บทที่ 412
ร่วมเป็นร่วมตาย 3
อันตรายเป็นสิ่งที่มาถึงในเสี้ยววินาที
ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณเตือน!
ยามนั้นกู้ซีจิ่วเพิ่งจะควักแก่นพลังของตะขาบพิฆาตสองตัวนั้นออกมา และบังเอิญทำแก่นพลังลูกหนึ่งหล่นลงบนพื้น ด้านในแก่นพลังนั้นคือเพลิงห้าธาตุ เมื่อหล่นลงพื้นก็พลันเปล่งแสงวาบ เกิด เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว!
ทำให้กู้ซีจิ่วตกใจอย่างยิ่ง!
ไม่รอให้เธอทันเก็บแก่นพลังที่หล่นขึ้นมา จู่ๆ ผืนดินใต้ฝ่าเท้าก็แตกแยกทันใด ฝ่าเท้ากู้ซีจิ่วพลันว่างเปล่า ตัวร่วงลงไปทันที!
เธอย่อมตกตะลึงอยู่แล้ว ถึงแม้จะตระหนกแต่ก็ไม่ลนลาน ซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปอย่างต่อเนื่อง ขอเพียงซัดถูกโพรงที่ผนังก็จะชะลอแนวโน้มการร่วงหล่นได้ จากนั้นพอร่างกายมั่นคงค่อยเหิน ทะยานขึ้นไป
แต่หลังจากซัดฝ่ามือออกไปหัวใจเธอพลันสิ้นหวัง เธอซัดฝ่ามือออกไปทุกทิศทางอย่างต่อเนื่อง ทว่าไม่พบโพรงบนผนังเลย พลังฝ่ามือเหล่านั้นราวกับซัดเข้าไปในความว่างเปล่า พลังไม่สัมผัสโดนสิ่งใดเลย…
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?!
โพรงที่แยกออกกะทันหันนี้ใหญ่แค่ไหนกันแน่?
เธอคิดยังไม่ทันจบ เหนือศีรษะก็มีเสียงตะโกนแว่วมา “ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
เสียงลมเสียดสีดังขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับมีคนดิ่งลงมา!
เห็นได้ชัดว่าความเร็วของคนผู้นั้นราดเร็วกว่าเธอ ตามมาทันในชั่วพริบตา เมื่อกู้ซีจิ่วที่วุ่นวายอยู่เหลียวศีรษะไปมอง คนผู้นั้นก็ร่วงผ่านข้างตัวเธอไปแล้ว
คนผู้นี้เฉียบแหลมนัก กอดเอวเธอไว้ในขณะที่ร่วงหล่น…
ทั้งสองคนร่วงลงไปเหมือนฝาแฝดตัวติดกัน, กู้ซีจิ่วไม่ทันได้สลัดเขาออก ร่างก็ร่วงลงมาถึงพื้นแล้ว…
เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ ทั้งสองคนหมุนกลิ้งไปบนพื้น ครานี้ซือเฉินได้กลายเป็นเบาะมนุษย์อีกครั้งแล้ว ถูกกู้ซีจิ่วทับไว้ใต้ร่างจนร้องขึ้นจมูก…
เขากอดเธอไว้แน่น เป็นกันชนที่แข็งแกร่งยิ่ง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ปลอดภัยไม่บุบสลาย เพียงแต่ยามนี้ทรงอกเธออยู่ในช่วงเจริญวัย ฉับไวต่อสัมผัสอย่างยิ่ง เมื่อทรวงอกกระแทกกับแผ่นอกเขา ทันใดนั้นความเจ็บปวดประหลาดที่ไม่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกก็พลันแล่นวาบขึ้นมา ทำให้เธอสูดลมหายใจเข้า เดิมทีหลังจากร่วงลงมาก็คิดจะใช้สองมือยันพื้นแล้วลุกขึ้น ผลคือแขนอ่อนแรง จึงล้มคว่ำบนตัวเขาอีกครั้ง…
ก้นหลุมมืดมิดนัก มืดสนิท! ด้วยสายตาระดับกู้ซีจิ่วก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใด…
เธอมองไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้าซือเฉินที่อยู่ใกล้แค่คืบ…
รับรู้ใด้เพียงลมหายใจที่ค่อนข้างหนักหน่วงของเขา
คงมิใช่ว่าเขาหล่นกระแทกจนได้รับบาดเจ็บกระมัง?
กู้ซีจิ่วควานหาข้อมือเขาตามสัญชาตญาณ นึกไม่ถึงว่าจะควานไม่พบมือ แต่กลับเฉียดโดนริมฝีปากเขา…
เธอตัวแข็งทื่อ เสียงซือเฉินดังแผ่วๆ มาจากใต้ร่าง “เจ้าคิดจะ…อิงแอบแนบชิดข้าอีกนานไหม?”
นํ้าเสียงดึงดูดดุจเครื่องเคลือบลํ้าค่ากระทบกัน แฝงเสน่ห์ยั่วเย้าไว้รางๆ
เธอดีดตัวขึ้นทันที พวงแก้มแดงเรื่อท่ามกลางความมืดมิด ทว่านํ้าเสียงกลับเรียบเฉยยิ่ง “พูดจามีเรี่ยวแรงเช่นนี้ น่าจะไม่บาดเจ็บอะไร ท่านกระโดดลงมาทำไม?”
เธอจำได้ชัดเจนว่าจุดที่เขายืนห่างไกลจากจุดที่แผ่นดินแยก หากเขาคิดจะหลบเลี่ยงย่อมง่ายดายนัก
“ในเมื่อเป็นสหายร่วมทางกัน ย่อมต้องมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ข้าเป็นบุรุษ มีหน้าที่ปกป้องสตรี เจ้าตกลงมาข้าย่อมต้องโดดลงตามอยู่แล้ว”
ซือเฉินกล่าวอย่างองอาจผ่าเผย ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเช่นกัน ทว่าเหมือนจะกระแทกโดนจุดที่บาดเจ็บจึงร้องออกมาเบาๆ
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
เธออดไม่ได้ที่จะระอาแล้วระอาอีก รู้สึกเหมือนบัณฑิตพบทหาร ถึงมีหลักการก็ยากจะเอื้อนเอ่ย
เพียงแต่ ถึงแม้คนผู้นี้จะค่อนข้างครํ่าครึ แต่ก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบผู้หนึ่ง ทำให้เธอใจไม่แข็งพอจะเตะเขาออกไป
ทว่าเธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาค่อนข้างลึกลับ ยามที่เขาติดตามอยู่ข้างกายเธอดูประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายที่ปลอมตัวเป็นลูกแมว…
ทำให้เส้นประสาทเธอตึงเครียดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เธอมองไปรอบๆ “ที่นี่คือที่ไหน?”