บทที่ 428
สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย 3
“กลัวหรือ?” ซือเฉินกุมมือน้อยๆ ข้างหนึ่งของนางไว้ ประสาทสัมผัสอันเฉียบไวของเขาสัมผัสได้ว่ามือน้อยๆ ของนางเย็นเฉียบ เขาลูบหลังมือนางเบาๆ “อย่ากลัวเลย มีข้าอยู่”
กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ เธอไม่ได้เอ่ยอะไรหยกนภาอดจะกังขาไม่ได้ ‘ตัวภาระผู้หนึ่งจะอยู่หรือไม่อยู่แล้วช่วยอันใดได้กัน?’
บางทีสัตว์ร้ายในยอดเขาที่หกอาจจะดุร้ายเกินไป สัตว์ร้ายในยอดเขาที่ห้าจึงหลีกลี้หนีห่างจากที่นี่ ดังนั้นจุดวางเขตแดนนี้จึงเป็นสถานที่ปลอดภัยที่พบเห็นได้ยาก
กู้ซีจิ่วถือโอกาสที่สัตว์ร้ายบนยอดเขาที่หกข้ามเขตแดนนี้มาไม่ได้ เธอจึงไม่รีบร้อนจากไป ชมสัตว์ร้ายที่อยู่เบื้องหน้าครู่หนึ่ง รูปร่างของปีกสวรรค์ตัวนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์เทอโรซอร์ ดู เหมือนมันอยากจะข้ามมาฝั่งนี้ยิ่งนัก พ่นไฟใส่เขตแดนอยู่เนืองๆ แต่เขตแดนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าป้อมปราการ มันยุ่งวุ่นวายอยู่นานสองนานก็ไม่สามารถฉีกกระชากเขตแดนให้ขาดได้ ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเกรี้ยวกราด สั่นสะเทือนจนแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นไหว
กู้ซีจิ่วจึงตัดสินใจ หาก้อนหินใหญ่สักก้อนแล้วนั่งลงเสียเลย นัยน์ตาซือเฉินสาดแสงวูบหนึ่ง “เจ้าจะทำอะไร?”
กู้ซีจิ่วนั่งขัดสมาธิ “ข้าคิดจะฟื้นฟูร่างกายแล้วค่อยไปต่อ”
หลังจาก เธอเข้าสู่ป่าทมิฬก็ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดอยู่ตลอด ไม่มีช่วงเวลาที่สงบเลย แทบจะไม่ได้พักผ่อน เหนื่อยจนแทบหมดแรง ถึงตอนที่อยู่ใต้ดินเมื่อกี้จะพักผ่อนไปบ้างแล้ว แต่ไอวิญญาณใต้ดินไม่เพียงพอ เธอนั่งสมาธิก็ฟื้นฟูได้เพียงพละกำลังเท่านั้น พลังวิญญาณแทบจะไม่ฟื้นฟูขึ้นมาเลยสักกระผีก แต่สถานที่แห่งนี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณ แถมยังไม่มีสัตว์ร้ายมาระราน เหมาะสำหรับการฝึกฝน
ซือเฉินถอนหายใจ “เจ้าช่างใจกล้าเหลือเกิน!”
ถึงอย่างไรก็มิใช่ทุกคนที่กล้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนยามที่เจ้าสำนักหยินหยางฮวาอู๋เหยียนฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นแปด แล้วเข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ เมื่อได้เห็นเหตุการณ์บนยอดเขาที่หกเข้าก็ตกตะลึงหันหลังจากไปทันที ไม่กล้ารั้งอยู่แม้แต่ครู่เดียว…
หลายปีที่ผ่านมาในบรรดาผู้คนที่สามารถมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ กู้ซีจิ่วคือผู้ที่มีพลังยุทธ์อ่อนแอที่สุด แต่ก็เป็นผู้ที่ใจกล้ที่สุด
ใจกล้าทว่าไม่บ้าบิ่น ไม่ว่านางจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบไหน ล้วนสามารถหาทางรอดจากอันตรายทั้งปวงได้อย่างรวดเร็ว
สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!
เขาเคยพบเห็นสตรีที่เป็นนักฆ่าไม่น้อย ทว่าไม่มีเลยสักคนที่จะโดดเด่นเช่นนาง
ที่แท้นางคือผู้ใดกลับชาติมาเกิดกันแน่?
ซือเฉินนั่งอยู่ตรงข้าม เพ่งพิศนางอย่างค่อนข้างใจลอย
ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะปลอดภัยอยู่บ้าง แต่รอบด้านก็ยังคงมีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายแว่วมาบ้างเป็นครั้งคราว เสียงนั้นทำให้แผ่นหลังเย็นวาบ แม้แต่หยกนภาที่คุ้นเคยกับเรื่องประหลาดเช่นนี้ก็ยังอยากหดตัว
แต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้กู้ซีจิ่วกลับเข้าสู่สมาธิได้อย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะลืมจิต
เพียงแต่สาวน้อยผู้นี้ยังหละหลวมเกินไป สถานที่แห่งนี้เพียงแค่ค่อนข้างปลอดภัยเท่านั้น ไม่ได้ปลอดภัยอย่างเด็ดขาด ยังมีสัตว์ร้ายที่มุทะลุบางส่วนเยื้องย่างอยู่รอบบริเวณนี้บ้างเป็นครั้งคราว
ความคิดซือเฉินเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ กู้ซีจิ่วก็ลืมตาแล้วโดดผลุงขึ้นมา “ลืมเรื่องหนึ่งไปเลย”
แล้วจึงกวักมือเรียกซือเฉินที่มองเธออยู่ “เจ้ามาช่วยหน่อยสิ”
ซือเฉินแปลกใจ ลุกขึ้นมาเช่นกัน “ให้ช่วยอะไร?”
ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่าช่วยอะไร กู้ซีจิ่วตัดท่อนไม้จำนวนหนึ่งมาแล้วปักไว้รอบๆ ท่อนไม้ที่เธอปักไว้พิเศษยิ่งนัก เหมือนเป็นการตั้งค่ายกลบางอย่าง
ซือเฉินช่วยนางเรียงไม้พลางเอ่ยถาม “เจ้าจะสร้างค่ายกลอะไร?”
“ค่ายกลจิ่วอี้ผันผวน สามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์ร้ายได้” กู้ซีจิ่วก็ไม่ได้เก็บงำอำพราง บอกชื่อค่ายกลออกมาตรงๆ
ซือเฉินรู้สึกว่าตนก็พบเห็นโลกมาไม่น้อย ทว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อค่ายกลนึ้เป็นครั้งแรก เขาแปลกใจอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ขณะที่จัดวาง จึงศึกษาค่ายกลนี้ไปด้วย