Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 430

บทที่ 430

สงสัย 1

เมื่อพบว่ากู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าหอยยักษ์ตัวนั้นก็รีบเปิดปากเอ่ย “เจ้านาย เรียบร้อยแล้วกระมัง? -hาอื่มจะตายแล้ว กินไม่ไหวแล้ว…”

เส้นเลือดบนหน้าผากกู้ซีจิ่วเต้นตุบๆ ร่างกายซือเฉินไหววูบ สลัดสัตว์ร้ายที่ไล่ล่าพัวพันเหล่านั้นทิ้งแล้วกระโดดเข้ามาในค่ายกล “ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว”

สัตว์ร้ายเหล่านั้นสูญเสียเป้าหมาย อีกทั้งพวกมันยังไม่รู้จักค่ายกล ย่อมบุกตะลุยเข้าไปด้านใน ผลลัพธ์เป็นเช่นเดียวกับเสือดาวตัวนั้น ถูกสายลมคลั่งกวาดม้วนออกไปจากค่ายกล เตลิดหายไปไม่เห็นเงา

กู้ซีจิ่วมองเปลือกหอยที่อ้ากว้างจนแทบหุบไม่ลงของเจ้าหอยยักษ์ จากนั้นก็มองซือเฉิน “คุณชายซือเฉิน ท่านจะไม่อธิบายสักหน่อยหรือ?”

ซือเฉินเลิกคิ้ว “อธิบายอะไร?”

“เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่ได้บุกเข้ามา แล้วเหตุใดท่านต้องล่อพวกมันมาที่ประตูค่ายกลด้วย?” หากไม่มีเจ้าหอยยักษ์เฝ้าอยู่ตรงนี้ดุจเทพพิทักษ์ประตู ค่ายกลนี้คงถูกสัตว์ร้ายโจมตีจนพังไป แล้ว!

“สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่เจ้าเพิ่งรับมาใหม่หิวโหย ข้าเลยให้อาหารมัน” ซือเฉินตอบอย่างสบายๆ

เจ้าหอยยักษ์เงียบงัน มันถูกปรักปรำ!

ยามที่สนทนาเรื่อยเปื่อยกับซือเฉินมันเพียงเอ่ยออกมาโดยไม่ตั้งใจ ว่ามันเบื่อจนหิวแล้ว ผลคือซือเฉินผู้นี้จัดให้มันไปอยู่ตรงประตูค่ายกลจากนั้นก็ไปหลอกล่อสัตว์กลุ่มหนึ่งมาให้มันกิน…

เจ้าหอยยักษ์ที่อิ่มแปล้ เคลื่อนกายไปอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วอย่างยากลำบาก “ข้าอยากย่อยสักหน่อยแล้วค่อยเดินทาง”

เส้นเลือดบนหน้าผากกู้ซีจิ่วปูดโปน

‘เปรี๊ยะๆๆ!’ มีเสียงประหลาดแว่วมาจากอีกฝั่งของเขตแดน กู้ซีจิ่วหันไปมอง หัวใจเต้นรัว!

อีกฝั่งของเขตแดนมีสัตว์ร้ายสีส้มสีแดงสี่ห้าตัวกำลังต่อสู้กันดุเดือด…

เจ้าปีกสวรรค์ตัวก่อนหน้านั้นถูกฉีกทึ้งจนเหลือแต่โครงกระดูก ด้านในยามนี้สัตว์ที่ข่มเหงรังแกผู้อื่นอยู่คือสัตว์ประหลาดที่หัวเป็นเสือกายเป็นวัวตัวหนึ่ง มันรบรากับฝูงสัตว์อยู่ เพียงตวัดกรงเล็บลงไปก็สามารถฉีกกระชากเนื้อของคู่ต่อสู้ได้…

ฝนโลหิตสาดกระจาย ทำให้คนที่พบเห็นตกใจกลัว

สัตว์ประหลาดที่ตัวเป็นวัวหัวเป็นเสือตัวนั้นทั้งร่างเป็นสีแดงสด แดงฉานยิ่งกว่าโลหิตสดที่อยู่รอบข้าง

นี่คือสัตว์ประหลาดของยอดเขาที่เจ็ดกระมัง?!

มิใช่ว่าสัตว์ของยอดเขาทุกลูกล้วนมีอาณาเขตของตนหรอกหรือ? แล้วเหตุใดสัตว์ร้ายของยอดเขาที่เจ็ดถึงวิ่งมายอดเขาที่หกได้?

กู้ซีจิ่วค่อนข้างประหลาดใจ อดจะเอ่ยถามไม่ได้ ซือเฉินผู้รอบรู้จึงตอบ “สัตว์ร้ายของยอดเขาที่หกและที่เจ็ดอยู่คละกัน ไม่ได้แบ่งแยกชัดเจนเพียงนั้นอีก แน่นอนว่ายกเว้นยอดเขาที่แปดไว้”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เช่นนั้นสัตว์ร้ายของยอดเขาที่หกมิเสียเปรียบยิ่งนักรึ?”

ซือเฉินยื่นผลไม้ลูกหนึ่งให้เธอ ให้เธอกัดกิน พลางคลายข้อสงสัยให้เธอไปด้วย “สัตว์ร้ายสีส้มกับสีแดงความจริงแล้วพละกำลังของสองสีนี้ไม่ด้อยไปกว่ากัน ต่อให้เป็นสัตว์รายสีส้มก็สามารถฉีกทึ้ง สัตว์ร้ายสีแดงได้…”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

“แล้วสัตว์ร้ายของยอดเขาที่แปดเป็นอย่างไร? พวกมันถูกกักอาณาเขตให้อยู่ในยอดเขาที่แปดอย่างเดียวหรือไม่? พลังวิญญาณของทั้งเจ็ดยอดเขาล้วนไปรวมอยู่ที่ยอดเขาที่แปด สัตว์ร้ายที่บำเพ็ญอยู่บนยอดเขาที่แปดคงจะร้ายกาจยิ่งกระมัง?”

ซือเฉินยิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพลังวิญญาณของเขาทั้งเจ็ดยอดเขาไปรวมกันที่ยอดเขาที่แปด?”

กู้ซีจิ่วใจเต้นรัว ทราบว่าตนพลั้งปากไปแล้ว เคราะห์ดีที่เอาตัวรอดได้ “ง่ายยิ่งนัก ตอนข้าอยู่บนฟ้าเคยมองลงมาที่นี่ ตำแหน่งที่ตั้งยอดเขาทั้งแปดของป่าทมิฬเหมือนค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณมาก หากไม่ผิดไปจากที่คิด พลังวิญญาณของยอดเขาทั้งเจ็ดก็น่าจะไปรวมตัวที่ยอดเขาที่แปด…”

ฝ่ามือซือเฉินกดลงบนบ่ากู้ซีจิ่ว กล่าวยิ้มๆ “อาเซิง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะแตกฉานเรื่องค่ายกล” เขาพินิจกู้ซีจิ่วอีกครั้ง “นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเหตุใดแม่นางน้อยที่อ่อนวัยเช่นเจ้าถึงรู้มากขนาดนี้”

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ท่านก็ดูไม่โตเท่าไหร่นะ น่าจะแก่กว่าข้าแค่สองสามปี สิ่งที่ท่านรู้ก็ไม่น้อยเข่นกัน ทำให้ข้าแปลกใจนัก”

เด็กหนุ่มผู้นี้รู้มากอย่างยิ่ง รู้มากกว่าหยกนภาผู้รอบรู้เสียอีก!

ทำให้กู้ซีจิ่วเริ่มสงสัยฐานะของเขาขึ้นมา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version