Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 427

บทที่ 427

สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย 2

เจ้าหอยยักษ์สามารถขุดทางรถไฟครึ่งลี้ได้ภายในครึ่งชั่วยามก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว…

“เจ้าหอยยักษ์ เจ้าอาศัยอยู่ใต้ดินยอดเขาที่ห้ามาตลอดไม่เคยออกไปไหนเลยใช่หรือไม่?” กู้ซีจิ่วสงสัยความเป็นไปได้ข้อนี้อย่างหนัก

“ใช่” เจ้าหอยยังกล่าวเสริมอีก “ตัวข้าเป็นหอยกาบ ไม่จำเป็นต้องออกไปไหนนี่นา”

ว่าแล้วเชียว!

กู้ซีจิ่วเคาะหว่างคิ้วเบาๆ ขณะที่เธอกำลังจะสั่งให้เจ้าหอยยักษ์เปิดทางสู่ผิวดิน จู่ๆ ก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ จึงรีบสาวเท้าไปด้านหน้าหลายก้าว ปลายนิ้วสัมผัสกำแพงดินสดใหม่

บนกำแพงดินนี้เหมือนจะมีบางสิ่ง!

เธอชักดาบออกมา แทงลงไปบนกำแพงดิน เมื่อปลายดาบจมเข้าไปในดินหนึ่งชุ่นก็เหมือนจะพบอุปสรรคบางอย่าง เข้าไปอีกไม่ได้

ด้วยดาบของเธออย่าว่าแต่กำแพงดินเลย ต่อให้กำแพงตรงหน้าทำมาจากเหล็กหล่อ ก็สามารถแทงทะลุได้ภายในดาบเดียว! ยามนี้ระยะหนึ่งชุ่นนี้พิสูจน์แล้วว่ามีอุปสรรคใหญ่อยู่!

เธอตัดสินใจเฉือนชั้นดินหนึ่งชุ่นนั้น ในที่สุดก็ได้เห็นสิ่งที่กีดขวางตนแล้ว เป็นเยื่อโปร่งใสชั้นหนึ่ง…

เมื่อดาบแทงถูกสิ่งนั้นก็ถูกดีดสะท้อนกลับมา นี่คืออะไร?

‘เขตแดน! เจ้านาย นี่คือเขตแดน!’ หยกนภาตะโกนขึ้นมาในหัวกู้ซีจิ่ว

เขตแดน?

กู้ซีจิ่วทราบว่าเขตแดนคืออะไร ตำนานเล่าว่าผู้บำเพ็ญที่มีพลังวิญญาณเลิศลํ้าจะสามารถสร้างเขตแดนได้ เมื่อมีเขตแดนนี้จะสามารถกีดขวางได้ทุกคนและทุกสิ่ง มีประสิทธิภาพยิ่งกว่ากำแพงใดๆ

เพียงแต่เขตแดนทั่วไปล้วนติดตั้งไว้บนพื้นดิน เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเขตแดนที่อยู่ลึกลงไปในดินเช่นนี้

เห็นได้ชัดเจนว่าเขตแดนด้านนั้นไม่อนุญาตให้ผู้ใดล่วงลํ้าเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามเด็ดขาด

เมื่อกู้ซีจิ่วแตะเขตแดน หัวใจพลันเต้นแวบหนึ่ง ที่นี่น่าจะเป็นยอดเขาที่ห้า หรือว่าตั้งแต่ยอดเขาที่ห้าขึ้นไปไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้า?

เธอมองไปทางซือเฉิน ซือเฉินก็แตะเขตแดนอยู่เหมือนกัน เขาถอนหายใจออกมา “เจ้าหอยยักษ์กับเจ้าหลงทิศเหมือนกันไม่มีผิด มันมาผิดทางแล้ว! ที่นี่คือเขตแดนระหว่างยอดเขาที่ห้าและยอดเขาที่หก ตั้งแต่ยอดเขาที่หกขึ้นไปเป็นสถานที่ต้องห้ามของทวีปนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป ดังนั้นถึงมีเขตแดนนี้”

กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ

เธอยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แต่หลังจากเคลื่อนย้ายขึ้นไปบนดิน เธอก็เชื่อคำของซือเฉิน

แผ่นดินที่เธอยืนเป็นสีเหลืองทั้งหมด แต่ทุกสิ่งที่อยู่อีกด้านของเขตแดนนั้นล้วนเป็นสีส้ม

เมื่อเธอกับซือเฉินขึ้นมาบนพื้น ก็เห็นว่าอีกด้านของเขตแดนมีดวงตาคู่โตของสัตว์ร้ายสีส้มตัวมหึมากำลังจ้องมองฝั่งนี้อยู่

ดวงตาคู่นั้นใหญ่กว่าโคมวังหลวงเสียอีก ในดวงตาราวกับมีเปลวไฟคุโชน เมื่อมองเห็นพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองคนก็รีบเชิดหน้ากู่ร้องทันที อ้าปากพ่นเปลวไฟสายหนึ่งมาทางด้านนี้!

เคราะห์ดีที่เขตแดนนั้นกีดขวางเปลวไฟสายนั้นไว้ มิเช่นนั้นด้วยอำนาจและความรุนแรงของเปลวไฟสายนั้น คงเพียงพอจะเผาผืนป่าใหญ่ของฝั่งนี้จนราบ…

กู้ซีจิ่วถอยหลังทันที “นี่คือสัตว์ร้ายอันใด?”

“ปีกสวรรค์” ซือเฉินดึงมือกู้ซีจิ่วให้ถอยหลังอีกหลายก้าว “ตะขาบพิฆาตหกเนตรที่ถูกเจ้าสังหารคืออาหารของพวกมัน สองตัวที่เจ้าพบน่าจะหนีออกมาจากยอดเขาที่หก ตะขาบพิฆาตหกเนตร สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันได้ อยู่ในยอดเขาที่หกพวกมันเป็นอาหารของปีกสวรรค์ แต่อยู่ในยอดเขาที่สามพวกมันเรียกได้ว่าเป็นราชา…”

ขณะที่กล่าว ปีกสวรรค์ตัวนั้นก็ฟาดกรงเล็บลงพื้น ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ฉึบ’ ตะขาบพิฆาตหกเนตรร่างกายใหญ่โตตัวหนึ่งถูกมันลากขึ้นมาจากใต้ดิน

ปีกสวรรค์ฟาดกรงเล็บใส่ร่างตะขาบพิฆาตหกเนตรตัวนั้นหลายที ตะขาบพิฆาตหกเนตรที่ดุร้ายถึงเพียงนั้นพลันอ่อนนิ่มดุจไส้เดือน ถูกปีกสวรรค์กัดกินประหนึ่งกินอ้อยก็มิปาน

แม้กู้ซีจิ่วจะกล้าหาญ แต่พอได้เห็นฉากนี้ก็รู้สึกหนาวสะท้านในหัวใจ

ตอนเธอรับมือกับตะขาบพิฆาตก็หวิดจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว หากเผชิญหน้ากับปีกสวรรค์ตัวนี้ซึ่งๆ หน้า เกรงว่าแม้แต่โอกาสหลบหนีก็คงไม่มี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version