้วทั้งประหลาดและชั่วร้าย…
‘ตะขาบพิฆาต 6 เนตร!’ หยกนภาที่ทำตัวเป็นกำไลอยู่เงียบๆ มาตลอดเพราะเกรงว่าจะรบกวนกู้ซีจิ่ว ในที่สุดก็อุทานออกมาอย่างสะกดกลั้นไว์ไม่อยู่ ‘สัตว์ประหลาดพลังวิญญาณขั้นหก! เจ้านาย ท่านจะไปยุแหย่พวกมันไม่ได้นะ รีบหนีเร็วเข้า!’
ด้วยวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่ว เจ้าสิ่งนี้เพียงตัวเดียวเธอก็ไม่กล้าไปยุแหย่แล้ว นับประสาอะไรกับ 2 ตัวที่โผล่มาในเวลาเดียวกันเล่า?!
เจ้าสองตัวนี้น่าจะเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน ประสานงานเข้าขากันยิ่ง สกัดกั้นโดยการขนาบหน้าหลัง บีบให้กู้ซีจิ่วต้องร้อนรน