บทที่ 429
สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย 4
ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “อาเซิง ค่ายกลนี้เจ้าคิดค้นขึ้นมาเองหรือ?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ใช่แล้ว เพิ่งจะคิดค้นสำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ ได้นำมาลองทดสอบที่นี่พอดีเลย”
ซือเฉินนิ่งงัน สามมุมมองของเขาพังทลายแล้ว!
เมื่อกู้ซีจิ่วตั้งค่ายกลเสร็จ ก็นั่งลงตรงใจกลางค่ายกล มองดูซือเฉิน “ท่านอยากพักก่อนไหม?”
ซือเฉินส่ายหน้า “อาการบาดเจ็บของข้าไม่เป็นไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักผ่อน”
“ดีเลย งั้นท่านช่วยอารักขาข้าสักหนึ่งชั่วยามเถิด หากมีสัตว์ร้ายบุกมา ขอเพียงพวกมันไม่บุกเข้ามายังตำแหน่งนั่น ค่ายกลนี้ก็จะไม่เสียหาย สัตว์ร้ายตัวนั้นก็จะคุกคามพวกเราไม่ได้” กู้ซีจิ่วชี้ตำแหน่งที่เปิดว่างอยู่
“ถ้าหากมันบุกมันถึงตำแหน่งนี้ได้ล่ะ?” ซือเฉินกลายเป็นเด็กน้อยช่างสงสัย
“ท่านก็ปลุกข้า ข้ามีวิธีจัดการมัน!” กู้ซีจิ่วมั่นอกมั่นใจ
“ตกลง” ซือเฉินตอบรับฉับไวยิ่ง
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเข้าฌานอย่างกล้าหาญมั่นใจ
ผ่านไปหนึ่งเค่อ กู้ซีจิ่วก็ถูกซือเฉินเขย่าปลุกอย่างร้อนรน “อาเซิง มีสัตว์ร้ายบุกเข้ามาแล้ว!”
กู้ซีจิ่วรีบลืมตาทันที มองเห็นเสือดาวสีทองตัวหนึ่งบุกมาถึงหน้าประตูค่ายกลที่เธอเคยพูดแล้ว!
เสือดาวของที่นี่แตกต่างจากเสือดาวในสถานที่ทั่วไป มีขนาดเท่าเสือดาวปกติสามตัวรวมกัน เขี้ยวในปากยาวหนึ่งฉื่อ ดวงตาสีทองเปี่ยมแววดุร้าย…
กู้ซีจิ่วดีดตัวขึ้นมา สองมือโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง ท่อนไม้ที่อยู่กลางค่ายกลเคลื่อนไหวตามท่าทางของเธอ ผ่านไปสักพักประตูที่เคยเปิดก็กลายเป็นปิดตาย ท่อนไม้นับไม่ถ้วนทุบไปที่เจ้าเสือดาวอย่างรุนแรง ถึงแม้เสือดาวตัวนั้นจะหนังหนา แต่ก็ทนการทุบตีขนาดนี้ไม่ไหว โยกซ้ายย้ายขวา ดิ้นรนสะเปะสะปะอยู่ภายในค่ายกล ยิ่งมันดิ้นสะเปะสะปะเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสค่ายกลมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายก็สัมผัสกับอาคมธาตุลมที่กู้ซีจิ่วติดตั้งไว้ ถูกสายลมกรรโชกม้วนกวาดออกไปนอกค่ายกล เสือดาวตัวนั้นถูกทุบตีจนหัวปูดโน หลังจากร่วงลงพื้นก็ไม่กล้าหาเรื่องกู้ซีจิ่วอีก เผ่นแน่บจากไปทันที
ซือเฉินยืนชมเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านข้าง อดจะกล่าวชมไม่ได้ “ค่ายกลนี้ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกขึ้นนิดๆ “แน่อยู่แล้ว” เพียงแต่เธอยังแคลงใจอยู่บ้าง ตามปกติแล้ว สัตว์ร้ายที่จะบุกเข้ามาตรงประตูค่ายกลที่เธอบอกไว้จะต้องมีสติปัญญาสูงยิ่งนัก แต่เสือดาวตัวนั้นดูไม่คล้ายว่าจะฉลาดเฉลียวปานนั้น….
เธอมองซือเฉินแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ คงมิใช่ว่าเจ้าคนผู้นี้อยากเห็นอานุภาพของค่ายกล เลยจงใจล่อเสือดาวตัวนั้นเข้ามากระมัง?!
‘เสี่ยวชาง จับตาดูเขา’ กู้ซีจิ่วคิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง จึงลอบสั่งการหยกนภา
‘ได้!’ หยกนภาตอบรับ เมื่อกี้มันก็คิดจะอารักขาเจ้านายเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะเข้าฌานตามเจ้านายไปซะได้…
กู้ซีจิ่วไม่วางใจ เลยหยิบเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้นออกมาอีกครั้ง สั่งให้มันเฝ้าค่ายกล แล้วค่อยเข้าฌานอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอเข้าฌานนานมาก ซือเฉินก็ไม่ได้รบกวนเธออีก
เมื่อเธอโคจรพลังครบหนึ่งรอบก็ลืมตาขึ้น พอเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างก็สะดุ้งโหยง
มีสัตว์ร้ายรายล้อมอยู่ทั่วสารทิศ ดุดันดั่งพยัคฆ์เหี้ยมมังกรหาญ บรรยากาศอึมครึม พวกมันไล่กัดซือเฉินอยู่…
วรยุทธ์ของซือเฉินผู้นี้ไม่ทราบว่าเป็นเช่นใด ทว่าฝีมือการเอาตัวรอดลํ้าเลิศนัก วิ่งดุจลมหอบหนึ่ง เหล่าสัตว์ร้ายมากมายที่ไล่กัดเขาแม้แต่สาบเสื้อเขาก็ยังคว้าไม่ได้ กลับถูกเขาหยอกล้ออีกด้วย ไม่แยแสการไล่กัดใดๆ ถูกเขาหลอกล่อไปที่ประตูค่ายกลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว…
เจ้าหอยยักษ์อ้าฝากว้างขวางอยู่ตรงประตูนั้น เมื่อมีสัตว์ร้ายถูกหลอกล่อมาถึงที่นี่ ก็จะถูกเจ้าหอยยักษ์เขมือบกลืน…
หนึ่งคนหนึ่งหอยเข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง