Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 413

บทที่ 413

ร่วมเป็นร่วมตาย 4

ซือเฉินถอนหายใจ “องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าไม่ควรก่อให้เกิดแสงเจิดจ้าหรือเสียงกัมปนาท?”

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอสับสนจริงๆ “ถ้าทำแล้วจะเป็นอย่างไร?”

“ก็ไม่เป็นยังไง หลัการเช่นเดียวกับการส่งเสียงดังในหุบเขาหิมะ แล้วทำให้หิมะถล่ม การส่งเสียงกัมปนาทในป่าทมิฬก็จะทำให้ แผ่นดินถล่ม หล่นลงไปในรอยแยก!”

กู้ซีจิ่วตะลึง หรงเจียหลัวไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอจริงๆ เพียงแต่ด้วยนิสัยขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเขาไม่น่าจะปิดบังเรื่องนี้กับเธอ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกัน

จู่ๆ เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้หัวใจดิ่งวูบ!

ก่อนจะเข้าสู่ป่าทมิฬอวิ๋นซิงหลัวต้องการมอบยันต์อัสนีหลายแผ่นให้เธอ ทว่าถูกตี้ฝูอีขวางไว้ทันที

ตอนนั้นเธอคิดว่าตี้ฝูอีจงใจกลั่นแกล้งเธอ ยามนี้พอนึกดูแล้วโชคดีที่ตี้ฝูอีช่วยขัดขวางให้เธอ มิเช่นนั้นเธอคงใช้ยันต์อัสนีทำให้สัตว์ร้ายที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสายตกใจล่าถอยไปนานแล้ว!

ดูเหมือนเขาจะขัดขวางอวิ๋นซิงหลัวเพื่อเธอ?

ที่แท้แล้วอวิ๋นซิงหลัวผู้นั้นรู้หรือไปว่าป่าทมิฬมีกฎเกณฑ์เช่นนี้?

นางส่งยันต์อัสนีให้เธอด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์รึ? หรือว่าประสงค์ดีแต่กลับกลายเป็นร้าย?

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ พลางครุ่นคิด

“นี่ เสี่ยวซีจิ่ว ยามนี้มิใช่เวลามาใจลอยกระมัง? เจ้าควรจะสำรวจเส้นทางแล้วรีบหาทางออกก่อน” ซือเฉินนั่งอยู่ตรงนั้นพลางเอ่ย

กู้ซีจิ่วตอบเขาไปโดยไม่ทันคิด “มิใช่ท่านกล่าวท่านเป็นบุรุษที่มีความผิดชอบหรอกหรือ? เรื่องการสำรวจเส้นทางเช่นนี้เป็นหน้าที่ที่บุรุษควรกระทำมิใช่หรือไร?”

ซือเฉินถอนหายใจ “ตกลง เสี่ยวซีจิ่ว นับว่าเจ้ามีเหตุผล!” เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็ซวนเซ ร่างกายค่อยๆ ทรุดลง กู้ซีจิ่วคอยระวังอยู่นานแล้ว จึงยื่นมือไปช่วยพยุงเขา “เป็นอะไรไป?”

ในระหว่างที่พูดก็ตรวจสอบชีพจรของเขาไปด้วยเงียบๆ และรู้สึกละอายใจขึ้นมาโดยพลัน ดูเหมือนเธอจะทับเขาจนบาดเจ็บจริงๆ แถมยังบาดเจ็บหนักด้วย!

“แน่นหน้าอก ปากคอหวานคาวอยู่บ้าง…” น้ำเสียงซือเฉินอู้อี้ แต่ยังแสร้งทำเป็นแข็งแรง “แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าก็ดีขึ้น”

เรือนกายสูงโปร่งของเขาพาดอยู่บนร่างเธอครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับเขาแล้วกู้ซีจิ่วค่อนข้างจะตัวเล็กกะทัดรัด

ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ต่างฝ่ายต่างได้กลิ่นกายของกันและกัน

กู้ซีจิ่วประคองเขาไปพักบนหินเขียวก้อนหนึ่งที่นูนขึ้นมา “เอาละ ท่านค่อยๆ นะ” จากนั้นยื่นยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งให้ “กินสิ่งนี้แล้ว ท่านจะฟื้นตัวเร็วขึ้น รอท่านค่อยยังชั่วแล้วพวกเราค่อยไป”

ซือเฉินนิ่งงัน เขาถอนหายใจ “สาวน้อย เจ้าช่างไร้นํ้าใจจริงๆ! ข้านึกว่าเจ้าจะพยุงข้าไปเสียอีก”

“สาวน้อยสาวใหญ่อันใดกัน ท่านก็โตกว่าข้าแค่ไม่เท่าไหร่เอง!” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เอ่ยปากแย้งเขา

ซือเฉินผู้นี้ดูแล้วน่าจะประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าหล่อเหลายังแฝงเค้าเยาว์วัย ตัวเขาเองก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง กลับมาเรียกเธอว่าสาวน้อยอย่างเต็มปากเต็มคำ!

“เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร?”

“เรียกชื่อแซ่ข้าตรงๆ ก็พอ”

“ไม่เอา! เรียกเจ้าด้วยซื่อแซ่ห่างเหินกันเกินไป”

“เช่นนั้นเรียกข้าว่าซีจิ่วดีไหม?” เธอยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง ทว่าซือเฉืนกลับส่ายหน้า “คนอื่นก็เรียกเจ้าเช่นนี้ ข้าไม่อยากเหมือนคนอื่น!”

เหตุใดเจ้าคนนี้ถึงจู้จี้จุกจิกได้ขนาดนี้?

กู้ซีจิ่วเงียบงันไร้วาจา ไม่อยากถกเถียงกับเขาไปมากกว่านี้ “เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านจะเรียกเถอะ”

“เสี่ยวซีจิ่ว?”

กู้ซีจิ่วสั่นสะท้าน

“เสี่ยวจิ๋วจิ่ว”

กู้ซีจิ่วตัวสั่นอีกครั้ง! ในที่สุดก็กล่าวอย่างเหลืออด “ข้าเคยมีชื่อเล่นว่าอาเซิง ท่านเรียกข้าเช่นนี้ได้”

“อาเซิง…เซิงเซิง หนูน้อยเซิง…” ซือเฉินเริ่มต่อเติมด้วยตัวเอง

กู้ซีจิ่วเกิดความคิดชั่ววูบว่าอยากจะเตะเขาสักครั้ง!

“เรียกข้าว่าอาเซิง หรือไม่ก็เรียกชื่อข้า ถ้าต่อเสริมเติมแต่งตามใจชอบอีก ข้าจะเตะท่านให้กระเด็น!” กู้ซีจิ่วข่มขู่เขาอย่างดุดัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version